The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 114

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Daily Life of the Immortal King ตอนที่ 114 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 114 น้องลิ่งเฝ้าบ้าน

 

 

สิงโตนักสู้ เป็นสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่งซึ่งมีธาตุประจำตัวเป็นลมและไฟ ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นโดยตระกูลเสี่ยว โดยส่วนมากมันมักจะมีธาตุเพียงธาตุเดียว สิงโตนักสู้ที่มีธาตุทั้งสองธาตุมีจำนวนเพียงน้อยนิดซึ่งนั่นทำให้มันมีความหายาก

 

สำหรับสิงโตนักสู้ที่ยังไม่โตเต็มวัยมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้ปราณทองคำ ไม่ใช่แค่เพียงพวกมันมีพละกำลัง ความเร็วและความฉลาดสูง ความสามารถในการเรียนรู้ของมันยังสูงอีกด้วย พวกมันอยู่ในอันดับต้นๆในเรื่องของความฉลาด

 

เพราะว่าความดุร้ายของมันนั้นจึงทำให้การเพาะเลี้ยงสัตว์วิญญาณตัวนี้ถูกควบคุมโดยรัฐบาล เพราะเหตุนี้จึงทำให้สิงโตนักสู้เป็นสัตว์วิญญาณหายาก และตระกูลเสี่ยวมีสิงโตนักสู้ในครอบครองอยู่แค่เพียงห้าร้อยตัว พวกมันอาศัยอยู่ในป่าอูตาซึ่งอยู่ในการครอบครองของตระกูลเสี่ยว

 

โทยะจอมอมตะครอบครองสิงโตนักสู้หนึ่งตัวจากการชนะการแข่งขันปรุงยาวิเศษคราวก่อน

 

และตอนนี้เขาเป็นนักปรุงยา และเป็นที่ปรึกษาด้านยาวิเศษของตระกูลเสี่ยว

 

“ไอเจ้านั่นมันยากที่จะรับมือนะ เมื่อตอนที่ผมได้รับมันมามันยังมีขนาดแค่เพียงเท่าลูกบาส ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่ารุ่นพี่เล่ยจะเอามันไปทำอะไรหรอครับ?”

 

“ฉันอยากให้มันมาปกป้องของบางอย่าง ไอตัวนั้นตอนนี้มันแค่เฝ้าสวนผลไม้ของนายใช่ไหม? มันได้ขโมยกินผลไม้วิญญาณไปเยอะ ถึงเวลาที่จะได้ทดสอบพละกำลังของมันในการต่อสู้จริงแล้ว!”

 

“แล้ว…รุ่นพี่จะยืมมันไปนานแค่ไหน?”

 

“ครึ่งเดือน”

 

“นั่น…มันจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”

 

“มันอาจจะตายได้…”

 

“…”

 

“แต่ไม่ต้องห่วงน้องโทยะ ถ้าหากมันตายเดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าเสียหายให้ที่ดีกว่าเจ้านี่ นายรู้จักฟีนิกส์นักสู้ไหม? มันเป็นสัตว์วิญญาณผสมสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดของตระกูลเสี่ยว และมันโคตรจะเก่งเลย! คราวหน้าเดี๋ยวฉันจะไปขโมยมันมาให้ตัวนึง!” เทพมือระเบิดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“…”

 

มูลค่าของสิงโตนักสู้แทบจะเป็นศูนย์ ถ้าหากเป็นคนอื่นมาขอยืม โทยะจอมอมตะคงปฏิเสธไปนานแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นเทพมือระเบิดมาขอยืมเอง และเพราะเห็นแก่มิตรภาพเขาก็ไม่มีทางเลือกที่จะให้เทพมือระเบิดยืมสิงโตของเขา…

 

……………………………

 

 

คืนนั้นเองเทพมือระเบิดได้รับข้อความจากหวังลิ่งเกี่ยวกับรายละเอียดของการประชุมพบปะผู้ปกครองของนักเรียน โดยหวังลิ่งสรุปให้สั้นๆ 2 คำว่า “อย่าเด่น”…

 

เขารู้ดีว่าน้องหวังเป็นคนที่ไม่ชอบโชว์ความสามารถให้คนอื่นเห็น

 

แต่พูดตามตรง เขารู้สึกลำบากใจสำหรับการประชุมผู้ปกครองครั้งนี้ เขาไม่เคยมีลูกมาก่อนแต่เขาต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองแบบนี้ แค่คิดก็ทำให้เขาปวดหัวแล้ว

 

หลังจากที่เขานั่งปวดหัวอยู่สักพักเล่ยเหมาเร็นก็คิดอะไรบางอย่างออก เขาโทรไปหาน้องแบล็คอีกครั้ง “ฮัลโหล น้องแบล็ค ช่วยฉันสืบหาอะไรบางอย่างหน่อย…อืมใช่ ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ที่รับหน้าที่ประชุมผู้ปกครองของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งห้องสามของโรงเรียนอันดับที่60ให้หน่อย”

 

หลังจากพูดจบเขาก็วางสายไปอย่างอารมณ์ดี

 

“หรือจะให้พูดง่ายๆว่า รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

 

……………………………….

 

 

ในขณะเดียวกันทางห้องทำงานของห้องพิสูจน์อักษรของแลนด์สเคปเมเนอร์ ชายในชุดสูทสูงและเตี้ยทั้งสองกำลังยืนอยู่ข้างหน้าหัวหน้าสองเพื่อมอบรายงานบางอย่าง

 

ชายตัวสูงส่งรายงานผลการติดตามเทพมือระเบิดซึ่งมันบอกสิ่งที่เทพมือระเบิดได้ทำทั้งวันในวันนี้

 

เวลา 4:00 เป้าหมายลุกออกจากเตียง ตรงไปยังสวนหลังบ้านและนั่งลงจ้องบล็อกโคลี่ ก่อนที่จะฝึกสมาธิ

 

เวลา 5;00 เป้าหมายจ้องบล็อกโคลี่ และฝึกสมาธิ…

 

เวลา 6:00 เป้าหมายจ้องบล็อคโคลี่ และฝึกสมาธิ…

 

เวลา 7:00 เป้าหมายจ้องบล็อกโคลี่ และทันใดนั้นเองก็ลุกขึ้น…

 

หัวหน้าสองจ้องรายงานฉบับนั้นด้วยใบหน้างุนงง “…” ‘ไอชายคนนี้มันทำบ้าอะไรของมัน?!’

 

ก่อนที่เขาจะหัวเสียไปมากกว่านี้ ก็มีสายเรียกดังขึ้นจากนาฬิกาข้อมือของเขา เมื่อเขาเห็นว่าใครโทรมาเขาก็แสดงอาการตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด…

 

เพราะเจ้านายของเขาโทรมานั่นเอง

 

“มีอะไรคืบหน้าบ้าง?” เสียงที่ดังออกมาจากสายนั้นเป็นเสียงทุ้มลึกของชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของปราสาทตระกูลโม่

 

“เจ้านาย วันนี้เราได้ติดตามแอบดูเป้าหมายตลอดทั้งวัน แต่กิจวัตรของเขานั้น…ดูแปลกประหลาดมากๆ เขาใช้เวลาสามชั่วโมงเต็มในการนั่งจ้องบล็อกโคลี่!”

 

“…” บุคคลผู้ซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของสายเงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะค่อยๆพูดออกมา “…ชายคนนั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกผู้ฝึกตน อะไรที่ทำให้นายคิดว่านายเข้าใจความคิดของผู้ชายที่มีระดับแก่นแท้วิญญาณได้?”

 

“สิ่งที่เจ้านายพูดมันก็ถูก…”

 

“ไม่ว่าอะไรที่ชายคนนี้คิดหรือสิ่งที่เขากระทำ มันก็ไม่สำคัญอะไรเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายของเรามีเพียงแค่อย่างเดียว”

 

“ถ้าอย่างนั้นทางออกเดียวของเราคือแย่งชิงมันมาด้วยกำลัง?” หัวหน้าสองพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย

 

ท้ายที่สุดผลของมันก็ออกมาเป็นแบบนี้สินะ…

 

แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแย่งชิงหน้ากากผีดิบมาจากมือของผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณ

 

“ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลเรื่องอะไร แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแย่งหน้ากากมาจากชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นจะต้องรู้เรื่องความน่ากลัวของหน้ากากใบนั้นแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถนำมันออกไปไหนมาไหนด้วยได้ ฉันคิดว่าหน้ากากใบนั้นมันยังคงอยู่ในบ้านหลังนั้นแหละ บางทีอาจจะถูกผนึกอยู่ด้วยกลไกอะไรบางอย่าง”

 

“เจ้านายคิดถูกแล้ว!”

 

หัวหน้าสองพยักหน้า “แม้ว่าพวกเราจะบุกเข้าไปยังบ้านหลังนั้นได้ มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำลายผนึกนั่น”

 

“หึ ไม่จำเป็นหรอก”

 

เสียงหัวเราะต่ำๆดังออกมาจากโทรศัพท์ “ฉันจะทำให้ชายคนนั้นพบเจอกับความลำบาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือกับคนระดับนั้น แต่ถ้าหากเราส่งคนที่มีระดับเทียบเท่ากันเข้าไปหล่ะ?”

 

“เจ้านายหมายถึง…”

 

“ถ้าหากส่งผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณเข้าไปห้าคนหล่ะ?”

 

และเขาก็หัวเราะออกมา “ฉันอยากให้วางแผนและส่งพวกเขาไปบุกบ้านหลังนั้นแย่งชิงหน้ากากนั่นมา!”

 

“หะ…ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณห้าคน?!” หัวหน้าสองพูดด้วยความตกใจ

 

“หรือห้าคนยังไม่พอ?”

 

“…”

 

“ถ้าเช่นนั้น…”

 

เสียงปลายสายเงียบหายไปสักพักและพูดขึ้นมาด้วยเสียงดัง “สิบคนเป็นไง!”

 

ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณสิบคน…

 

หัวหน้าสองกำลังคิดถึงแผนการ ‘ชายในชุดสูทสองคนนั้นอยู่เพียงระดับแก่นแท้ปราณทองคำ ตัวเขาเองอยู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่เขาต้องไปออกคำสั่งกับผู้ฝึกตนถึงสิบคนซึ่งมีระดับเหนือกว่าเขาเนี่ยนะ…’

 

“ไม่นานมานี้ฉันพึ่งให้สมบัติที่ประเมิณค่าไม่ได้ให้แก่ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณสิบคน พวกเขาเซ็นสัญญาเพื่อที่จะทำงานให้กับปราสาทตระกูลโม่สามปีด้วยกัน นายอยู่กับฉันมาหลายปีและทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่ค่อยพลาดเท่าไหร่ ครั้งนี้ฉันหวังว่าทุกทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีนะ หน้ากากผีดิบนั่นเป็นสิ่งที่ปราสาทตระกูลโม่ต้องได้มันมา และห้ามให้มันไปตกอยู่ในมือคนอื่นเป็นอันขาด!”

 

หัวหน้าสองคุกเข่าลงข้างนึงและตอบกลับไปว่า “ได้โปรดวางใจในตัวผมเถอะครับ! ผมคนนี้จะทำงานที่ได้รับมอบหมายมาชิ้นนี้ให้สำเร็จลุล่วง! จะไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังครับ!”

 

………………………

 

 

ในขณะที่หัวหน้าสองกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เทพมือระเบิดก็มีความรู้สึกอะไรบางอย่างดลใจให้เขาคิดเรื่องบางอย่าง

 

เขามักจะมีความรู้สึกไม่สบายใจอันเนื่องมาจากโรคชอบความสมบูรณ์แบบของเขา เขาอยากให้หน้ากากผีดิบของเขามีความปลอดภัยในระหว่างที่เขาไม่อยู่ในวันพรุ่งนี้

 

แม้ว่าเขาจะมีสิงโตนักสู้เฝ้าบ้านแล้ว เทพมือระเบิดก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ มันเป็นความรู้สึกประมาณว่าคุณได้ออกไปนอกบ้านแค่เพียงห้านาทีแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าคุณลืมล็อคประตูบ้าน หรือลืมปิดแก๊ส…

 

หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจโทรหาคนคนหนึ่ง

 

“ฮัลโหล นั่นใช่น้องลิ่งไหม? ใช่แล้วนี่ฉันเองเทพมือระเบิด… พรุ่งนี้ก่อนที่ฉันจะไปร่วมงานประชุมผู้ปกครอง นายช่วยมาเฝ้าหน้ากากผีดิบแทนฉันหน่อยได้ไหม?”

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด