องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 37 : ในที่สุดเจ้าก็มา

อ่านนิยายจีนเรื่อง World-shaking First Daughter: Powerful Medical Princess องค์หญิงหมอเทวะ ตอนที่ 37 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ฝนตกลงมาทำให้พื้นดินกลายเป็นโคลน  อากาศชื้นและมีกลิ่นเหม็นไปทั่ว

 

ตามทิศทางที่คนขับบอก  ซูมู่เกอเห็นร่างสีขาวบวมอืดอยู่ใต้ล้อรถม้า!

 

ซูมู่เกอสวมเสื้อคลุมฟางกันฝนแล้วกระโดดลงจากรถม้า  “ทำการถอยรถม้าออกไปสักหน่อย”

 

คนขับรถม้าดึงบังเหียนด้วยมืออันสั่นเทาและทำให้รถม้าถอยหลังด้วยความยากลำบาก

 

เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวออกไป  มีศพนอนหลาอยู่บนถนน

 

ซูมู่เกอหยิบถุงมือหนังแกะออกมาเป็นถุงมือที่นางใช้สำหรับปรุงยาและสวมมัน จับศพพลิกหงายหน้าขึ้นมา

 

จากหลักฐานทางร่างกายและความบวมอืด  มันสามารถบอกได้ว่าศพนั้นตายมาแล้วอย่างน้อยห้าวัน

 

“มะ-มันคือ  มันคือ  ฮู่ ชายชราฮู่  มันคือชายชราฮู่!”  คนขับเบียดตัวเองเข้ากับที่นั่งของเขา  ในสถานการณ์เช่นนี้  เขาไม่คิดเลยว่าทำไมสาวน้อยถึงนิ่งสงบได้ขนาดนี้เมื่อนางเห็นศพ  แต่เขากลับสั่นสะท้านมองไปที่ใบหน้าซีดไร้สีเลือดของศพหลังจากที่ซูมู่เกอจับร่างพลิกหงายขึ้นมา

 

“เจ้ารู้จักเขา?”  ซูมู่เกอมองไปที่คนขับรถม้า

 

คนขับพยักหน้ารับ  “คุณหนูใหญ่  เขายังเป็นคนขับรถม้าจากคฤหาสน์ซูด้วยขอรับ  เขาไปเขตเมืองโจวกับใต้เท้าเมื่อไม่นานมานี้”

 

ซูมู่เกอคิ้วขมวด  “เจ้าหมายถึงเขาออกจากคฤหาสน์ซูพร้อมกับท่านพ่อ?”

 

“ใช่ๆ ขอรับ”

 

ซูมู่เกอตรวจสอบศพอย่างละเอียด  อาการบาดเจ็บสาหัสของผู้ตายอยู่ตรงหัวใจของเขาซึ่งเกิดจากอาวุธมีคม  เขาตายด้วยการถูกแทงเพียงครั้งเดียว  ไม่มีร่องรอยที่เห็นได้ชัดจากการต่อสู้บนร่างกายของเขา

 

อีกอย่าง  คนที่แทงผู้ชายคนนี้ต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์  เขาเร็วมากขนาดที่ไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้มีเวลาได้ต่อต้านเขาได้

 

“รอข้าอยู่ที่นี่  ข้าจะไปตรวจรอบๆ และดูว่ามีเบาะแสอย่างอื่นๆอีกหรือไม่”

 

ซูมู่เกอตรวจสอบรอบๆ แต่ไม่พบอะไร  ฝนตกมาหลายวันแล้วและร่อยรอยใดๆ ที่เป็นไป ได้ถูกชะล้างไปหมดแล้ว

 

เมื่อเดินกลับไปที่รถม้า  ดวงตาของซูมู่เกอยังคงจับจ้องไปที่ร่างที่นอนสิ้นใจบนพื้น  ดวงตาของนางมืดมน

 

“คุณหนูใหญ่ ปะ ไปกันเถอะขอรับ  กลับไป”

 

“เจ้าขี่ม้ากลับไปเพื่อขอให้ใครมาจัดการศพ  ทำการตรวจสอบหาความจริงเกี่ยวกับมัน  ข้าคิดว่าท่านพ่อของข้าคงถูกปล้น  ข้าจะไปเขตเมืองโจวด้วยตัวข้าเอง”

 

คนขับมองไปที่ซูมู่เกอด้วยความประหลาดใจ

 

“คะคุณหนูใหญ่  ท่านไป  ท่านกำลังจะเดินทางไปด้วยตัวเอง……”

 

“ใช่”

 

ซูมู่เกอเดินไปที่รถม้าและดึงกริชของนางออกมาเพื่อตัดบังเหียนออกจากม้าตัวหนึ่ง

 

“ถ้า ถ้าเช่นนั้นโปรดดูแลตัวเองด้วยขอรับ คุณหนูใหญ่”

 

ซูมู่เกอพนักหน้าตอบรับ  ดึงศพออกไปด้านข้างและคลุมด้วยกิ่งไม้  หลังจากนั้นนางก็กระโดดขึ้นบนรถม้าและหวดแส้ วิ่งออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

 

คนขับก็กระโดดขึ้นไปบนหลังม้าของเขาเช่นกัน  ถ้าทุกอย่างราบรื่น  เขาจะสามารถกลับไปที่เมืองชุนหยางได้ก่อนที่ฟ้าจะมืด

 

ซูมู่เกอขี่รถม้าไปตามถนนเส้นหลัก  ยิ่งใกล้เขตเมืองโจว ถนนก็ยิ่งยากขึ้น  มีร่อยรอยของการถูกน้ำท่วมในบางแห่ง

 

มันมืดลงแล้วและซูมู่เกอมองไม่เห็นถนนตรงหน้านางอย่างชัดเจน  นางต้องตั้งแคมป์ในคืนนี้และโชคยังดีที่ฝนตกน้อยลง

 

ก่อนที่ความมืดจะมืดสนิทลง  เธอพบพื้นที่ว่าง  ผูกรถม้าไว้และกลับขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น

 

ซูมู่เกอพบตะเกียงน้ำมันจากลิ้นชักเล็กๆ ภายในรถม้าและจุดมัน  จากนั้นนางก็นทานอาหารเย็นห่ออาหารสำหรับที่นางพร้อมทาน  พร้อมด้วยน้ำ

 

จุดประสงค์ของนางในการไปเยือนเขตเมืองโจวคือเพื่อค้นหาสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันที่นั่น  ช่วยน้ำท่วมและตามหาซูหลุน

 

ไม่ว่าซูหลุนจะหายตัวไปจริงหรือไม่  เขาจะต้องปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตนี้!

 

ลมพัดแรงอยู่ด้านนอกรถม้าทำให้ผ้าม่านมีเสียงดัง  มันมีเสียงกรอบแกรบดังในความเงียบโดยรอบ แต่ที่ได้ยินตอนนี้มีเพียงเสียงสายฝนที่โปรยลงมาและเสียงของซูมู่เกอเคี้ยวและกลืนอาหารของนาง

 

ทันใดนั้น  มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นอีกครั้ง

 

ซูมู่เกอหยุดชั่วขณะตอนที่นางถือกาต้มน้ำไว้ในมือ  นางปิดหน้าด้วยผ้าดึงกริชออกมาจากขาของนาง แนบตัวกับผนังด้านข้างของรถม้าและตั้งใจฟังเสียงนั้นด้วยความระมัดระวัง

 

เสียงกรอบแกรบหยุดและดังเรื่อยๆ  หากไม่ใช่เพื่อการได้ยินที่ละเอียดอ่อนของซูมู่เกอ  มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตได้

 

ครู่ต่อมาเสียงดังใกล้เข้ามา  และซูมู่เกอกระชับมือเข้ากับกริช

 

พร้อมกับเสียงลมที่รุนแรง  ซูมู่เกอเปิดม่านอย่างฉับพลันและกระโดดออกจากรถม้า  กริชในมือของนางกระพริบในความมืดด้วยความเย็นและแทงออกไปอย่างแม่นยำยังทิศทางของเสียงที่ดังอย่างรวดเร็วและรุนแรง

 

“โอ้ย!”  มีเสียงเด็กร้องออกมาด้วยความตกใจ  ซูมู่เกอยั้งมือที่ถือกริชค้างไว้ได้ทัน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายเด็ก  ด้วยแสงจางๆ นางเห็นเด็กอายุหกหรือเจ็ดขวบอยู่ในมือของนาง

 

ในขณะนั้น  เด็กก็มองนางด้วยสายตาหวาดผวา  เขากำลังสั่นสะท้าน

 

“ถงเอ๋อร์!”

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาข้างหลังนาง  ซูมู่เกอปล่อยเด็กและขยังร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจม

 

“โอ้ย!”

 

หลังจากเสียงกรีดร้องไม่นานก็มีบางอย่างตกลงที่พื้นอย่างแรง

 

ซูมู่เกอพยายามรักษาสมดูลการทรงตัวและมองย้อนกลับไป  สิ่งที่ตกลงบนพื้นคือหญิงชราที่อายุมากกว่าห้าสิบปี

 

ซูมู่เกอขมวดคิ้ว

 

“ท่านย่า  ท่านยาเป็นยังไงบ้าง?”  เด็กน้อยลุกขึ้นจากพื้นและรีบไปช่วยหญิงชรา

 

มันชัดเจนว่าหญิงชราอาการไม่ดีนักจากการล้มลงบนพื้นเนื่องจากนางต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่นางจะสามารถลุกนั่งได้จากความช่วยเหลือของเด็กชายตัวน้อย

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

“พวก  พวกเราเพิ่งหนีออกจากเขตเมืองโจว…”  เด็กชายตอบซูมู่เกอในขณะที่ตัวสั่นด้วยความกลัวและตื่นตัว

 

ซูมู่เกอขมวดคิ้ว  “เจ้าออกมาจากเขตเมืองโจวงั้นรึ?”

 

“เจ้าค่ะ นายน้อย  โปรดเมตตาเราด้วยและช่วยเราด้วยเจ้าค่ะ  เราไม่มีอาหารมาหลายวันแล้ว  ระหว่างทางเราไม่พบผู้ใดแม้สักคนเดียว  เราเห็นรถม้าของท่านและต้องการที่จะมาขออาหาร”  หญิงชราอ้าปากค้างและพูดอย่างอ่อนแรง  นางขอร้องซูมู่เกอ

 

“มีเพียงเจ้าสองคนเท่านั้นหรือ?”

 

เด็กน้อยพยักหน้า  “ขอรับ  คนในหมู่บ้านหนีออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  บางส่วนถูกน้ำพัดหายไป….”

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้แกล้งทำ  เมื่อซูมู่เกอกำลังจะเก็บกริชที่นางถือไว้ในมือ  ทันใดนั้น  นางก็หยุดมองไปที่ป่าด้านหลังพวกเขา

 

“อยู่นิ่งๆและห้ามขยับ!”

 

ซูมู่เกอกำกริชไว้ในมือของนางและตั้งท่าพร้อมที่จะต่อสู้เมื่อความรู้สึกถึงไอสังหารจากในป่าแล้วจู่ๆมันก็หายไป

 

ซูมู่เกอตรวจสอบมันหลายครั้ง  หลังจากที่นางมั่นใจว่าไม่มีอันตรายแล้ว  นางก็หายใจเข้าลึกๆ  และเก็บกริชของนาง

 

นางเดินไปช่วยหญิงชราและหลานชายขึ้นยืน  “ข้าไม่รู้ว่าฝนจะหยุดตกเมื่อไหร่  คืนนี้ท่านสามารถพักบนรถม้ากับข้าได้”

 

เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้พวกเขากำลังจะคุกเข่าลงและคำนับเพื่อขอบคุณซูมู่เกอ  นางหยุดพวกเขาไว้

 

เสื้อผ้าของทั้งคู่เปียก  และพวกเขาคงป่วยแน่ ๆ ที่อยู่แบบนี้  นางทำได้เพียงแค่นำเสื้อผ้าที่เตรียมไว้สำหรับตัวเองและให้พวกเขาเปลี่ยน

 

นางหยิบห่ออาหารออกจากย่ามของนางให้พวกเขาด้วย “เจ้าไม่ได้กินอาหารมาหลายวันแล้วดังนั้นอย่ากินมากเกินไป  กระเพาะอาหารต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว”

 

“ขอบคุณ  นายน้อย ขอบคุณมาก”

 

เมื่อทั้งสองอิ่มแล้ว  นางให้ยาสองเม็ดกับพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัดและเป็นไข้  และทั้งสองก็นอนในรถม้า

 

รถม้าก็ไม่ใหญ่ ซูมู่เกอกังวลว่าจะมีคนเข้ามาในตอนกลางคืน ท้ายที่สุดนางกลัวความรู้สึกของอันตรายที่มาจากในป่า

………………………….

 

นอกเมืองหยานเซี่ย

 

เซี่ยโฮวโม่กำลังควบม้าสีดำ  เขาสวมชุดเกราะสีม่วงและทองดูหนักและกระหายเลือดไปตามความมืด

 

กองทัพตะวันตกบุกโจมตีค่ายหยานเซี่ยในเวลาเที่ยงคืนและเซี่ยโฮวโม่  กษัตริย์แห่งจิน  นำกองกำลังต่อสู้กลับด้วยตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม  เมื่อเซี่ยโฮวโม่มาถึงก็ไม่พบกองทัพตะวันตกเลย

 

คนในหมู่บ้านของพวกเขา  ออกมาต่อสู้เอง  แต่เมื่อพวกเขาออกมาและพร้อมที่จะต่อสู้  คู่ต่อสู้ก็หายไป  และสิ่งที่น่าขันที่สุดคือคนที่เซี่ยโฮวโม่ส่งออกไปนั้นไม่พบร่องรอยของกองทัพตะวันตกเลย

 

มันเหมือนกับจินตนาการที่หลอกลวงเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับกองกำลังของเซี่ยโฮวโม่

 

กษัตริย์แห่งจินโกรธ  และผลที่ตามมาอาจร้ายแรงมาก

 

หลังจากนั้นไม่นาน  เจ้าหน้าที่ก็ขึ้นม้า

 

“ฝ่าบาท  เราได้ค้นหาสถานที่ที่เป็นไปได้ทั้งหมดแล้วและไม่พบร่องรอยของกองทัพตะวันตกเลยพะย่ะค่ะ”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้  ผู้ที่กราบทูลก็รู้สึกเพียงอากาศเย็นยะเยือกรอบตัวพวกเขา  และแม้แต่ลมหายใจของพวกเขาก็หดหู่!

 

ดวงตาของเซี่ยโฮวโม่ผสานเข้ากับความมืด  และดวงตานั้นก็เปี่ยมไปด้วยความเย็นชา

 

นอกจากนี้ยังมีความขึงขังบนใบหน้าของตงหลิน

 

“พวกสามารถซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”

 

รองแม่ทัพมองไปที่เซี่ยโฮวโม่

 

“ฝ่าบาท  เราจะทำเยี่ยงไรดี?”

 

ดวงตาสีเข้มของเซี่ยโฮวโม่ขยับเล็กน้อย  “เจ้าค้นหาสถานที่ทั้งหมดแล้วหรือยัง?”

 

“ครั้งนี้พวกมันขนกองกำลังมาทั้งหมดเกือบห้าพันคนจากกองทัพตะวันตก  ซ่อนตัวอยู่นอกค่ายหยานเซี่ย  จะไม่พบร่องรอยหรือทิ้งหลักฐานใดๆเลย  มันแทบจะเป็นไปไม่ได้!”

 

“แล้วค่ายพักทหารล่ะ?”

 

ตงหลินมองไปที่เซี่ยโฮวโม่ด้วยความประหลาดใจ  “ค่ายพักทหารเป็นที่ที่ทหารและม้าของเรามักจะพักผ่อนหลังการฝึก  พวกมันจะไม่ไปที่นั่นได้อย่างไร?”

 

เมื่อดวงตาของเซี่ยโฮวโม่เคลื่อนไหว  ตงหลินรู้สึกหายใจลำบากขึ้น  “ข้าน้อยจะส่งคนไปค้นหาเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ”

 

รองแม่ทัพยังไม่เชื่อเรื่องนี้  “ฝ่าบาท  พระองค์คิดว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในค่ายพักทหารของเราจริงๆหรือพะย่ะค่ะ?”

 

“เราจะรู้คำตอบเร็วๆนี้”

 

คนของตงหลินกลังมาในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

 

“ฝ่าบาท  คนของเราพบร่องรอยที่น่าสงสัยในค่ายพักทหารพะย่ะค่ะ”

 

ใบหน้าของเซี่ยโฮวโม่ดูมืดมน

 

“แน่ใจ?”

 

“มีรอยฝีเท้าใหม่ๆมากมายในค่ายพักทหาร  แต่เราหยุดฝึกคนและม้าของเราไปเมื่อสามวันก่อนแล้วพะย่ะค่ะ”

 

ดวงตาของรองแม่ทัพเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

“พวกมันกล้าซ่อนตัวอยู่ในค่ายพักทหารของเราได้อย่างไร!  พวกมันไม่กลัวที่จะถูกจับใส่เหยือกเหมือนเต่าหรือ?”

 

“พวกกองทัพตะวันตกได้เรียนรู้ที่จะเล่นกลกับเรา!”

 

เซี่ยโฮวโม่กุมบังเหียนไว้ในมือของเขาแน่น  “เนื่องจากพวกเขาต้องการที่จะถูกจับใส่เหยือกเหมือนเต่า  งั้นข้าขอเป็นผู้เติมเต็มความฝันของพวกมัน!  ไปที่ค่ายพักทหาร!”

 

“พะย่ะค่ะ!”

 

ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนเป็นสว่าง

 

ซูมู่เกอลืมตาและขยับร่างกาย

 

ขณะนี้ฝนยังไม่ตกหนัก แต่ก็ไม่หยุด

 

หญิงชราและหลานชายของนางก็ลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงข้างนอก

 

เปิดม่านรถม้า  หญิงชรามองไปที่ซูมู่เกอด้วยความขอโทษ

 

ซูมู่เกอตกแต่งใบหน้าด้วยเคราดำ เปลี่ยนหน้าตาของนางคล้ายซูหลุน  เมื่อคืนนี้หลังจากที่ทั้งสองนอนหลับ

 

“นายน้อย  ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา  ถ้าไม่ได้ท่าน  พวกเราอาจตายแล้ว!”

 

ซูมู่เกอล้างหน้าด้วยเม็ดฝนและมองไปที่พวกเขา  “พวกเจ้ามีแผนจะทำอย่างไรต่อ?”

 

หญิงชราถอนหายใจขณะที่มองไปที่หลานชาย  “เด็กคนนี้มีชีวิตวัยเด็กที่น่าสังเวชนัก  พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตและข้าก็เลี้ยงเขามา  ตอนนี้หมู่บ้านของเราถูกน้ำท่วม  เราไม่มีที่อาศัยและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน”

 

“ท่านพอรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเมืองโจวหรือไม่?”

 

“หมู่บ้านรอบๆ เมืองโจวถูกน้ำท่วมทั้งหมดหลังจากทำนบเขื่อนแตก  สถานที่แห่งเดียวที่สามารถเข้าพักหลบภัยได้คือในตัวเมือง  แต่ตอนนี้ฝนตกและไม่มีใครแน่ใจว่าถูกน้ำท่วมหรือไม่  ดังนั้นผู้คนจำนวนมากในเมืองก็เลยหนีไป”

 

“ท่านคุ้นเคยกับภูมิประเทศรอบๆ เขตเมืองโจวหรือไม่?”

 

หญิงชราพยักหน้า  “ข้าอาศัยอยู่ในเขตโจวมาเกือบทั้งชีวิต  ข้าไม่รู้มันครอบคลุมทั้งหมดไหม  แต่ข้ารู้มากที่สุด “

 

“ท่านอยากเป็นเพื่อร่วมเดินทางกลับเข้าเมืองกับข้าหรือไม่?”

 

หญิงชราลังเลเล็กน้อยและไม่ตอบ

 

เด็กน้อยเดินมาและดึงเสื้อของนาง  “ท่านย่า  นายน้อยช่วยเรา  เราจะไม่ตอบแทนเขาหรือ?”

 

เมื่อมองไปที่เด็กน้อย  หญิงชราก็ตอบตกลงและพยักหน้าให้ซูมู่เกอ  “นายน้อย  มีอะไรสำคัญที่ท่านต้องจัดการในเขตโจวหรือไม่? หรือสิ่งอื่นไม่งั้นท่านคงไม่เดินทางไปในเวลาเช่นนี้”

 

ซุมู่เกอพยักหน้า  แต่ไม่พูออะไรออกมาอีก

 

หลังจากอาหารเช้า  หญิงชราและหลานชายของนางขึ้นรถม้า  ทั้งสามออกเดินทางไปด้วยกัน

 

หลังจากนั้นไม่นาน  ร่างสีดำออกมาจากป่าและไล่ตามพวกเขาไปในทิศทางที่พวกเขาออกไป…..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด