เฮดโฟนของผมเชื่อมต่อกับอนาคตได้! My Headphones Can Connect to the Future – ตอนที่ 31
ซูฟ่านจัดการลูกน้องคนหนึ่งของเขา หลบกระสุนปืนของจ้าวเมิ่งและจับตัวเขาเป็นตัวประกัน
จากสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ชูเทียนฉีกลับมีร่องรอยของความไว้วางใจในตัวซูฟ่านแทน
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสมากมายที่จะฆ่าทุกคนในที่นี้ แต่เขาไม่ทำจุดประสงค์ของเขาในการทำทุกอย่างก็แค่ต้องการออกจากที่นี่
“ฉันทิ้งปืนทิ้งแล้ว ไง? นายอยากจะระเบิดหัวฉันเหรอ?”
ซูฟ่านหันหน้าไปถามจ้าวเมิ่งด้วยน้ำเสียงยั่วยุ
จ้าวเมิ่งที่กำลังตกใจกับพฤติกรรมของซูฟ่าน จากนั้นเขาก็ตอบสนองต่อคำถามนี้
เขามองไปที่ชูเทียนฉี
หลังจากที่ชูเทียนฉีพยักหน้า จ้าวเมิ่งก็เก็บปืนกลับไปที่เอวของเขา
(เนียนแปล : ถ้าจ้าวเมิ่งมันเข้าใจว่าพยักหน้าคือลั่นไกมันไม่เกมพลิกเลยเรอะ?)
ซูฟ่านเดินไปที่โซฟาและนั่งลงยกขาไขว่ห้าง
ชูเทียนฉีไม่โกรธเมื่อเห็นท่าทางของเขาและตามไปนั่งตรงข้ามเขา
“ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจเธอนิดหน่อย”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน คุณไม่ได้เข้าใจผมผิดซักนิด ผมไม่สนใจมันแล้ว คุณต้องสัญญากับผมว่าจะไม้สร้างปัญหากับผมในอนาคต อย่าคิดว่าคุณจะทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการเพราะแค่คุณมีอำนาจ ถ้าคุณยังบังคับไม่ให้ผมไป ผมก็จะยอมตายไปพร้อมกับคุณ!”
ซูฟ่านขู่ด้วยความมั่นใจเต็มที่
ชูเทียนฉีหัวเราะ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเด็กหนุ่มผู้หยิ่งผยองเช่นนี้ ฉันว่าเธอต้องมีอนาคตที่สดใสแน่ ๆ”
เมื่อเผชิญกับคำพูดของชูเทียนฉี ซูฟ่านก็ขี้เกียจเกินกว่าจะฟังและไม่ตอบสนอง
ชูเทียนฉีรู้สึกอับอายนิดหน่อย เขากระแอมในลำคอ
“ฉันขอโทษสำหรับพฤติกรรมเมื่อครู่ เธอเองก็ทำร้ายลูกน้องของฉันคนหนึ่งแล้วก็เอาปืนมาจ่อหัวฉันแล้ว ดังนั้นอย่าโกรธเลย”
“โอ้คุณไม่โกรธเหรอ? แล้วไง?”
ซูฟ่านถามด้วยความโกรธ
ชูเทียนฉีคนนี้เป็นคนพาลจริง ๆ และยังไร้ศีลธรรมด้วย
“ฉันต้องการจ้างเธอมาเป็นบอดี้การ์ดของฉันเพราะตอนนี้มันว่างอยู่”
จ้างซูฟ่านเป็นบอดี้การ์ด?
ชูเทียนฉีเอ๋ยชูเทียนฉี คุณแม่งเป็นโรคสมองจริง ๆ นั่นแหล่ะ
มีปัญหากับลูกพี่คนนี้ไม่ใช่หรือไง?
เมื่อกี้คุณเพิ่งสั่งโจมตีใส่ฉันแต่ตอนนี้อยากจ้างฉันเหรอ?
ต่อหน้าลูกน้องที่สลบอยู่ของเขา เขายังบอกว่าจะจ้างฉันไปมาแทนที่อีกคน?
“ไม่ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วฉันก็จะไปแล้ว จากนี้ไปน้ำบ่อก็จะไม่ยุ่งกับน้ำคลองอีก”
ซูฟ่านลุกขึ้น
“สองล้าน ฉันจะให้เงินเธอปีละสองล้าน”
เมื่อได้ยินเงินเดือนของชูเทียนฉี ซูฟ่านก็ตกใจ
“ฉันจะจ่าย 1.5 ล้านสำหรับผู้เชี่ยวชาญอย่างจ้าวเมิ่ง แต่ถ้าเป็นเธอ ฉันยินดีจ่าย 2 ล้าน เธอคิดเกี่ยวกับมันหน่อยไหม?”
ชูเทียนฉีไม่สนใจความรู้สึกของลูกน้องของเขา
จ้าวเมิ่งเองก็ไม่มีการแสดงออกใด ๆ
เขาไม่ใช่คนขี้อิจฉา นอกจากนี้เงินเดือนประจำปีของเขาที่ 1.5 ล้านหยวนนั้นก็สูงพอสมควร
เขายอมรับว่าซูฟ่านนั้นดีกว่าตัวเขาเอง
“ไม่……”
“สามล้าน”
ก่อนที่ซูฟ่านจะปฏิเสธ ชูเทียนฉีก็เพิ่มราคาอีกครั้ง
สามล้านนี่ล่อใจจริง ๆ
ซูฟ่านเคยจินตนาการถึงงานในอนาคตว่าถ้าเขามีรายได้ 60,000 หยวนต่อปีเขาก็พอใจแล้ว
และตอนนี้มีงานที่สูงกว่าเงินเดือนที่เขาคาดหวังไว้ห้าสิบเท่า
แต่แม้ว่าเงื่อนไขนี้จะน่าดึงดูด ซูฟ่านก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะตกลง
หนึ่งเป็นเพราะชูเทียนฉีคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป
ประการที่สองชูเทียนฉีแม่งป่วยทางจิตและเขาเองก็ไม่เต็มใจที่จะทำงานกับคนเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นซูฟ่านก็ไม่ใจกว้างเท่าชูเทียนฉีที่จะทำเป็นลืมเรื่องก่อนหน้า
“ประธานชูใจกว้างมากและนั่นถือได้ว่าเป็นเกียรติสำหรับผม ผมรู้สึกขอบคุณมากแต่ไม่จำเป็นหรอก โปรดเก็บเงินสามล้านนี้ไว้เถอะครับ”
“ฉันสามารถเพิ่มได้อีกตราบเท่าที่เธออยู่นี่”
ดวงตาของชูเทียนฉีแน่วแน่
“จะเพิ่มเท่าไหร่? หนึ่งร้อยล้านเหรอ? ประธานชูคุณบ้าเหรอคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างเหรอ? ทำไมถึงคิดว่าฉันจะทำงานให้คุณแทนที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเองล่ะ?”
“โอ้…มันกลายเป็นว่าเพราะเธอคือชายหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานนี่เอง ถ้าอย่างนั้นฉันคงรั้งเอาไว้ไม่ได้”
แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่ชูเทียนฉีก็รู้ว่าซูฟ่านไม่เห็นด้วยกับจำนวนเงินที่เขาจะเพิ่ม
“ถ้าเช่นนั้นฉันจะไม่บังคับ แต่ฉันคิดว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับหยุนซี เธอช่วยโน้มน้าวหยุนซีให้เลิกเป็นศัตรูกับฉันได้ไหม?”
ชูเทียนฉีพูดด้วยเสียงอ่อนแรง
ซูฟ่านถูกอ้อนวอนอย่างกะทันหัน
ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าประตูมาชูเทียนฉีก็ดูหยิ่งผยองตลอดเวลา
แม้ว่าซูฟ่านจะเล็งปืนไปที่หัวของเขา แต่ชูเทียนฉีก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอใด ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อใดก็ตามที่พูดถึงชูหยุนซี ชูเทียนฉีก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือแสดงความหยิ่งผยองได้ เขาเป็นพ่อที่ลูกสาวเกลียดแต่ก็อยากจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตลูกสาว แบบนั้นเขาจะมีความสง่างามของประธานชูผู้โด่งดังได้อย่างไร?
“ผมทำไมไ่ด้ คุณต้องทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง”
“อืม…ดี ฉันยินดีที่จะเปลี่ยนตัวเองแต่ฉันต้องเปลี่ยนตรงไหนฉันก็ไม่รู้ ทุกครั้งที่ฉันต้องการสื่อสารกับหยุนซี ฉันก็มีปัญหาเสมอ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เบ้าตาของชูเทียนฉีก็เปียกจริง ๆ
แม้ว่าซูฟ่านจะเกลียดชูเทียนฉี แต่ในขณะนี้การได้เห็นผู้ชายมากอำนาจร้องไห้เพราะลูกสาวของเขาเกลียดเขามาก ตัวซูฟ่านเองก็รู้สึกไม่สบายใจ
“เอ่อ……”
ซูฟ่านนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง
“ผมอยากถามคุณว่าหวังถังและจางเฟินเฟินถูกจัดการยังไง?”
“ไอ้สองตัวงั้นหรือ? ฉันโยนมันลงแม่น้ำเป็นอาหารปลาไปแล้ว”
อะไรนะ!?
คนเป็นสองคนและหวังถังก็ถือว่ามีอำนาจไม่น้อยแต่ชูเทียนฉีถึงกล้าโยนคนลงไปในแม่น้ำเพื่อให้เป็นอาหารปลา?
ถ้าชูหยุนซีรู้เรื่องนี้เธอคงจะเกลียดชูเทียนฉีมากกว่าเดิม
“คุณชู ผมจำได้ว่าหยุนซีบอกกับคุณ…”
“ใช่ หยุนซีเป็นคนใจดีและเธอไม่สามารถทนได้ที่จะปฏิบัติต่อคนที่ทำร้ายเธออย่างโหดร้าย แต่ในฐานะพ่อไอ้สารเลวสองตัวที่จะทำลายความบริสุทธิ์ของลูกสาวของฉัน แน่นอนฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกมันรอดได้ง่าย ๆ!”
“แต่พวกเขาไม่มีความผิดถึงตาย เจตนาของหยุนซีคือการส่งให้กระบวนการกฎหมายหรือการลงโทษเล็กน้อย ไม่ใช่แบบนี้…”
ชูเทียนฉีถอนหายใจและยังพึมพำว่าชูหยุนซีไม่รู้และไม่เข้าใจเจตนาที่ดีของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับคนดื้อรั้นและอหังการคนนี้ ซูฟ่านก็โดนแรงกระตุ้นให้โกรธเช่นกัน
แต่เขาก็ทนไว้
ในการพูดคุยกับชูหยุนซี เขารู้สึกได้ว่าเธอยังคงหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพ่อของเธอ
ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ชูหยุนซีหรอกแต่เป็นนิสัยของชูเทียนฉีน่ารำคาญเกินไป
“เราจะไม่พูดถึงคนที่ทำร้ายหยุนซี ในฐานะพ่อแล้วแม้ว่าวิธีการของคุณจะมากเกินไปแต่ก็เข้าใจได้”
“แต่ยังไงก็ตามคุณบอกว่าทำเพื่อเธอ แต่คุณทำอะไรกับผมที่เป็นเพื่อนที่ปฏิบัติกับหยุนซีอย่างจริงใจ? คุณสืบเรื่องของผมทั้งหมดและเกือบจะยิงหัวผมด้วยซ้ำ!”
“หยุนซีบอกผมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณทำแบบนี้ คุณทำให้ชีวิตของเธอยุ่งเหยิงความปรารถนาที่จะปกป้องเธอของคุณกลับทำร้ายเพื่อนคนสำคัญของเธอ! แล้วแบบนี้คุณจะให้เธอเข้าหาคุณได้ไง?”
หลังจากที่ซูฟ่านพูดเรื่องนี้ชูเทียนฉีก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เงียบไป
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชูหยุนซีก็บอกว่าเขาเป็นคนที่ทำตามอำเภอใจและควบคุมชีวิตของเธอ
เธอทำแม้กระทั่งตัดความสัมพันธ์กับเขา
หลังจากที่เธอเดบิวต์เธอก็ขู่เอาชีวิตตัวเองและปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจากชูเทียนฉีหรือเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาว
เธอยังประกาศว่าเขาตายแล้วอีกด้วย
เรื่องเหล่านี้ชูเทียนฉีรู้ดีว่าพฤติกรรมของเขาถูกลูกสาวรังเกียจมากแค่ไหนและเขาควรเปลี่ยนนิสัยของเขาจริง ๆ
คอมเม้นต์