The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 112

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Daily Life of the Immortal King ตอนที่ 112 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 112 อย่าลืมว่าหลังฝนตกยังมีสายรุ้งเสมอ

 

 

“ฉันรู้มาตลอดว่านักเรียนหวังลิ่งนั้นเป็นเด็กดี เขาไม่เคยก่อความวุ่นวายในโรงเรียนเลย ถึงแม้ว่าเราจะฐานะยากจน แต่เราก็ไม่ควรให้มันมาขัดขวางการศึกษา ฉันหวังว่าทุนการศึกษาของทางการจะช่วยให้นักเรียนหวังลิ่งก้าวข้ามขีดจำกัดจนสำเร็จขั้นแก่นแท้ปราณทองคำได้นะคะ” เมื่ออาจารย์ป่านพูดจบเธอก็เอื้อมมือไปลูบหัวของหวังลิ่ง

 

ชายแก่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อาจารย์ป่านก็พูดถูก ไม่ว่าเราจะมีฐานะยากจนเพียงไรเราก็ไม่ควรละเลยเรื่องการศึกษา และหลิงหลิงก็เป็นหลานที่น่าภูมิใจของตระกูลหวังของเรา”

 

อาจารย์ป่านยิ้มและพยักหน้าเหมือนไก่ที่กำลังจิกกินข้าวเปลือก

 

หลังจากนั้นคุณปู่หวังก็พาอาจารย์ป่านเดินดูรอบๆบ้าน ทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อและหัวเราะให้แก่กันอย่างสนุกสนานโดยที่มีหวังลิ่งเดินตามมาข้างหลังอย่างห่างๆ เมื่ออาจารย์ป่านเดินผ่านหน้าห้องทำงานซึ่งพ่อและแม่ของหวังลิ่งซ่อนตัวอยู่ พวกเขาก็พร้อมใจกันหยุดหายใจเพราะไม่อยากให้ถูกจับได้

 

“อาจารย์ป่านมีอะไรหรือเปล่า…?” ชายแก่ถามขึ้น

 

อาจารย์ป่านชี้ไปยังห้องทำงานเพราะว่าเธอจับสัมผัสอะไรบางอย่างได้ “ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ข้างในนั้นรึเปล่า?”

 

เหงื่อของหวังลิ่งซึมออกมาเพราะเขาใช้พลังวิญญาณกลบคลื่นพลังชีวิตของพ่อและแม่ของเขา เมื่ออาจารย์ป่านปล่อยคลื่นพลังวิญญาณตรวจจับออกมาอีกครั้งเธอก็พบว่าคลื่นพลังที่เธอรู้สึกก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว “แปลกจริงๆ…”

 

ชายแก่ยิ้มขึ้นและพูดติดตลกว่า “…บางทีอาจจะเป็นแค่หนู”

 

“ชานเมืองแบบนี้ไม่แปลกนักหรอกที่จะมีหนูอยู่ในบ้าน หนูพวกนั้นมีโปรตีนสูง สมัยตอนที่พวกเรายังไม่มีอันจะกิน ฉันก็มักจะจับหนูพวกนี้แหละไปย่างเกลือให้พ่อของหวังลิ่งกินบ่อยๆ”

 

“…” อาจารย์ป่านทำสีหน้าอึ้งๆหลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าจากชายแก่

 

“…” แม้แต่หวังลิ่งก็อึ้งในความไหลของคุณปู่ของเขา

 

………………….

 

 

เมื่อพวกเขาพูดคุยกันไปได้สักระยะเวลาหนึ่ง เวลาก็ได้ล่วงเลยจนถึงเที่ยง อาจารย์ป่านและคุณปู่หวังก็พากันเดินลงมาจากชั้นสอง

 

“คุณหวัง ฉันต้องไปเยี่ยมนักเรียนคนอื่นอีกในช่วงบ่าย ถ้าอย่างนั้นฉันขอลาไปก่อนนะคะ” อาจารย์ป่านพูดกับคุณปู่หวังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

รอยยิ้มนี้ทำให้ชายแก่ลมหายใจสะดุดไปเล็กน้อย ทันทีที่อาจารย์สาวกำลังจะออกตัวเดินไปยังประตูบ้าน เขาก็คว้ามือของหล่อนเอาไว้ “อาจารย์ป่าน คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยใช่ไหม? อยากจะทานอะไรก่อนไหม?”

 

“มัน…ฉันไม่อยากจะรบกวนเวลาของคุณหวังหน่ะค่ะ…”

 

ชายแก่สวมผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยแล้วและหันมาตอบ “มันก็แค่อาหารง่ายๆจานหนึ่ง ซี่โครงหมูผัดซอสเปรี้ยวหวานสักหน่อยไหม?”

 

อาจารย์ป่านหยุดชะงักไปกับคำพูดของชายแก่เล็กน้อย ราวกับว่ามีศรปักเข้าไปที่ความทรงจำอันเลือนลางบางความทรงจำ

 

ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ออกไปไหน

ผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูหรอ…

 

มันเป็นเมนูโปรดของเราสมัยเรายังเป็นสาว

 

ชายแก่คนนี้รู้ได้ยังไง?

 

เรื่องบังเอิญอย่างงั้นหรือ?

 

อาจารย์นั่งรออย่างเงียบเชียบอยู่ภายในห้องนั่งเล่น เธอไม่แม้แต่จะพูดคุยกับหวังลิ่งเพียงแค่นั่งมองชายแก่ที่กำลังวุ่นทำอาหารอยู่ในห้องครัว

 

มืออันหยาบกระด้างของชายแก่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น มือซ้ายที่กำลังจับเขียงและมือขวากำลังถือมีดท่าทางกระฉับกระเฉงในการใช้มีดแสดงให้เห็นว่าเขาคนนี้เป็นพ่อครัวมีฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย

 

เธอพยายามนึกภาพความทรงจำเก่าๆ แต่เมื่อเธอเหมือนกำลังจะนึกอะไรออก ชายแก่ก็ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

มันเป็นข้าวสวยเสิร์ฟคู่กับผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมู ซี่โครงหมูเครือบน้ำซอสเปรี้ยวหวานราวกับว่าซี่โครงหมูกำลังถูกเคลือบด้วยทองคำโปร่งใส ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลทำให้คนที่ได้กลิ่นไม่สามารถควบคุมความอยากอาหารได้

 

อาจารย์ป่านมองไปยังอาหารจานที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตะลึง

 

“อาหารจานนี้เคยเป็นอาหารจานพิเศษของผม ผมไม่ได้ทำมันมานานแล้วหวังว่ารสชาติยังคงเหมือนเดิมนะ” ชายแก่ถอดผ้ากันเปื้อนของเขาออกและนั่งตรงฝั่งตรงกันข้ามกับอาจารย์สาว

 

“อาจารย์ป่าน ลองชิมดูสิ!”

 

“ขอบคุณค่ะ คุณหวัง”

 

เธอตักข้าวเข้าปากไปหนึ่งคำจากนั้นจึงตามด้วยซี่โครงหมูชิ้นเล็กหนึ่งชิ้น มันอ่อนนุ่มราวกับว่ากำลังละลายอยู่ในปากของเธอ มันมีรสชาติพิเศษทั้งอ่อนหวานและสดชื่นในเวลาเดียวกันซึ่งเพิ่มความอยากอาหารขึ้นไปอีกเท่าตัว

 

“นี่มันสุดยอดไปเลย” อาจารย์ป่านหลุดปากชมออกมา “ทำไมผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกอ่อนหวานและสดชื่นในเวลาเดียวกันได้?”

 

คุณปู่หวัง “ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามันไม่มีน้ำตาลเหลือแล้วในบ้าน ดังนั้นฉันจึงใส่ยาแก้ไอสูตรจีนลงไปแทน”

 

อาจารย์ป่าน “…”

หวังลิ่ง “…”

 

เมื่ออาจารย์สาวรับประทานอาหารเสร็จแล้วทั้งคู่จึงเดินไปส่งอาจารย์สาวยังหน้าบ้าน

 

“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่อุตส่าห์ทำอาหารให้ฉันรับประทานด้วย รสชาติเยี่ยมไปเลยค่ะ” อาจารย์ป่านก้มหัวเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพต่อคุณปู่หวัง

 

ชายแก่จึงตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรหรอกอาจารย์ป่าน พวกเรายินดีต้อนรับอาจารย์เสมอมาได้ทุกเมื่อเลยนะ”

 

“แน่นอนค่ะ” เธอยืนอยู่หน้าบ้านซึ่งแสงแดดที่กำลังกระทบใบหน้าของเธอนั้นช่วยขับให้ใบหน้าของเธอเปล่งประกายขึ้นไปอีก ก่อนที่เธอจะโบกมือลาชายแก่และค่อยๆหันหลังเดินออกไป

 

หวังลิ่งยืนมองฉากตรงหน้า เรื่องราวของรักครั้งแรกอันแสนยาวนานดูเหมือนว่าจะจบลงเสียแล้ว

 

ชายแก่ยืนมองอาจารย์สาวค่อยๆเดินจากไป

 

สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าเธอก็ไม่สามารถจำเขาได้

 

แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรกับเขาอีกต่อไปแล้ว

 

…………………….

 

 

ในคืนนั้นชายแก่นั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเขาหยิบเอาจดหมายของรักแรกของเขาออกมาและเริ่มต้นเขียนบทเพลงสุดท้ายของรักแรกของเขา

 

นี่คือบทเพลงของจุดเริ่มต้นและจุดจบ…

ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้นในตอนแรก

หรือความเสียใจในตอนท้าย

จุดจบของการเดินทางอันแสนยาวนานกว่าสามสิบปี

ได้ถูกจารึกไว้ ณ ที่แห่งนี้


ฉันได้ลืมไปแล้วว่าฉันกำลังตามหาอะไรในทีแรก

แต่มันก็ยากที่จะลืมเรื่องราวของวันวานในครานั้น

ในการที่จะจบเรื่องราวความรักสามสิบปีนี้

ทุกๆอย่างมันดูสวยงามเกินกว่าที่คิดเอาไว้

 

ความรักครั้งแรก

ดูเหมือนว่าหนังสือสองเล่มนั้นได้ถูกเขียนขึ้นอย่างเร่งรีบ

แต่โชคร้ายที่สุดท้ายมันก็ต้องจบลง

นั่นไงสายรุ้งในม่านเมฆ

ฉันอยากให้เธอมีความสุขเหมือนสายรุ้งนั่น

ถ้าหากคุณมีความสุข ในทุกๆวันฟ้าคงสดใส…

 

ภายในห้องนอนของหวังลิ่ง หวังลิ่งอ่านบทเพลงบทสุดท้ายที่ชายแก่พยายามเขียนลงบนจนดหมาย

 

และในตอนนั้นเองเขาก็เข้าใจ

 

ความสวยงามของความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นการได้อยู่กับคนที่เรารักไปจนแก่ มันอาจจะเหมือนกับการมองดูสายรุ้งหลังจากพายุแห่งความรักได้ผ่านพ้นไป การส่งคนที่เรารักไปยังสายรุ้งเส้นนั้นเพื่อหวังว่าจะให้คนที่เรารักได้มีชีวิตอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว…

 

 

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด