แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 60 ตบ
ครั้นหันกลับมาเห็นฉีเหยียนเอ๋อ การแสดงออกของซิงเหวินจิ้งก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจ
“แม่บุญธรรม”
หลังจากที่ฉีเหยียนเอ๋อร้องเรียก เธอก็วิ่งไปยืนข้างซิงเหวินจิ้ง พลางจับแขนของซิงเหวินจิ้ง ครั้นเห็นว่าแม่บุญธรรมของตนอยู่ที่นี่ด้วย เธอก็ขจัดท่าทางเย่อหยิ่ง และข่มคนอื่นที่เพิ่งปฏิบัติกับเซี่ยฉิงกงลงทันที
“เหยียนเอ๋อ หนูกลับจากอังกฤษแล้วเหรอ ? ทำไมไม่บอกแม่ก่อนล่ะ ? เมื่อสองวันก่อนแม่ยังพูดถึงหนูกับพี่เฉินฮ่าวอยู่เลย”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซิงเหวินจิ้ง เธอจับมือที่อ่อนนุ่มราวไร้กระดูกของฉีเหยียนเอ๋อ พลางตบหลังมือเบา ๆ
ฉีเหยียนเอ๋อก้มหน้าลง พูดอย่างเขิน ๆ ว่า
“แม่บุญธรรม หนูก็แค่อยากให้คุณแม่ประหลาดใจค่ะ ?”
“อืม ในเมื่อหนูกลับมาก็ดีแล้ว เช่นนั้นหนูก็พักอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันเถอะ พี่เฉินฮ่าวของหนูได้รับบาดเจ็บ ต้องการคนช่วยดูแลพอดีเลย”
ฉีเหยียนเอ๋อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“แม่บุญธรรม ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ ? เมื่อครู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกว่าเธอเป็นคู่หมั้นของพี่เฉินฮ่าว ?”
ฉีเหยียนเอ๋อเสียงดังขึ้นอีกครั้ง เธอย่นคิ้วที่กันมาอย่างประณีตของเธอ พลางมองไปที่เซี่ยฉิงกงด้วยสายตารังเกียจ
ซิงเหวินจิ้งหันไปมองเซี่ยฉิงกงที่ยืนอยู่ตรงประตู พร้อมกับแดกดันเบา ๆ
“เอ่อ เรื่องนี้ลุงมู่ของหนูเคยพูดเล่นกับใครบางคนตอนที่เขายังหนุ่ม ทว่าอย่างไรก็ตามแม่ไม่เคยยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสะใภ้ของแม่”
“อืม หนูก็คิดเช่นนั้น แม่บุญธรรมไม่รู้อะไร คำแรกที่เธอพูดตอนที่เธอผลักประตูเข้ามาเมื่อครู่ ก็คือคำถามที่ว่าพี่เฉินฮ่าวตายหรือยัง ? คู่หมั้นอะไรแบบนี้”
ฉีเหยียนเอ๋อจ้องมองร่างของเซี่ยฉิงกง พลางกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
หญิงสาวที่อยู่ตรงประตูสวมเสื้อโค้ทอย่างลวก ๆ ทว่าก็ยังไม่สามารถปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งที่แลดูนุ่มนวลและอ่อนแอได้ ในชุดแบบนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ยังดูดี โดยเฉพาะใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไม่ได้แต่งแต้มอะไร กลับมีเสน่ห์และน่าหลงใหล ความอคติของฉีเหยียนเอ๋อก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ผู้หญิงแบบนี้ หากเธอเป็นผู้ชาย ก็คงไม่สามารถละสายตาจากใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ได้
“คุณหนูฉี คุณกำลังมองอะไร ? มีดอกไม้อยู่บนใบหน้าของฉันงั้นหรือ ?” เซี่ยฉิงกงยิ้ม
หากเดาไม่ผิด ฉีเหยียนเอ๋อคนนี้น่าที่จะชอบมู่เฉินฮ่าวอยู่ใช่ไหม ?
ไม่น่าแปลกใจที่จะแสดงความเป็นศัตรูกับเธอตั้งแต่แรกพบ
“เซี่ยฉิงกง นี่เธอกล้าสาปแช่งลูกชายของฉันให้ตายงั้นรึ ? ยังไม่ทันได้แต่งงาน เธอก็สาปแช่งลูกชายของฉันให้ตายแล้ว นี่เธอหวังแต่จะได้รับทรัพย์สินจากตระกูลมู่ใช่ไหม ?” ซิงเหวินจิ้งโพล่งออกมา เธอรู้สึกไม่ดีต่อเซี่ยฉิงกงมากขึ้นกว่าเดิม และความประทับใจก็ยิ่งแย่ลงไปอีกในทันที
ครั้นเห็นท่าทางการถามแบบไม่ต้องการคำตอบของซิงเหวินจิ้ง เซี่ยฉิงกงก็เผยอปากแต่ไม่พูดอะไร เธอเลือกที่จะเงียบ เพราะหากเซี่ยฉิงกงต้องการทะเลาะกับซิงเหวินจิ้ง เซี่ยฉิงกงก็สามารถใช้ประโยคเป็นร้อยประโยคโดยไม่ต้องหยาบคายก็สามารถทำให้ซิงเหวินจิ้งเถียงไม่ออกแล้ว
ทว่าท้ายที่สุด ซิงเหวินจิ้งก็เป็นมารดาของมู่เฉินฮ่าว และเป็นภรรยาของเจ้าบ้านมู่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทำตัวแข็งกระด้าง เพราะเซี่ยฉิงกงต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลมู่
“ไม่กล้าพูดงั้นหรือ ? อธิบายให้ฉันฟังหน่อย เธอหมายความว่าอย่างไรที่มาถามว่าลูกชายของฉันตายหรือยัง ? วันนี้ฉันจะสอนเธอให้รู้ดีชั่วแทนพ่อแม่ของเธอสักที”
สำหรับซิงเหวินจิ้งแล้ว ตระกูลเซี่ยก็แค่ต้องการอาศัยพึ่งพาบ้านสกุลมู่ของเธอในยามที่พวกเขามีปัญหา นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เด็กอย่างเซี่ยฉิงกง ซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่หลงเข้ามาในครอบครัวของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องเกรงใจ หนำซ้ำยังดูถูกอีกด้วย
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ธุรกิจของตระกูลมู่ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมอย่างสูงในนครเซี่ยงไฮ้เท่านั้น ทว่ายังมีแนวโน้มที่ดีในต่างประเทศอีกด้วย ซิงเหวินจิ้ง จึงได้รับการยกย่องจากภรรยาของผู้มีชื่อเสียงหลายคน ซึ่งนั่นทำให้เธอทั้งยโส ทั้งชอบข่มคนอื่น
ซิงเหวินจิ้งยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เธอพูด เธอก็ก้าวไปยืนหน้าเซี่ยฉิงกง เธอเงื้อมือขึ้นหมายจะตบหน้าของเด็กสาว
***จบตอน ตบ***
คอมเม้นต์