องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 12 : หางจิ้งจอก

อ่านนิยายจีนเรื่อง World-shaking First Daughter: Powerful Medical Princess องค์หญิงหมอเทวะ ตอนที่ 12 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“ทำไม?”

 

“ท่านแม่  ไม่ต้องกังวล  เมืองหนานเจิงอยู่ใกล้กับเมืองชุนหยาง  ข้าจะกลับมาในอีกสิบวัน”

 

“แต่ข้าเป็นห่วงท่าน”

 

“ไม่จำเป็นต้องกังวล  ข้าจะเดินทางตามถนนสายหลักและข้ามีคนคุ้มกัน  ข้าจะปลอดภัย”

 

นางจ้าวกังวลเกี่ยวกับมู่เก๋อ  แต่นางเห็นว่ามู่เก๋อมีความมุ่งมั่นและนางกังวลเกี่ยวกับนางจาง  ดังนั้น  ในที่สุดนางก็ต้องตอบตกลง

 

“เจ้าจะไปไกลบ้าน  สัญญากับแม่ว่าเจ้าจะระวังตัวให้มาก”

 

“ท่านแม่  มันง่ายมาก  ข้าจะไม่เป็นอันใด”

 

ก่อนที่นางจะจากไป  มู่เก๋อกำชับเยวร์รู่ในหลายๆเรื่อง

 

“คุณหนูใหญ่  ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ”

 

ซูหลุนได้รับแจ้งว่ามู่เก๋อจะไปเมืองหนานเจิง  เป็นเรื่องยากที่เขาจะจัดรถม้าผู้คุ้กันสามคนและคนขับหนึ่งคนให้กับมู่เก๋อ

 

“เจ้าเป็นหญิงสาว  ทำไมไม่พาสาวใช้ออกไปกับเจ้าด้วย?”  ซูหลุนสังเกตว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ซูมู่เก๋อและขมวดคิ้ว

 

นางเป็นลูกสาวของเขาที่เกิดมาเป็นคนโตในครอบครัวอย่างเป็นทางการ  เขาคิดว่าการไม่โอ้อวดจะทำให้เขาอับอาย

 

“มันเป็นความผิดของข้าเอง  เมื่อวานข้าได้เลือกสาวใช้ที่มีความสามารถสองนางเพื่อติดตามมู่เก๋อไปยังเมืองหนานเจิงแล้ว”  นางอันกล่าว

 

สาวใช้ร่างสูงสองนางที่อยู่ข้างหลังนางอันก้าวออกมาด้านหน้าแล้วพูดว่า  “ยินดีรับใช้เจ้าค่ะ  คุณหนูใหญ่”

 

ซูมู่เก๋อเหลือบมองสาวใช้ทั้งสองคน  ดึงหมวกลงและเข้าไปในรถม้า

 

รถม้าแล่นอย่างเร็วและมาถึงถนนสายหลักหลังจากนั้นไม่นาน  นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปข้างนอกหลังจากที่เธอเดินทางมายังโลกนี้

 

ซูมู่เก๋อเปิดม่านเล็กน้อยและมองไปที่ทิวทัศน์บนถนน  ถนนในเมืองชุนหยางนั้นกว้างขวางมาก จนสามารถรองรับรถม้าขนาดใหญ่อย่างน้อยสองคันที่แล่นสวนกันได้  มันสว่างมากแล้ว  มีพ่อค้าเร่และผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของตลอดสองข้างทาง  ช่างเป็นภาพที่ดูคึกคัก

 

ซูมู่เก๋อไม่ได้ปิดม่านจนกว่าพวกเขาจะถึงประตูเมือง  ดูเหมือนเธอจะมีความสุขกับทิวทัศน์บนถนน  ในความเป็นจริงเธอยังจำเส้นทางระหว่างทางได้ด้วยในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น

 

สาวใช้ทั้งสองดูไม่เป็นอันตราย  นั่งเงียบๆ

 

มันน่าจะใช้เวลาเกือบสามวันในการเดินทางจากเมืองชุนหยางไปหนานเจิงตามถนนสายหลัก

 

ซูมู่เก๋อหลับตาพิงรถม้า  แต่เธอไม่ได้หลับจริง  ตื่นตัวอยู่

 

การเดินทางหนึ่งวันเป็นไปอย่างราบรื่นและพวกเขาพักผ่านในเมืองเล็กๆ  ในตอนกลางคืน

 

“ข้าไม่มีอันใดต้องการอีกแล้ว  พวกเจ้าไปได้”

 

“เจ้าค่ะ  คุณหนู”

 

ในโรงแรม  หลังจากสาวใช้ออกไปแล้ว  ซูมู่เก๋ออาบน้ำอย่างสบายตัว  ก่อนนอนนำเก้าอี้และโต๊ะมาวางในตำแหน่งที่แน่ใจ  ดังนั้นถ้ามีคนเข้ามามันจะเสียงดังทันที

 

เธอนอนหลับสนิท

 

เช้าวันรุ่งขึ้น  พวกเขาทานอาหารเช้าในโรงแรมและออกเดินทางต่อ

 

ออกจากเมืองมาพวกเขาไปทางทิศใต้และสามารถไปถึงเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับเมืองหนานเจิงก่อนค่ำได้

 

“ปอบ..แปบ…”

 

น่าเสียดายที่ในช่วงครึ่งทางของพวกเขาจู่ๆก็มีลมพัดแรง ฝนเริ่มลงเม็ด

 

ซู่มู่เก๋อเปิดม่านและเห็นว่าท้องฟ้ามือสนิท หลังจากเที่ยงมาเพียงครู่เดียว

 

“มันจะมีพายุกฝน  ไปหาที่พักดันเถอะ”

 

“เจ้าค่ะ  คุณหนู”

 

รถม้าเร่งความเร็วขึ้นและในรถม้าก็เข้มขึ้นเรื่อย ๆ  ซูมู่เก๋อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

เธอเปิดม่านและเห็นว่ารถม้ากำลังเข้าไปในป่า  นี่ไม่ใช่ถนนที่เป็นสายหลักนิ แต่อย่างใดและเป็นไปไม่ได้ที่จะหาที่พักพิงที่นี่!

 

“หยุด! เปลี่ยนทิศทางและออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”

 

เสียงร้องของเธอปลิวหายไปกับสายลม  เธอต้องการจับคนขับ  แต่ทันใดนั้น  เธอก็ถูกสาวใช้ทั้งสองจับได้  พวกเขาลากร่างทั้งหมดของมู่เก๋อกลับไปที่รถม้า

 

มีแสงมืดเข้ามาในดวงตาของเธอ

 

ไอ้เหี้ย!

 

“เจ้ากำลังทำอะไร!”

 

“คุณหนูใหญ่  ทำตัวให้สนุก!” สาวใช้ทั้งสองกดเธอแน่นและรถม้าก็หยุดลง

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึไม่?” คนขับถาม

 

“เข้ามา  เร็วเข้า”

 

“ฮ่าฮ่า  ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว”  คนขับหัวเราะอย่างหลาบโลน  เขาเปิดม่านและกระโดดขึ้นรถม้าโดยมีคนคุ้มกันสามคนยืนอยู่ข้างหลัง

 

“เร็วเข้า  ฝนกำลังจะตก  เหมาะดีสำหรับอีลูกไม่มีพ่อนี่”  สาวใช้กล่าว

 

ในความมืดซูมู่เก๋อมองเห็นรอยยิ้มที่หยาบโลนของคนขับรถม้าที่กำลังจะเข้ามาหานาง

 

เมื่อเขามาใกล้เธอ ซูมู่เก๋อก็ยกขาขึ้นและเตะเขาไปที่เป้ากลางตัวมันอย่างแรง

 

“อ๊ะ!”

 

คนขับส่งเสียงดังด้วยความเจ็บปวดและตกลงไปจากรถม้า

 

ซูมู่เก๋อยกสองขาของนางขึ้นอีกครั้งและถีบไปที่หัวของสาวใช้ทั้งสองอย่างแรง

 

“โอ้ย!”

 

สาวใช้ทั้งสองเพรี่ยงพร้ำ  ซูมู่เก๋อคว้าโอกาสที่จะเตะพวกเขาออกจากรถ  แล้วนางก็นั่งตำแหน่งคนขับ  เตะหลังม้า  ม้าเริ่มวิ่งเร็วอย่างเจ็บปวด

 

“จับนางไว้  จับนาง!”

 

หลังจากนั้นไม่นานคนคุ้มกันก็ตามนาง  กำลังไล่ล่าซูมู่เก๋อ  แต่นางอยู่ห่างจากพวกเขาแล้ว

 

สายฝนโปรยปรายลงบนใบหน้าและดวงตาของนาง  ในขณะเดียวกันลมก็พัดแรงจนนางแทบจะลืมตาไม่ขึ้น  ซึ่งทำให้ซูมู่เก๋อมองไม่เห็นอะไรชัดเจน

 

“เปรี้ยง! ปัง!”

 

ฟ้าร้องสว่างวาบและนางสังเกตเห็นวัดเก่าซอมซ่อ  นางจึงขี่ม้อเข้าไปในวัด

 

วัดโทรมทั้งมืดและน่าขนลุก  ซูมู่เก๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งเข้าไปในวิหารเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศเลวร้าย

 

ทันทีที่นางเข้าไปในวัด  ลมหนาวที่มืดมน  หนาวเหน็บก็เข้ามาปะทะร่างนาง…..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด