The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 87

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Daily Life of the Immortal King ตอนที่ 87 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 87 สุนัขต้องสาป

 

 

เมื่อเสียงกระดิ่งดังเป็นสัญญาณเริ่มคาบเรียนเช้า อาจารย์ป่านถึงห้องเรียนตรงตามเวลาเป๊ะ

 

เสี่ยวหัวเฉิงรวบรวมการบ้านเสร็จ ก็นำการบ้านทั้งหมดไปวางเรียงกันตามรายวิชาอย่างเรียบร้อยข้างหน้าอาจารย์ป่าน

 

ด้วยประสบการณ์ของอาจารย์ป่าน สายตาของเธอเปรียบเสมือนเครื่องสแกน เธอสามารถบอกได้เลยว่ากองหนังสือนี้มีการบ้านครบตามจำนวนของนักเรียนไหมจากความหนาของมัน

 

อาจารย์ป่านมองกองหนังสือด้วยความพึงพอใจ “ดีมากอาจารย์ได้บอกเหล่าอาจารย์คนอื่นๆไว้ว่านักเรียนพิเศษห้องนี้มีความรับผิดชอบสูง อาจารย์รู้สึกภูมใจเป็นอย่างมากที่ได้มาเป็นอาจารย์ประจำชั้น และซูเสี่ยวก็ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายวิชาการได้ดีมาก! ตั้งแต่เปิดเทอมมาการบ้านก็ถูกเก็บรวบรวมตรงตามเวลาเสมอ อาจารย์หวังว่าผู้นำด้านอื่นจะมีความรับผิดชอบเหมือนซูเสี่ยวนะ”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์ป่านกล่าวชม เสี่ยวหัวเฉิงก็ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ “…”

 

ด้วยการที่เขาเป็นผู้ดูแลฝ่ายวิชาการของห้อง แต่เขาบังคับให้เพื่อนของเขาที่ทำการบ้านไม่ทันลอกการบ้านคนอื่นเมื่อเช้านี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเขาเอง เขาจะใช้ชีวิตนักเรียนอย่างปกติไม่ได้เลย ถ้าหากเขาโดนเกลียดโดยเหล่าอาจารย์

 

การที่บังคับให้เพื่อนทำการบ้านให้เสร็จโดยที่ไม่ทำให้ถูกเพื่อนๆเกลียด มันก็เป็นอีกเรื่องที่ยากเช่นกัน เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้

 

แต่ถ้าให้เขาไปเทียบกับกัวหาวและเช็นเฉาแล้วเขามองว่าตัวเขาเองยังมีระดับ(ความหน้าด้าน)ไม่เท่าพวกนั้น

 

อาจารย์ป่านไม่รู้เลยว่าเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วเจ้าสองคนนั้นปั่นการบ้านแทบตาย แต่เมื่อพวกเขาปั่นการบ้านเสร็จพวกเขากระโดดตีลังกากลับไปนั่งที่อย่างเรียบร้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของอาจารย์ป่านไปได้ อาจารย์จับอาการผิดสังเกตของกัวหาวได้ “กัวหาว จมูกของเธอเป็นอะไรน่ะ?”

 

นักเรียนทั้งห้องหันขวับไปมองกัวหาว จึงเห็นว่าจมูกของกัวหาวมีเลือดกำเดาไหลเป็นทางออกมาจากจมูกของเขา…

 

ทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร…แน่นอนว่ามันมาจากผลการใช้ปากกาสี่ด้ามนั่นเอง วิชาปากกาสี่ด้ามนั้นทำให้จมูกรับภาระหนักเกินไป ซึ่งมันทำให้เนื้อเยื่อโพรงจมูกอักเสบและผลก็ออกมาเป็นแบบนี้

 

กัวหาวหยิบกระดาษทิชชูออกมาอย่างใจเย็นและค่อยๆซับเลือดกำเดาของเขา “อาจารย์ ผมต้องทำการบ้านเยอะมากเนื่องจากผมไปร่วมงานประลองกระบี่วิญญาณ เลือดกำเดานี่ก็เป็นผลมาจากเมื่อคืนผมปั่นการบ้านหนักไปหน่อย…”

 

“…” ทุกคนในห้องต่างคิดเหมือนกันว่า ‘ไม่เคยเจอใครที่หน้าด้านตอบแบบนี้มาก่อนในชีวิต’

 

หวังลิ่งซึ่งนั่งอยู่หลังห้องถอนหายใจออกมาพร้อมบ่นพึมพำเบาๆ “ต้นไม้สามารถตายได้ถ้าหากไม่มีเปลือกไม้ และคนที่ไม่มีผิวหนังก็ไม่สามารถเป็นคนได้เช่นกัน”

 

บทเรียนวิชายันต์เต๋ามีทั้งหมดสิบสองบท และพวกเขาก็เรียนไปแล้วห้าบท มีทั้งหมดสิบหกสัปดาห์ในหนึ่งเทอม นี่พึ่งเปิดมาแค่สี่สัปดาห์อาจารย์ป่านก็สอนมาจนถึงครึ่งทางแล้ว

 

นี่เป็นสไตล์การสอนของอาจารย์ป่าน หากเรียนด้วยความเร็วขนาดนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจารย์ป่านคงสอนจบทั้งหมดภายในสัปดาห์ที่แปด หลังจากนั้นคงเป็นการทำแบบฝึกหัดมากมาย อาจารย์ป่านคิดว่าการที่จะทำให้นักเรียนเข้าใจจริงๆนั้นต้องให้นักเรียนเข้าใจในพื้นฐานของมันเสียก่อน

 

สี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจารย์ป่านให้นักเรียนโฟกัสที่ ประเภทของยันต์ ยันต์พื้นฐาน การเขียนยันต์ และการประยุกต์ใช้ยันต์เต๋า สี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นถือเป็นหัวใจหลักสำคัญและยากที่สุดของวิชานี้ ยันต์เต๋าสามารถพลิกแพลงและนำไปใช้ได้ในหลายรูปแบบ

 

ด้วยความเข้าใจของหวังลิ่งเขาคิดว่า มันก็เหมือนสูตรคณิตศาสตร์

 

ในบรรดาเรื่องทั้งหมดที่เรียนไป การคำนวณของยันต์เพื่อใช้งานเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด

 

แต่อย่างไรก็ระหว่างชั่วโมงเรียนส่วนตัว อาจารย์ป่านไม่ได้ให้ทุกคนจำสูตรการเขียนยันต์ กลับกันเธอใช้เวลานี้เพื่อพูดเรื่องสำคัญสองอย่าง

 

“อย่างที่พวกเธอทุกคนทราบ พวกเราส่งนักเรียนทั้งหมดห้าคนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียนอันดับที่59 และการประลองกระบี่วิญญาณก็เป็นโรงเรียนของเราที่ได้รับชัยชนะกลับมา…”

 

เมื่ออาจารย์ป่านเกริ่นมาถึงส่วนนี้ ก็เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นทั้งห้อง ข่าวนี้ทุกคนทราบกันดีว่ากลุ่มของพวกหวังลิ่งไปทำอะไรมาที่โรงเรียนอันดับที่59 และยังรู้ด้วยว่าภายในงานประลองกระบี่วิญญาณเป็นชัยชนะที่เป็นผู้กระทำอยู่ฝ่ายเดียว…

 

“โรงเรียนอันดับที่60ของพวกเรานั้นมีอายุมาถึงหนึ่งร้อยปี และกำลังจะกลายเป็นโรงเรียนประจำเมือง ในที่สุดพวกเราก็มีวันนี้ อาทิตย์หน้าเลขาซุนดาคังจากสมาพันธ์หมื่นโรงเรียนจะส่งคนเข้ามาตรวจสอบโรงเรียน อาจารย์หวังว่านักเรียนทุกคนจะทำตัวดีๆตั้งใจเรียนอย่างเป็นธรรมชาติ”

 

เมื่ออาจารย์พูดมาถึงตรงนี้นักเรียนทุกคนภายในห้องต่างเข้าใจความหมายของมัน…คนที่ถูกส่งนั้นไม่ใช่แค่มีหน้าที่ตรวจดูสภาพโรงเรียนแต่พวกเขาเข้ามาเก็บข้อมูลของโรงเรียนทั้งหมดรวมไปถึงตัวนักเรียนด้วย

 

“ไม่นานมานี้อาจารย์ทุกคนพบว่ามีกลุ่มนักเรียนบางกลุ่มตั้งโรงงานลอกการบ้าน…”

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่อาจารย์ป่านพูด กัวหาวและเช็นเฉาถึงกับตัวแข็งทื่อพร้อมกับหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา

 

“แต่อาจารย์ก็เชื่อนะว่านักเรียนห้องพิเศษภายใต้การนำของเสี่ยวหัวเฉิงจะไม่ทำตัวแบบนั้น!”

 

“…”

 

เสี่ยวหัวเฉิงนั่งก้มหน้าอย่างละอายใจ

 

“นอกเหนือจากเรื่องที่กล่าวไปข้างต้น อาจารย์ยังมีอีกเรื่องนึงที่สำคัญ”

 

“พวกเราได้ข่าวมาว่าผู้นำของกลุ่มผู้ตรวจสอบนั้นเคยโดนสุนัขกัดในตอนเด็ก จึงทำให้เขานั้นกลัวสุนัขมาก…”

 

หวังลิ่งพอจะเดาได้แล้วว่าอาจารย์ป่านจะพูดอะไรในประโยคต่อไป “ดังนั้นอาจารย์ใหญ่เช็นและผู้อำนวยการชิปรึกษากับอาจารย์ว่า ในระหว่างนี้จะมีใครอาสาเลี้ยงเจ้าสองสีไว้สักพักบ้างไหม?”

 

ทุกคนต่างส่ายหัว

 

‘ใครจะกล้ารับสองสีไปเลี้ยง มันเป็นสุนัขต้องสาปชัดๆ’

 

หวังลิ่งหันไปมองหน้าเจ้าสองสีซึ่งยืนกระดิกหางอยู่หลังเขา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันยังนอนเล่นอยู่หลังห้องเรียนอยู่เลย…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด