The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 95

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Daily Life of the Immortal King ตอนที่ 95 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 95 ตอนเช้าที่ไม่ปกติของโรงเรียน
หวังลิ่งใช้วิชาวาดรูปบนอากาศเพื่อวาดรูปอาจารย์ป่านใส่กระดาษ เขาเคยใช้วิชานี้มาแล้วในตอนที่ตามหาหวังหมิง เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะต้องมาใช้วิชานี้เพื่อวาดรูปอาจารย์ประจำชั้นของเขา!

 

พ่อของหวังลิ่งมองไปยังรูปภาพที่หวังลิ่งวาด เขาดันแว่นกรอบดำของเขาขึ้นและเงียบไป

 

ผู้หญิงในรูปเป็นอาจารย์ที่ค่อนข้างมีอายุและค่อนข้างอวบ เพราะว่าเธอนั้นนั่งทำงานที่ต้องนั่งมาตลอด และดูเหมือนจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอมีร่างกายเหมือนถังน้ำ มีเส้นผมสีขาวประปรายอยู่ในผมหางม้าของเธอ และอายุที่มากขึ้นทำให้มีรอยตีนกาบนใบหน้า ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ดูไม่ออกว่าคนคนนี้เคยสวยมาก่อน…

 

“ลูกแน่ใจนะ…ว่าอาจารย์ประจำชั้นของลูก อาจารย์ป่านคนนี้เป็นผู้หญิงสีเชียวคนนั้น?”

 

หวังลิ่งเตะก้นฟูๆของสองสีเพื่อให้มันส่งเสียงออกมา

 

*โฮ่งๆ!*

 

พ่อของหวังลิ่งถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ…มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้เลย!

 

ช่วงกลางดึกแม่ของหวังลิ่งขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อมาสก์หน้า ในขณะที่คุณปู่หลับไปเรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกตระกูลหวังนั่งถอนหายใจในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานและจ้องไปยังรูปวาดของอาจารย์ป่าน

 

สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ป่านเคยเป็นรักแรกของคุณปู่ แต่ตอนนี้หวังลิ่งต้องวางแผนให้ทั้งสองคนมาพบกันมันเป็นอะไรที่น่าปวดหัวที่สุด!

 

ตอนนี้สมองของทั้งสองคนเต็มไปด้วยเรื่องพวกนี้ พ่อของหวังลิ่งไม่มีแม้แต่อารมณ์จะพิมพ์งาน…หลังจากวางรูปนั่นลงบนโต๊ะเขาก็เดินขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อที่จะนอนพักผ่อน

 

ตัดกลับมาที่ห้องนอนเล็กๆของหวังลิ่ง หวังลิ่งไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน เขาครุ่นคิดแต่วิธีที่จะทำให้คุณปู่และอาจารย์ป่านได้พบกันโดยบังเอิญ และไม่ทำให้มันดูเหมือนจงใจเกินไป

 

เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ…

 

ในตอนรุ่งเช้าขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น หวังลิ่งออกจากบ้าน เขาพบคุณปู่นั่งอาบแดดอยู่หน้าบ้านอีกครั้ง

 

ครั้งนี้ชายแก่ทำอาหารประเภทเย็นๆมาให้ เป็นสลัดเชื้อราดำกับแตงกวา และอีกอย่างหนึ่งเป็นสลัดเนื้อในน้ำพริก(Fuqi feipian)

หวังลิ่งจ้องไปยังกล่องอาหารกลางวันทั้งสอง เขารู้สึกว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอาหารสองอย่างนี้

 

ขณะที่เขากำลังยื่นมือไปรับกล่องอาหารกลางวัน ชายแก่ก็ดึงแขนหวังลิ่งไว้ “หลิงหลิง ปู่ฝันถึงคุณย่าอีกแล้ว…”

 

หวังลิ่งเงียบฟัง

 

“ย่ากลับไปเป็นสาวอีกครั้ง สวยเหมือนสมัยสาวๆเลย…” คุณปู่พูดขึ้นด้วยความสุข “วันที่ย่าจากไป ปู่กอดย่าเอาไว้และย่าก็กระซิบบอกปู่ว่าถ้าชาติหน้ามีจริง พวกเรา…พวกเราก็คงจะแต่งงานกันอีกครั้ง…”

 

พอพูดถึงตรงนี้น้ำตาของชายแก่ก็ซึมออกมาเล็กน้อย “ย่าบอกปู่ในฝันว่า ย่าอยากกินอาหารจานเย็น… อาหารทั้งสองอย่างนี้ หลิงหลิง ช่วยปู่เผาส่งให้ย่าหน่อยได้ไหม”

 

หวังลิ่งได้แต่เงียบทันทีที่ฟังจบ ‘คือสองอย่างนี้ไม่ได้ทำมาให้ผมหรอคุณปู่?!’

 

…………………………….

 

 

บรรยากาศภายในห้องเรียนวันนี้ค่อนข้างจะแปลกประหลาด เพราะว่าเลขาดาคังได้ส่งทีมตรวจสอบมา การลอกการบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละห้อง เมื่อหวังลิ่งก้าวเท้าเข้าไปยังตึกเรียน สายตาเขาก็ไปสะดุดอยู่ที่ชายหนุ่มผู้มีโบว์สีน้ำเงินผูกอยู่รอบแขน กำลังเดินอยู่บนทางเดินเพื่อตรวจสอบว่ามีใครนักเรียนคนไหนไม่อยู่ในกฎระเบียบบ้าง

 

หวังลิ่งเคยได้ยินข่าวเกียวกับชายหนุ่มคนนี้มาก่อน เขาชื่อว่ายูฮัง เป็นรุ่นพี่ชั้นปีที่สามของโรงเรียนอันดับที่60 เขายังเป็นถึงประธานสภานักเรียนของโรงเรียนอันดับที่60 ซึ่งทุกคนเรียกเขาว่า “หัวหน้ายู”!

 

เขาเล่ากันว่าหัวหน้ายูนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ปกติแล้วมักจะมีนักเรียนที่ทำผิดกฎอยู่ทุกห้องในตอนเช้า แต่หัวหน้ายูก็ไม่ได้ไปยุ่งกับพวกเขาเหล่านั้น เป็นเพราะว่าอีกไม่นานเขาก็จะจบแล้วเขาจึงไม่อยากจับผิดคนเหล่านั้นโดยที่ไม่จำเป็น เขาแค่เดินผ่านแต่ละห้องเรียนไปเฉยๆตามหน้าที่เท่านั้น ส่วนเหตุผลที่เขาต้องทำอย่างนี้หน่ะหรอ…เพราะว่าเขาก็ยังทำการบ้านของตัวเองไม่เสร็จเลย!

 

แต่เขาไม่มีทางเลือก ในหลายๆโรงเรียน ประธานนักเรียนชอบสร้างกฎเกณฑ์ไร้สาระขึ้น เขาไม่เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่ลอกการบ้านในโรงเรียนประจำเมือง…แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาสนับสนุนการกระทำเหล่านั้น

 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกว่า “อะไรที่มีเหตุผลมักจะเป็นความจริง และอะไรที่เป็นความจริงก็มักจะมีเหตุผล”…

 

หัวหน้ายูรู้ก็เข้าใจว่าความรู้สึกของคนที่ลอกการบ้านเป็นเพราะบางครั้งพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถทำเสร็จทันเวลา เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

 

เมื่อหวังลิ่งมาถึงห้องเรียนเขาเห็นหัวหน้ายูเดินมายังห้องเรียนชั้นปีที่หนึ่งห้องสาม หัวหน้ายูกวาดสายตาอันง่วงนอนของเขาไปรอบๆห้อง และเอ่ยถามเนือยๆขึ้นมา “ใครเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเรียนของห้องนี้?”

 

เสี่ยวหัวเฉิงยืนขึ้นและยกมือ

 

“ผมเอง…”

 

เสี่ยวหัวเฉิงไม่ใช่คนที่สูงเท่าไหร่ เขาดูเหมือนนักเรียนประถมเมื่ออยู่ต่อหน้ายูฮัง หัวหน้ายูก้มหัวลงเล็กน้อย “รุ่นพี่ยูไม่ต้องห่วงห้องเรียนของพวกเราค่อนข้างเข้มงวด พวกเรา…ไม่มีใครเลยที่ลอกการบ้าน”

 

สายตาของยูฮังหยุดที่เสี่ยวหัวเฉิงครู่นึง เขามองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่ารุ่นน้องคนนี้โกหก เสียงสั่น ตาลอกแลก การขยับมื้อและเท้าอย่างไม่เป็นธรรมชาติ…

 

แต่ในเมื่อไม่มีใครถูกจับได้ ยูฮังก็ไม่อยากจะวุ่นวายกับพวกเขา “ดี การเดินตรวจตราของวันนี้ก็จบลงที่ห้องนี้” เมื่อพูดจบเขาก็ยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวหัวเฉิงอย่างเอ็นดูเขาคิดว่าอนาคตของรุ่นน้องคนนี้คงจะสดใส

 

ไม่ว่าจะเป็นชั้นประธม มัธยมต้น มัธยมปลาย นักเรียนปีหนึ่งก็มักจะเป็นคนที่ระมัดระวังและขี้กลัวหลังจากกระทำผิด พวกเขากลัวการที่ถูกจับได้ ด้วยการที่เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เขาซึ่งเรียนที่โรงเรียนนี้มาแล้วทั้งสิ้นสามปีด้วยกัน เขามองว่าอีกไม่นานเสี่ยวหัวเฉิงจะกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ในภายภาคหน้า

 

เมื่อหวังลิ่งเดินมาถึงที่นั่งของเขา หัวหน้ายูก็กำลังจะเดินออกจากห้องไป เมื่อเขาก้าวขาออกจากห้องไป กัวหาวก็พูดขึ้นมา “ไม่ต้องห่วงหัวหน้ายู พวกเราเป็นคนที่พึ่งพาได้ และไม่เคยลอกการบ้านเลยสักครั้ง!”

 

เสี่ยวหัวเฉิงยกมือปิดหน้าด้วยความละอายใจ “กัวหาวจมูกของนาย…”

 

กัวหาวถูจมูกของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยเลือด “อ้า… ผมคงตื่นเต้นไปหน่อย! ใช่แล้วมันต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลย! ความถูกต้องใจจิตใจของผมมันบอกว่าการลอกการบ้านเป็นอะไรที่เลวร้ายสุดๆ!”

 

หวังลิ่งจ้องไปยังกัวหาว “…” ‘ทั้งๆที่นายใช้วิชาปากกาสี่ด้ามลอกการบ้านเนี่ยนะ!’

 

หลังจากนั้นกัวหาวเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองและทันทีที่ก้นของเขาแตะเก้าอี้ เขาก็ลุกขึ้นทันทีทันใดราวกับโดนไฟช็อต

 

หวังลิ่งได้ยินกัวหาวบ่นพึมพำ “โอย ก้นฉัน…เราไม่น่าใช้วิชาปากกาห้าด้ามเลย…”

 

“…”

 

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด