The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 64
****************แก้ไขชื่อเรียกเล็กน้อยนะครับ********************
ผู้อำนวยการเช็น > อาจารย์ใหญ่เช็น
ผู้ดูแลชิ > ผู้อำนวยการชิ
ตอนที่ 64 งานประลองกระบี่วิญญาณ
สี่วันของการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้จบลง
หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาสี่วันนี้ อย่างเช่น การระเบิดตัวของแกนพลังงานในเครื่องผลิตพลังวิญญาณ การล่มสลายของแก๊งเพิ่งสือและก่อตั้งเป็นสมาคมเสริมสร้างความสามัคคี อันธพาลกลับใจ วันที่โลกเกือบจะแตกและการจับกุมนักฆ่าระดับโบว์ทองเมื่อคืน… ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากชายหนุ่มตัวเล็กนามว่าหวังลิ่ง
ก่อนที่หวังหมิงจะถูกนำตัวไป เขาได้บอกให้อาจารย์คังและผู้อำนวยการชี่ปิดบังสถานะของเขา เพื่อความปลอดภัยของหวังลิ่ง
แม้ว่ามันจะเป็นข่าวค่อนข้างใหญ่โต แต่ทว่านอกจากตำรวจที่รู้ว่าเสี่ยวเอ้อเป็นพี่ชายของนักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียนอันดับที่60 ก็ไม่มีใครรู้เรื่องราวที่แท้จริงอีกเลย สิ่งที่พวกเขารู้มีแค่เพียงการจับกุมครั้งนี้เป็นผลงานของโจวยี่แห่งสมาคมร้อยโรงเรียนในการหยุดยั้งแผนการณ์ของเงาสายธารได้สำเร็จอีกครั้ง…
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้หวังลิ่งเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองโดนสาป… เพราะตั้งแต่เริ่มเรียนมัธยมมา เขาไม่เคยมีวันไหนที่สงบสุขเลย! เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นโคนันไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนที่นั่นมักจะเกิดเรื่องหรือมีคนตาย!
พ่อและแม่ของเขาอยากให้เขาเรียนจบและเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอย่างราบรื่น
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้มันยุ่งยากกว่าที่หวังลิ่งคิดไว้เยอะ
แต่ถึงอย่างนั้น ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป…
ค่ำคืนนี้ก็ถือเป็นค่ำคืนที่สงบสุขคืนหนึ่งในหอพักนักเรียนของโรงเรียนอันดับที่59
สองเกมเมอร์เช็นเฉาและกัวหาวยังคงเล่นเกมอยู่ก่อนที่อาจารย์คังจะไล่ให้ไปเข้านอน ส่วนซุนหรงและหลินเสี่ยวหยูนั้นเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วเพราะพวกเธอต้องบำรุงผิวรักษาผิวพรรณของตัวเอง
อาจารย์คังนอนบนเก้าอี้พับได้ใกล้กับประตู เนื่องจากการลอบเข้ามาของนักฆ่าเมื่อตอนค่ำที่ผ่านมา ทำให้อาจารย์คังต้องเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา
ความปลอดภัยของนักเรียนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อาจารย์คังต้องการให้งานประลองกระบี่ในวันพรุ่งนี้ดำเนินไปด้วยความสงบเรียบร้อย และพวกเด็กจะต้องปลอดภัยจนกว่าพวกเขาจะกลับถึงโรงเรียนอันดับที่60
และยังคงมีอีกคนหนึ่งที่ยังคงตื่นอยู่ ณ ตอนนี้ นั่นคือหวังลิ่ง
เขาเอามือไปจับกระบี่ไม้เล่มเล็กของเขาภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ‘ได้โปรด จิงเกออย่าโชว์อะไรแปลกๆในวันพรุ่งนี้’
……………………….
วันนี้เป็นวันศุกร์ในสัปดาห์ที่สามหลังจากเปิดเทอม
งานประลองกระบี่วิญญาณที่ทุกคนต่างเฝ้ารอกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เสียงกระหึ่มของกลองและฆ้องดังสะนั่นไปทั่วทั้งโรงเรียน รวมไปถึงเสียงประทัดและธงสีแดงโบกสะบัดต้อนรับเหล่าผู้เข้าชมงานประลองครั้งนี้…
ประเพณีงานประลองกระบี่วิญญาณถูกก่อตั้งขึ้นโดยนายพลยิ หนึ่งในสิบผู้สถานณาประเทศผู้ซึ่งต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับรัฐมนตรีฉีและเลขาซุน และได้รับสมญานามว่าเซียนกระบี่ ในสงครามชิเหมินมีประโยคหนึ่งที่เขาพูดเพื่อปลุกใจนั่นก็คือ “กระบี่ของพวกนายก็เปรียบเสมือนกระบี่ของฉัน!”
ประโยคนี้ก็มีอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ด้วยซึ่งอาจารย์คังต้องสอนมันในทุกปี
งานประลองระหว่างโรงเรียนครั้งนี้เป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะว่าปีนี้เป็นปีครบรอบห้าร้อยปีตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมา ทั้งสองโรงเรียนจึงอยากจะใช้งานประลองเป็นงานเฉลิมฉลองและอยากให้ทั้งสองโรงเรียนพัฒนาความสัมพันธ์
ถังจิงเสอและลูกสมุนของเขาได้สร้างปัญหาให้แก่พวกหวังลิ่งมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนวันนี้พวกเขาจะยอมแพ้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่กระทบต่อความมั่นใจของถังจิงเสอ เพราะเขาคิดว่าต่อให้พวกเขาไม่ชนะในการเล่นนอกรอบ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางแพ้ในงานประลองกระบี่ครั้งนี้
หวังลิ่งก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน…
……………………….
สนามกีฬาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เหล่านักเรียนจัดที่นั่งล้อมรอบลู่วิ่งโดยแบ่งตามห้องและชั้นปี ส่วนที่ว่างตรงกลางเว้นไว้ให้แก่แขกคนสำคัญผู้มารับชมงานประลองกระบี่วิญญาณ
หวังลิ่งไม่คุ้นเคยกับงานประลองที่มีคนมากกว่าพันคน เขาไม่เคยแสดงศักยภาพของเขาต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
ที่นั่งรับรองแขกคนสำคัญขณะนี้ ผู้นำจากทั้งสองโรงเรียนเดินทางมาถึงแล้ว นำโดย อาจารย์ใหญ่เช็นและผู้อำนวยการชิจากโรงเรียนอันดับที่60 อาจารย์ใหญ่จินและผู้อำนวยการชี่จากโรงเรียนอันดับที่59 คณะผู้ว่าจากเขตไป่หยวน เลขาซุนดาคังผู้ซึ่งกำลังตื่นเต้นไปกับงาน และคนสุดท้ายโจวยี่ผู้ซึ่งดูหดหู่ที่สุด
เหล่าผู้นำต่างทำตัวไม่ถูกเนื่องจากไม่มีใครคิดว่าเลขาผู้มีชื่อเสียงคนนี้จะมาชมงานประลองคราวนี้ด้วย
แน่นอนว่าเหล่านักเรียนไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเลขาซุนดาคัง พวกเขาคิดว่าคนนั้นอาจจะเป็นคนบ้าคนหนึ่ง พวกเขาไม่เคยเห็นคนใหญ่คนโตที่ไหนใส่หมวกกันน็อคในขณะที่กำลังรับชมงานประลอง
อาจจะมีเพียงหวังลิ่งคนเดียวเท่านั้นหล่ะมั้งที่รู้ว่าบุคคลภายใต้หมวกกันน็อคคนนั้นเป็นใคร
พูดตามตรงเขากลัวว่าเลขาดาคังคนนั้นจะสังเกตอะไรบางอย่างจากการเคลื่อนไหวของเขาได้
หวังลิ่งไม่กล้าสบตาเลขาแก่โดยตรง เขาหวังว่าเขาจะสามารถทำตัวปกติได้ตลอดทั้งงานประลอง มันคงจะลำบากถ้าหากโดนปรมาจารย์ท่านนี้จับได้
ในขณะที่ทุกคนเงียบลง เลขาซุนดาคังหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ และหันไปถามผู้นำจากทั้งสองโรงเรียน “ทำไมพวกนายถึงยังไม่เปิดงานประลองอีก?”
อาจารย์ใหญ่เช็นและอาจารย์ใหญ่จินอ้ำอึ้ง “…” ‘ก็คุณเป็นผู้อาวุโสที่สุดในที่นี้ ถ้าหากคุณไม่พูดแล้วใครหน้าไหนจะกล้าพูด!’
หลังจากได้ยินคำถามจากเลขาแก่ อาจารย์ใหญ่จินในฐานะประธานก็รวบรวมสมาธิและกล่าวเปิดงาน
“ในนามของผู้นำโรงเรียนมัธยมอันดับที่59และ60 ฉันเคารพในความสามารถของพวกเธอเหล่านักเรียนห้องพิเศษจากทั้งสองโรงเรียนที่เข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้! เพราะความสามารถอันยอดเยี่ยมของพวกเธอจะทำให้การเรียนการสอนของพวกเราพัฒนาขึ้น!”
เมื่อสิ้นสุดการกล่าวเปิดงาน เลขาซุนดาคังเริ่มปรบมือเป็นคนแรกและหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มปรบมือตามจนเสียงปรบมือดั่งสั่นไปทั่วสนาม
ทุกคนรู้ว่าเลขาซุนดาคังเป็นคนชอบความตื่นเต้นและสนุกไปกับการปลอมตัว เขาเข้ารับชมงานประลองกว่าร้อยโรงเรียนด้วยวิธีนี้
เหล่าอาจารย์ใหญ่ต่างรู้สึกเป็นเกียรติที่เลขาซุนดาคังเข้าร่วมในการรับชมแต่ก็รู้สึกกลัวในเวลาเดียวกัน…
เมื่อเสียงปรบมือจบลง ไม่นานหลังจากนั้นพิธีกรหญิงก็ขึ้นมาบนเวทนีรับหน้าที่ต่อ “สำหรับงานประลองกระบี่วิญญาณครั้งนี้ จะไม่มีการประลองเดี่ยว ในการประลองแบบทีมในครั้งนี้จะใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรมร่วมกับเครื่องมือพิเศษ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมจำลองและความรู้สึกเสมือนจริง ผู้ชนะจะคำนวณจากแต้มที่แต่ละทีมได้รับในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งนอกจากระบบเก็บแต้มจากการสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายตรงข้าม ในเกมการแข่งขันยังมีระบบเหรียญเพื่อใช้ซื้ออาวุธและสิ่งของอื่นๆ ซึ่งมันจะทำให้เกมการแข่งขันดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก”
พิธีกรหญิงยิ้มขึ้น “และนี่ก็เป็นกฎกติการในการแข่งขันครั้งนี้! ต่อไปนี้ขอเรียนเชิญผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายขึ้นเวทีด้วยค่า~”
คอมเม้นต์