The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 70
ตอนที่ 70 กระบี่วิญญาณก็เหมือนกับเจ้าของ
การใช้เกม “Cultivator’s Rift” เป็นเกมการแข่งขันที่ถูกเลือกโดยเช็นเทียนเฉียงและจินมู่เหยียนสองอาจารย์ใหญ่ของทั้งสองโรงเรียน โดยที่ไม่มีอาจารย์ท่านไหนรับรู้เรื่องราวดังกล่าวเลย
สองอาจารย์ใหญ่ไม่คิดว่าเกมเวอชันทดสอบจะประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ ของวิเศษมากมายที่มีให้ผู้เล่นเลือกใช้ทำให้เกมดูมีสีสันมากขึ้น ไม่มีใครสามารถละสายตาออกจากหน้าจอถ่ายทอดสด
แต่ก็มีบางสิ่งที่ยังคงต้องปรับปรุง
เกมประลองกระบี่วิญญาณตัวนี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ มีตัวแปรสำคัญมากมายที่ทำให้การต่อสู้ไม่สมดุล ถ้าหากฝ่ายไหนได้เปรียบก่อน อีกฝั่งแทบจะไม่มีสิทธิพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย
ดั่งเช่นผลการแข่งขั้นตรงหน้า…
ก่อนที่ทุกคนจะสร้างกระบี่วิญญาณเสร็จ เกมก็ถูกจบลงด้วยการใช้กระบี่ธรรมดาภายในเกม
ซึ่งมันไม่มีการใช้กระบี่วิญญาณในการประลองกระบี่วิญญาณเลย!
อาจารย์ใหญ๋ทั้งสองคนต่างรู้สึกอับอาย
นักเรียนทุกคนนำกระบี่วิญญาณของตนเองมาเพื่อเข้าร่วมงานประลอง แต่กลับไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถของตนและกระบี่วิญญาณ
แต่ถึงอย่างนั้นงานในวันนี้มันก็ยังไม่จบ!
เมื่อหวังลิ่งกลับออกมาจากโลกเสมือนพร้อมกับคนอื่น เขาได้ยินเสียงพูดคุยทางโทรจิตของสองอาจารย์ใหญ่
“รุ่นพี่… รุ่นพี่ควรทำอะไรสักอย่าง”
“…”
อาจารย์ใหญ่จินเอามือปิดหน้า “งานประลองกระบี่วิญญาณแต่ปราศจากกระบี่วิญญาณ ถ้าใครรู้เรื่องนี้เข้าคงอับอายไปจนตาย!”
“น้องชายใจเย็นๆ!” อาจารย์ใหญ่เช็นรับรู้ถึงความร้อนใจของศิษย์น้องซึ่งมันพลอยทำให้เขาเสียสมาธิไปด้วย ด้วยชื่อเสียงของสำนักเจ็ดดาว สายตาจากเหล่าอาจารย์และนักเรียน ทำให้สมองของเขาหมุนด้วยความเร็วร้อยแปดสิบรอบต่อนาที
ไม่นานหลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่เช็นจึงพูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มลึก “รองผู้อำนวยการโจวยี่ยังมีการแสดงกระบี่หลังจากนี้ ถ้าหากให้เขาเลือกกระบี่ของนักเรียนสักเล่มมาแสดงกระบี่บินร้อยก้าวหล่ะ?”
ความตึงเครียดของอาจารย์ใหญ่จินเริ่มลดลงตั้งแต่ได้ยินความคิดของอาจารย์ใหญ่เช็น “รุ่นพี่ช่างฉลาดยิ่งนัก!”
ริมฝีปากของหวังลิ่งจู่ๆก็กระตุกขึ้นมาเสียงั้น “…”
……………………………….
บนเวที โจวยี่มองไปยังกระบี่วิญญาณทั้งสิบเล่มซึ่งวางเรียงอยู่บนโต๊ะ
พูดจริงๆ ผลมันออกมาดีกว่าที่เขาคิดไว้ เขาไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแสดงกระบี่ผ่านภาได้ไหม แต่ถ้าหากเป็นกระบี่บินร้อยก้าวเขายังพอสามารถทำมันได้ ส่วนผลของมันจะออกมาดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเข้ากันได้ระหว่างเขาและกระบี่เหล่านี้ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขา
เพราะกระบี่ทุกเล่มต่างมีเจ้านายของตนเอง ในการที่จะให้พวกมันยอมรับคนแปลกหน้าคนผู้นั้นต้องมีพลังวิญญาณสูงกว่ากระบี่เล่มนั้น
ด้วยชื่อเสียงของรองผู้อำนวยการสมาคมร้อยโรงเรียน มันอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นบนเวทีแห่งนี้
“ใครจะรู้ว่ากฎการแข่งขันจะเปลี่ยนไป ฉันอยากจะแสดงความสามารถของหวังม่องและหวังจี่เสียหน่อย…” หลินเสี่ยวหยูพูดออกมาด้วยความเสียดาย
“ดูเหมือนว่าทักษะการควบคุมกระบี่วิญญาณของเธอจะพัฒนาขึ้นเยอะหล่ะสิเสี่ยวหยู” ซุนหรงยิ้มตอบ
“ใช่แล้ว! หลังจากอาจารย์คังให้หนังสือเจ้านายจอมปีศาจกับฉันมา มันเหมือนฉันอยู่ในโลกแห่งความฝันและฉันก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงของกระบี่แม่ลูก!”
“แล้วเธอเข้าใจว่ายังไง?” กัวหาวเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ไม่มีอะไรสามารถต่อกรกับสองสาวแซ่บได้!”
“…”
“ฉันอยากรู้จริงๆว่ากระบี่เล่มไหนที่รุ่นพี่โจวยี่จะเลือก?”
……………………….
สายตาของโจวยี่มองกระบี่ทั้งสิบเล่มวนไปวนมา กระบี่ของซุนหรงทะเลครามกำเนิดวิญญาณกระบี่เรียบร้อยแล้ว…คงจะควบคุมยากเอาการ กระบี่แม่ลูกของหลินเสี่ยวหยูเขาไม่อยากจะแตะต้องมัน แค่กระบี่ที่ไม่คุ้นมือเล่มเดียวก็แย่แล้วถ้าจะให้ใช้ทั้งสองเล่มคงไม่น่ารอด…
กระบี่ที่เหลืออีกแปดเล่ม ลี่เฉาของเช็นเฉา เขี้ยววิญญาณของกัวหาว เลือดสีครามของถังจิงเสอ จานโปของเฟิงหัวจิง และตระกูลมังกรทะยานของสามพี่น้องตระกูลเหลียง…
สายตาของหวังลิ่งจับจ้องไปยังทิศทางที่โจวยี่กำลังมอง
มันเป็นเพียงสิบเปอเซนเขาคงไม่เลือกจิงเกอหรอกมั้ง…
หลังจากนั้นโจวยี่หยิบกระบี่ไม้เล่มเล็กขึ้นมา “ฉันเลือกเล่มนี้แหละ!”
หวังลิ่ง “…”
โจวยี่มีเหตุผลของเขาอยู่นิดหน่อยที่เลือกจิงเกอ
หนึ่ง กระบี่เล่มนี้ดูจะไม่เป็นอันตรายต่อเขามากที่สุดและดูท่าทางจะใช้งานง่าย…
สอง เจ้าของกระบี่เล่มนี้คือหวังลิ่ง
โจวยี่รู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่าง…
เขากระชับจิงเกอในมือแน่น เขาคิดว่าการแสดงของเขาคงเป็นไปได้ด้วยดี ถ้าหากเขาแสดงได้ดีอาจารย์หวังลิ่งอาจจะยินดีไปกับเขา!
“…”
‘ยินดีบ้านแกสิ! แล้วอีกอย่างใครเป็นอาจารย์ของแกแว๊ะ! อย่ามาคิดเองเออเองสิวะ!’
หวังลิ่งถึงกับกุมขมับตัวเอง เขาทำได้แค่เพียงหวังว่า จิงเกอจะสามารถควบคุมพลังของตัวเองได้เมื่ออยู่ในมือของคนแปลกหน้า… ภายใต้สถานการณ์นี้มันไม่ควรจะระเบิดพลังออกมา ไม่เช่นนั้นเพียงรังสีดาบก็อาจจะทำให้ทุกคนในเมืองแห่งนี้ต้องย้ายที่อยู่อาศัยใหม่
แม้ว่ามันจะดูเว่อไปหน่อยแต่มันคือความจริง
จิงเกอเป็นแค่เพียงกระบี่ไม้เล่มเล็กๆ แต่พลังทำลายล้างของมันไม่เล็กตามไปด้วย…
ในตอนที่เขาเข้าไปช่วยตาแก่ลี เขาใช้จิงเกอตัดหัวเทพปีศาจเลือดของพวกมันถือเป็นตัวกระตุ้นอย่างดี จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถสะกดพลังอันมหาศาลของมันได้
“และขณะนี้ขอเชิญรองผู้อำนวยการสมาคมร้อยโรงเรียนโจวยี่ มาแสดงความสามารถการใช้กระบี่วิญญาณอันแสนน่าทึ่งของท่ากระบี่บินร้อยก้าวด้วยค่ะ!” เมื่อพิธีกรหญิงเห็นโจวยี่เลือกกระบี่เสร็จเธอจึงประกาศให้ทุกคนทราบ
โจวยี่เดินอย่างเชื่องช้าไปยังกลางเวทีพร้อมกับจิงเกอในมือท่ามกลางเสียงปรบมืออื้ออึงไปทั่วทั้งสนาม…
บนอัฒจันทร์เลขาซุนดาคังขมวดคิ้ว “เจ้าของกระบี่เล่มนี้ใช่นักเรียนหวังลิ่งไหม?”
อาจารย์ใหญ่เช็นซึ่งนั่งอยู่ข้างเลขาซุนดาคังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามแต่เขาก็ตอบกลับไป “ใช่แล้วท่าน นั่นเป็นกระบี่ของหวังลิ่ง เด็กคนนั้นเกิดในครอบครัวที่ยากจนทางโรงเรียนของเราตั้งใจจะไปเยี่ยมและนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวของเด็กคนนั้นอยู่”
เลขาแก่หยักหน้าอย่างพึงพอใจ “หืมดีแล้ว…ไม่ว่าจะยากจนเพียงใดเราควรจะให้การศึกษาที่ดีแก่ลูกหลาน นักเรียนแต่ละคนควรจะได้รับการเอาใจใส่จากทางโรงเรียนและสังคม นี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้พลังวิญญาณของพวกเขาเติบโตอย่างมั่นคง”
อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการและอาจารย์ผู้นำทีมจากทั้งสองโรงเรียนต่างพยักหน้าตาม “เลขาซุนดาคังพูดถูกแล้ว!”
“ดีมากทุกคน แต่มันคงจะยากสำหรับทุกคนนิดหน่อยนะในการดูแลเอาใจใส่นักเรียนที่ฐานะยากจนทุกคน” ในขณะที่เลขาแก่กำลังพูดอยู่สายตาของเขาก็ไม่ได้ละออกไปจากกระบี่ไม้พีชเล่มที่อยู่ในมือโจวยี่เลย
‘หรือเขาจะคิดไปเอง?’
ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่า…กระบี่เล่มนั้นมันดูแปลกๆ
คอมเม้นต์