The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 84

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Daily Life of the Immortal King ตอนที่ 84 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 84 เดจาวู

 

 

หลังจากเกษียณคุณปู่ของหวังลิ่งได้เช่าพื้นที่ทำฟาร์มการเกษตรไว้ที่หนึ่ง เพื่อที่จะทำการพัฒนาและเพาะพันธุ์พืชผักใหม่ๆ แต่โชคไม่ดีเพราะอาการทางสมองของเขาทำให้ต้องล้มเลิกมันไป ปัจจุบันเขาทำการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ทั่วไป และแบ่งปันผลผลิตบางส่วนมายังครอบครัวของหวังลิ่ง

 

ที่เขามาในครั้งนี้เพราะได้ยินข่าวว่าหวังลิ่งได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาคิดว่าหวังลิ่งคงจะเพลียเลยซื้อส้มซึ่งเป็นผลไม้โปรดของหวังลิ่งมาฝาก แต่จนแล้วจนรอดสมองเจ้ากรรมก็ดันก่อเรื่องในระหว่างพ่วงรถ เขาดันพ่วงรถมาผิดคัน

 

สำหรับมื้อค่ำวันนี้จะเป็นการแสดงฝีมือของเชฟระดับมิชลินซึ่งห่างหายจากวงการทำอาหารไปนาน

 

ของว่างเป็น มะเขือเทศเย็นเจี๊ยบ และมันฝรั่งควีน…

 

อาหารจานหลักเป็น ไก่ดำนักสู้ หูหมูในซอสข้น และซุบน้ำแตงโม…

 

ของหวานเป็น กล้วยแห่งความโกรธ

 

ทันทีที่คุณปู่ของเขาบอกชื่ออาหารจบหวังลิ่งก็แน่ใจแล้วว่าอาจารย์ของคุณปู่ก็คือ…ถ้าหากไม่ใช่แม่จวนก็ต้องเป็นใครสักคนที่เป็นญาติกับเธอแน่ๆ!

 

………………………………

 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ที่คุณปู่มาเยี่ยมครอบครัวหวังลิ่ง เขามักจะรีบออกไปตั้งแต่เช้าพร้อมกับสามล้อคู่ใจ แต่ในครั้งนี้พ่อของหวังลิ่งคะยั้นคะยอให้คุณปู่อยู่ต่ออีกสักสองสามวัน เหตุผลก็คือ…สภาพสมองของท่านนั้นค่อนข้างย่ำแย่ถึงขนาดลืมใส่เกลือลงในอาหาร!

 

แม้ว่าตัวคุณปู่เองก็รู้สึกขัดใจเพราะเขาเป็นคนพูดว่าเขาไม่มีทางลืมการทำอาหารได้หรอก แต่ผลสุดท้ายก็คือเขาดันลืมขึ้นมาจริงๆ…

 

เป็นที่แน่นอนว่าอาการทางสมองของคุณปู่ถึงจุดที่ต้องได้รับการรักษาอย่างระมัดระวัง พ่อของหวังลิ่งเคยพาไปหาหมอแล้วครั้งนึง หมอบอกว่าโรคทางสมองของท่านค่อนข้างจะพิเศษ ซึ่งไม่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด โรคทางจิตใจก็ต้องรักษากันทางจิตใจ

 

เพราะเหตุนี้พ่อของหวังลิ่งวางแผนจะหาจิตแพทย์มาช่วยดูอาการของคุณปู่

 

เช้าวันอาทิตย์ถัดมา มีลี่เหมงเหมงมาเยี่ยมบ้านของหวังลิ่งอีกคน

 

เมื่อลี่เหมงเหมงมาถึงบ้านและเจอคุณปู่ของหวังลิ่ง เขาจึงหันไปพูดกับพ่อของหวังลิ่ง “นี่หรอคือเรื่องความเป็นความตายที่นายบอก?”

 

“นายเรียนจบเอกจิตวิทยามาไม่ใช่หรือไง?”

 

“…แต่มันก็นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ทำการรักษาคนไข้” อาชีพจิตแพทย์ส่วนมากเป็นแค่งานพาร์ทไทม์ เพราะในยุคสมัยนี้ผู้ฝึกตนมักจะคลั่งในระหว่างกระบวนการรักษา และเผลอฆ่าจิตแพทย์ทันทีที่เขาวินิจฉัยออกมาว่าคนนี้มีเป็นโรคจิต

 

เพราะเหตุนี้ทันทีที่ลี่เหมงเหมงเรียนจบเขาก็ผันตัวไปเป็นบก. อย่างน้อยอาชีพนี้ก็ไม่ทำให้เขาต้องไปเสี่ยงชีวิตแค่นั่งๆนอนๆอ่านหนังสือก็ทำเงินได้แล้ว

 

แม่ของหวังลิ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆก็พูดขึ้นมา “ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร มันอาจจะยากเกินไปสำหรับคุณซ่ง”

 

“ผมไม่สน! ถ้าบก.ไม่ตรวจพ่อของผม ผมจะเลิกเขียนนิยาย!”

 

“อย่า!”

 

สุดท้ายลี่เหมงเหมงก็ยอมตรวจคุณปู่ให้ด้วยความไม่เต็มใจเท่าไร “แค่ตรวจก็พอใช่ไหม?”

 

นักเขียนส่วนใหญ๋มักจะเกรงใจบก.ของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอนักเขียนขู่ที่จะเลิกเขียนหนังสือกับบก.ของตัวเอง ที่เขายอมเพราะถ้าหากเขาเสียสิถูไปก็เท่ากับเขาเสียทุกอย่าง!

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานจิตแพทย์มานานแล้ว แต่ลี่เหมงเหมงก็ยังพอรู้อาการของคุณปู่อยู่บ้าง แต่กรณีของคุณปู่ค่อนข้างจะพิเศษเพราะเกิดมาจากแผลทางจิตใจ หลังจากที่เขาทบทวนวิชาเสร็จเขาก็เริ่มถามคำถามเพื่อประเมิณอาการ

 

“ผมชื่อซ่ง ซิไก่ คุณปู่หวัง ปู่สามารถเรียกผมว่าซ่งก็ได้นะ” ลี่เหมงเหมงแนะนำตัวเองต่อชายแก่ตรงหน้า

 

คุณปู่ไม่รู้ว่าลี่เหมงเหมงเป็นใครเขารู้เพียงแต่ว่าคนนี้เป็นจิตแพทย์ที่ลูกของเขาเชิญมา

 

“คุณปู่ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจะถามคำถามง่ายๆนิดหน่อย”

 

“คุณหมอซ่ง ฉันถามอะไรหมอหน่อยได้ไหม?” ก่อนที่ลี่เหมงเหมงจะทันได้ถามคุณปู่ก็ถามขึ้นมาก่อน

 

“คำถามอะไรหรอครับคุณปู่?”

 

“ลูกฉันบอกว่าอาการของฉันน่าเป็นห่วง มันจริงหรือ?”

 

“ผมจะวินิจฉัยได้หลังจากผมได้ถามคำถามคุณปู่แล้ว”

 

“ฉันมีอีกคำถาม…”

 

“คำถามอะไรอีกหรอคุณปู่?”

 

“ลูกฉันบอกว่าอาการของฉันน่าเป็นห่วง มันจริงหรือ?”

 

ทุกคนที่อยู่ในห้องรวมถึงลี่เหมงเหมงด้วยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก

 

โอเค! ไม่ต้องถามอะไรแล้ว มันไม่ใช่แค่น่าเป็นห่วงธรรมดา…มันเกือบจะหมดหนทางรักษาแล้ว!

 

หวังลิ่งซึ่งก่อนหน้านี้ขึ้นมาอยู่บนชั้นสอง เขายกมือขึ้นก่ายหน้าผากตัวเอง เขาคิดว่ากว่าลี่เหมงเหมงจะเริ่มทำการรักษาเขาคงเป็นบ้าไปเสียก่อน

 

สุดท้ายพ่อของหวังลิ่งก็ชวนให้ลี่เหมงเหมงทานอาหารเที่ยงฝีมือคุณปู่ซึ่งลืมใส่เกลือก่อนจะกลับ ก่อนที่ลี่เหมงเหมงจะออกไปจากบ้านคุณปู่ก็คว้ามือเอาไว้ “คุณหมอซ่งฉันขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณหมอลำบาก”

 

“ไม่เป็นไรครับคุณปู่” ในระหว่างที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารชายแก่เอาแต่ถามคำถามเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจนลี่เหมงเหมงเกือบจะเป็นบ้า

 

“พ่อของผมเป็นไงบ้าง?” พ่อของหวังลิ่งเดินมาถามที่หน้าประตู

 

“ฉันจดอาการไว้บ้างแล้ว กรณีของคุณปู่หวังค่อนข้างซับซ้อนฉันต้องการที่จะปรึกษาอาจารย์ก่อน…” เขาไม่ได้ติดต่อกับศาสตราจารย์เจียงมานานแล้ว ไม่รู้ว่าศาสตราจารย์ยังจำเขาได้อยู่หรือเปล่า

 

“ถ้าอย่างงั้นก็รบกวนด้วยนะ!”

 

“ถ้านายอยากขอบคุณฉันจริงๆ ก็รีบๆเขียนหนังสือให้มันเสร็จๆ!” ลี่เหมงเหมงกลอกตาและบ่นพึมพัมขณะที่เดินจากไป

 

…………………………..

 

 

วันนี้บ้านของหวังลิ่งค่อนข้างที่จะยุ่งเป็นพิเศษ หลังจากที่ลี่เหมงเหมงจากไปไม่นาน ก็มีผู้ชายใส่ชุดสีดำโผล่มาข้างหน้าประตูบ้านซึ่งกำลังถือกล่องเล็กๆอยู่ใบหนึ่ง

 

เขาเป็นพนักงานส่งของจากชุนฟงเอ็กเพลสซึ่งหวังลิ่งรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะมา หวังลิ่งจึงมายืนรออยู่ที่หน้าประตู

 

เมื่อพนักงานส่งของเห็นผู้รับเขารีบยื่นพัสดุให้แก่หวังลิ่ง และก้มหัวอย่างเคารพ “ชุนฟงเอ็กเพลส! ส่งของถึงมือผู้รับเรียบร้อย! คุณลูกค้าได้โปรดให้ดาวผมห้าดาวด้วยครับ!”

 

หวังลิ่งก้มหัวเพื่อทำความเคารพและเซ็นรับของ

 

พนักงานคนนั้นจึงหยิบเครื่องให้คะแนนออกมาจากกระเป๋า “ถ้าหากคุณลูกค้าให้ดาวผมห้าดาว คุณลูกค้าจะได้รับขนมบะหมี่สิบแพคเป็นของสมนาคุณ!”

 

หวังลิ่งตาลุกวาวทันทีเมื่อได้ยินถึงชื่อขนมบะหมี่

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด