The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 86

อ่านนิยายจีนเรื่อง The Daily Life of the Immortal King ตอนที่ 86 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 86 คำสาปสองอาทิตย์

 

 

เช้าวันจันทร์ของวันที่ 18 พ.ค.

 

หลังจากหวังลิ่งสวมชุดนักเรียนเรียบร้อย เขาก็พร้อมที่จะเดินทางไปโรงเรียน เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าบ้านเขาเปิดประตูออกไปแล้วพบกับคุณปู่กำลังนั่งอยู่ที่สวนหน้าบ้าน คุณปู่กำลังนั่งอาบแดดยามเช้าอยู่

 

สำหรับคนในวัยชราเวลาในการนอนจะลดน้อยลง หวังลิ่งได้ใช้วิชาทำให้คุณปู่หลับเมื่อคืน แต่วิชาของเขาเขาก็ไม่อาจยุ่งกับนาฬิกาชีวิตของคนแก่ได้

 

เมื่อปู่เห็นหวังลิ่งเดินออกมาจากบ้าน เขาผงะไปเล็กน้อยแต่ก็ยื่นข้าวกล่องที่เขาเตรียมไว้สองกล่องให้แก่หวังลิ่ง “ข้าวกล่องวันนี้เป็นซี่โครงซอสเปรี้ยวหวานและปลาหมึกผัดซอสเค็ม”

 

หวังลิ่งรู้สึกแปลกใจเขาไม่คิดว่าคุณปู่ของเขาจะทำอาหารปกติได้

 

เขารับข้าวกล่องมา แต่เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้คุณปู่ของเขาจะลืมใส่เกลืออีกหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกไป ชายแก่ก็พูดขึ้นว่า “ปู่รอหลานปู่มาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว เธอคือจิงเกอใช่ไหม…อย่าลืมส่งข้าวกล่องนี้ให้หลานปู่ด้วยหล่ะ”

 

หวังลิ่ง “…”

 

………………………………..

 

 

ผ่านไปสามอาทิตย์บรรยากาศภายในห้องเรียนดูครึกครื้นมากกว่าตอนเปิดเทอม ตัวแทนด้านวิชาการเสี่ยวหัวเฉิงเริ่มทำการเก็บการบ้านของเพื่อนๆภายในห้อง เขามีชื่อจริงว่าซูเสี่ยวและทุกๆคนภายในห้องมักเขียนชื่อเขาบนกระดานผิดเสมอ (“苏晓” “苏小”อ่านว่าซูเสี่ยวเหมือนกัน)

 

ซูเสี่ยวตามชื่อของเขาเลย เขาเป็นเด็กผู้ชายที่สูงเพียงแค่164เซนติเมตร แต่เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นที่ชื่นชอบไม่ใช่แค่ในหมู่อาจารย์รวมไปถึงเพื่อนๆภายในห้องของเขาด้วย หลังจากที่ทุกคนในห้องเริ่มสนิทกับเขา เขาก็ได้รับฉายาใหม่ว่าเสี่ยวหัวเฉิงหรือนายถั่วน้อย

 

การเก็บรวบรวมการบ้านถือเป็นงานสำคัญและน่าปวดหัว โดยปกติการบ้านจะต้องเสร็จภายในสองอาทิตย์แรกไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น

 

ซึ่งเหตุการณ์วุ่นวายเหล่านี้ถูกเรียกว่าคำสาปสองอาทิตย์

 

แม้แต่นักเรียนห้องพิเศษก็ไม่พ้นกับคำสาปนี้

 

หวังลิ่งได้จัดประเภทของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งเป็นสี่ประเภท

 

ประเภทที่หนึ่ง นักเรียนที่ไม่เดือนร้อนอะไร อย่างซุนหรง หลินเสี่ยวหยู และเสี่ยวหัวเฉิง พวกเขาทำการบ้านเสร็จตั้งนานแล้วพวกเขาจึงไม่มีท่าทางร้อนใจอะไร

 

ประเภทที่สองคือนักเรียนปกติทั่วไป หวังลิ่งวางตัวเองไว้ในกลุ่มนักเรียนกลุ่มนี้

 

ประเภทที่สามคือพวกบ้าๆบอๆ นักเรียนพวกนี้คือคนที่ทำการบ้านเสร็จแต่ไม่ยอมเอามาส่ง สามารถพบเห็นได้มากในห้องธรรมดาและห้องปรับปรุง ซึ่งจะพบเห็นได้น้อยในห้องพิเศษ

 

ประเภทที่สี่คือพวกที่ชอบลอกการบ้าน โดยผู้นำกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนตัวอย่างก็คือเช็นเฉาและกัวหาวนั่นเอง

 

สมาชิกกลุ่มสุดท้ายเป็นอะไรที่น่าปวดหัวมากสำหรับเสี่ยวหัวเฉิง

 

“พวกนายสองคน ฉันให้เวลาแค่ห้านาที” เสี่ยวหัวเฉิงยืนอารมณ์เสียอยู่หน้าเช็นเฉาและกัวหาว

 

ตามตารางเวลาเดี๋ยวอีกห้านาที อาจารย์ป่านก็จะเดินเข้ามาเพื่อเฝ้าคาบเรียนส่วนตัวในช่วงเช้า

 

การเก็บการบ้านถือเป็นงานสำคัญสำหรับเขาแล้ว การลอกการบ้านก็ถือเป็นงานสำคัญของทั้งสองคนเช่นกัน

 

เมื่อเช็นเฉาเหลือบไปมองนาฬิกา เขาก็ตัดสินใจที่จะเร่งความเร็วในการลอกขึ้น เขาหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าดินสอและเริ่มใช้สองมือในการเขียน!

 

“นี่เป็นวิชาปากกาสองด้ามขั้นเทพ!” ทุกคนภายในห้องต่างอึ้ง

 

วิชาปากกาสองด้ามนั้นจะเพิ่มความเร็วในการลอกการบ้านขึ้นเป็นสองเท่า แต่อย่างไรก็ตามมันมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่มือข้างที่ไม่ถนัดจะเขียนได้แย่มากและจุดอ่อนอย่างที่สองก็คือต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในขณะลอกการบ้าน

 

เสี่ยวหัวเฉิงมองไปยังสมุดการบ้านของเช็นเฉา ตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ!

 

‘ลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม…นี่มันไม่ใช่แค่การลอกการบ้านแล้วนี่มันถ่ายเอกสารออกมาเลยต่างหาก!’

 

เขาไม่นึกว่าจะมีคนที่ใช้วิชานี้ได้ชำนาญอยู่ภายในห้องเรียนของเขา

 

เมื่อหวังลิ่งเห็นวิชาของเช็นเฉา เขารู้เลยว่าเช็นเฉาฝึกฝนใช้วิชานี้มาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบปีถึงเขียนได้สวยขนาดนี้

 

“ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเราจะมีโอกาสได้เจอคนที่ฝึกวิชาปากกาสองด้ามจนชำนาญแบบเรา!” กัวหาวหรี่ตาลงและมองไปทางเช็นเฉาอย่างชื่นชม

 

ท่ามกลางสายตาคนทั้งห้องกัวหาวหยิบปากกาของเขาออกมาจากกระเป๋าดินสอและเริ่มลอกการบ้าน

 

‘กัวหาวก็ใช้วิชาปากกาสองด้ามได้!’

 

ทุกคนภายในห้องต่างตกอยู่ในอาการช็อค

 

แต่อย่างไรก็ตามเวลาเหลืออีกแค่เพียงสามนาที…

 

*ดิ๊งด่อง!* ทันใดนั้นเองเสียงกระดิ่งสัญญาณคาบเรียนในตอนเช้าก็ดังขึ้น

 

เสี่ยวหัวเฉิงมองไปข้างนอกห้องเรียนอย่างเคร่งเครียด เพราะเขาได้ยินเสียงอาจารย์ป่านกำลังค่อยๆเดินเข้าใกล้ห้องเรียนของพวกเขา

 

‘มันจบแล้ว…ถ้าสปีดการลอกยังได้แค่นี้มันคงไม่ทัน!’

 

นักเรียนภายในห้องต่างถอนหายใจและส่ายหัวแสดงความเสียใจแก่ทั้งสองคน

 

เช็นเฉาเพิ่มสมาธิเข้าไปยังวิชาปากกาสองด้ามและเร่งสปีดขึ้นอีก พร้อมกับเสียงคำราม “ไม่! มันยังไม่ถึงเวลาที่จะยอมแพ้!”

 

ทันใดนั้นสปีดการลอกการบ้านของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก จนคนรอบข้างได้ยินเสียงเลือดร้อนๆของเช็นเฉาสูบฉีดไปทั่วร่างกายของเขา จนเพื่อนๆภายในห้องกลัวว่าเขาจะเส้นเลือดแตกตาย…

 

“…” หวังลิ่งไม่มีคอมเมนท์ใดๆต่อเพื่อนคนนี้ ขนาดเรื่องลอกการบ้านยังจริงจังขนาดนี้ คงไม่มีใครในโลกทำได้แบบเขาแล้วหล่ะ(มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ทำ)

 

เหลือเวลาอีกเพียงสองนาที เช็นเฉาเร่งสปีดขึ้นมาจนเทียบเท่ากับสปีดของกัวหาว

 

แต่ทันใดนั้นเองเช็นเฉาก็หยิบปากกาออกมาอีกด้ามจากกระเป๋าดินสอและคาบไว้ในปาก!

 

คนทั้งห้องต่างฮือฮา!

 

‘Holy shit วิชาปากกาสามด้าม?!’

 

ความเร็วในการเขียนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากวิชาปากกาสามด้าม

 

แน่นอนว่าเช็นเฉาก็สำเร็จวิชานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากของเขาสามารถอ่านออกอย่างชัดเจน

 

ตัวแทนด้านวิชาการอย่างเสี่ยวหัวเฉิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

อีกฝั่งหนึ่งเมื่อกัวหาวเห็นเช็นเฉาเข้าสู่วิชาขั้นสุดท้ายจู่ๆเขาก็หยุดลอกการบ้าน

 

‘เขายอมแพ้แล้วรึไง?’

 

หวังลิ่งนั่งเท้าคางมองคนบ้าทั้งสองกำลังแข่งขันกันอย่างสนใจ

 

จากนั้นกัวหาวจึงยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาหยิบปากกาสองด้ามออกมาจากกระเป๋าดินสอ

 

จากนั้น…

 

เขาค่อยๆเสียบมันเข้าไปในรูจมูกทั้งสองข้างของเขา

 

……………………………..

 

 

วันนี้ นักเรียนชายและหญิงจากชั้นปีที่หนึ่งห้องสามได้เป็นสักขีพยานและก้มกราบในความสุดยอดของกัวหาว…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด