The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 93
ตอนที่ 93 ไปเลยหวังลิ่งพ่อเลือกลูก
ยามเช้า ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ หิวโหย ไม่มีWifi…สี่สิ่งนี้เปรียบเสมือนเครื่องทรมานของคนในยุคนี้
หลังจากเทพมือระเบิดได้กลับสู่กรุ๊ปแชท ก็มีคนไปตั้งโพสต์ล้อเลียนเขา –“ช็อค! เจ้าของเว็บบอร์ดชื่อดังเทพมือระเบิด หายสาบสูญอย่างไม่ทราบสาเหตุกลับบ้านอย่างปลอดภัย สาเหตุของการหายตัวไปก็คือ…ไม่มีWifi?!”
ชีวิตปราศจากWifiทำให้เทพมือระเบิดหงุดหงิดเป็นอย่างมาก และเขาได้ประกาศต่อสาธารณะชนว่าถ้าหากเขาจับคนที่ทำลายห้องแลปของรุ่นน้องเขาได้ เขาจะจับไอจ้อนของมันมาถลกหนัง…
เมื่อหวังลิ่งเห็นว่าเทพมือระเบิดอยู่ในอารมณ์โกรธ เขาจึงตัดสินใจล็อกเอาท์ออกมาอย่างเงียบเชียบ…
เขาตัดสินใจว่าจะมาปรึกษาเรื่องหน้ากากทีหลังรอให้เทพมือระเบิดใจเย็นลงอีกหน่อย ด้วยอารมณ์ของเทพมือระเบิดตอนนี้หากเขารู้ความจริงขึ้นมาคงไม่แคล้วมาระเบิดบ้านของหวังลิ่งแน่ๆ
เนื่องจากความลับของหน้ากากผีดิบใบนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร ดังนั้นหวังลิ่งจึงรู้สึกว่าเขาควรตรวจสอบมันไปอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากเขาประมาทไปนิดนึงอาจจะก่อให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดได้
…………………………
หลังจากมื้ออาหารเย็น ลี่เหมงเหมงก็แวะมาเยี่ยมตอนเวลาประมาณสองทุ่มเศษๆ
ครอบครัวหวังมักจะไม่ค่อยปิดประตูหน้าบ้านในขณะที่พวกเขารับประทานอาหาร ลี่เหมงเหมงก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกจึงถือวิสาสะเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าแตะสำหรับใส่เดินในบ้าน ซึ่งได้ถูกเตรียมไว้สำหรับแขกที่มาเยี่ยม
เมื่อลี่เหมงเหมงเข้ามาในบ้าน แม่ของหวังลิ่งก็กำลังล้างจานอยู่ในครัว และพ่อและคุณปู่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ซึ่งเปิดเสียงดังมากเพราะหูของคุณปู่ค่อนข้างจะไม่ดีแล้ว ทำให้พวกเขาไม่สังเกตการมาถึงของลี่เหมงเหมง พ่อของหวังลิ่งรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่บริเวณประตูเขาจึงเอี้ยวคอไปมอง
เมื่อเห็นว่าเป็นลี่เหมงเหมงเขาจึงชี้นิ้วไปยังทางขึ้นบันได ลี่เหมงเหมงก็เข้าใจทันทีว่าเขาหมายความว่ายังไง ลี่เหมงเหมงจึงเดินขี้นไปยังห้องทำงานของเขา
เขาพอจะจะทราบแล้วว่ามันน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลวินิจฉัยโรคของศาสตราจารย์เจียง พ่อของเขาอาจจะกลัวเมื่อได้ยินมัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าให้ตัวเองได้ฟังผลวินิจฉัยเสียก่อน
หลังจากปิดปิดกรุ๊ปแชทไป หวังลิ่งก็เห็นลี่เหมงเหมงและพ่อของเขาขึ้นไปยังชั้นสอง และทั้งสองก็พูดกันเรื่องไซกานิกเอฟเฟค (Zeigarnik Effect)
ไซกานิกเอฟเฟค ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะมีอาการหลงลืมเรื่องราวหรือลืมสิ่งที่ทำเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว แต่จะจำเรื่องที่ยังไม่เสร็จได้อย่างแม่นยำ
หัวข้อโรคชนิดนี้มันเคยอยู่ในบันทึกการค้นคว้าวิจัยหลักจิตวิทยาแห่งความรักของศาสตราจารย์เจียง ซึ่งเขาเขียนมันขึ้นตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียน ชื่อเรื่องของรายงานฉบับนั้นคือ “ทำไหมมนุษย์ถึงไม่เคยลืมรักแรกของพวกเขา”
เมื่อลี่เหมงเหมงกำลังจะเริ่มอธิบาย เขาอยากให้พ่อของหวังลิ่งปวดหัวเล่นไปก่อนโดยการโยนวิทยานิพนธ์ลงบนโต๊ะ หลังจากพ่อของหวังลิ่งอ่านจนจบแล้ว เขาก็ยังคงงงอยู่ “มันหมายความว่ายังไง? แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับอาการของพ่อผม?”
“ศาสตราจารย์เจียงคิดว่า สภาพร่างกายของคุณปู่ก็เป็นไปตามวัย แต่ดูเหมือนปัญหาด้านจิตใจจะใหญ่มาก ผลวินิจฉัยของศาสตราจารย์ก็ออกมาคล้ายๆกับที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้” ลี่เหมงเหมงตอบกลับ
“พูดง่ายๆก็คือ แม่ของนายมีความสำคัญต่อคุณพ่อของนายมาก ซึ่งเขาต้องการจะแก่ตายไปพร้อมกัน แต่โชคไม่ดีที่ความปรารถนาของเขาไม่เป็นจริงและทำให้คุณพ่อของนายเกิดอาการช็อค ซึ่งอาการรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไม่สำเร็จนั้นเป็นส่วนหนึ่งของไซกานิกเอฟเฟคที่พวกเรากำลังพูดกันอยู่นี่…”
หวังลิ่งฟังลี่เหมงเหมงอธิบายโรคของคุณปู่ เขาก็รู้สึกแปลกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ถึงความสุดยอดของลี่เหมงเหมงคนนี้ เขาต้องเรียนจิตวิทยามาอย่างยากลำบากแน่นอน เขาเคยได้ยินชื่อศาสตราจารย์เจียง หรือชื่อเต็มๆคือ”เจียง ลี่”มาก่อน ศาสตราจารย์คนนี้มีฉายาว่าราชาแห่งจิตใจ ศาสตราจารย์คนนี้มีนักเรียนอยู่ทั่วทุกที่ และกว่า70%ของจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา มีความเกี่ยวข้องกับศาตราจารย์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าหากพวกเขาเจอศาสตราจารย์เจียงข้างนอก พวกเขาจะเรียกศาสตราจารย์ว่าแกรนด์มาสตเตอร์หรือปรมาจารย์
แต่ที่ไม่เหมือนกับคนพวกนั้นก็คือ ลี่เหมงเหมงเป็นลูกศิษย์สายตรงของศาสตราจารย์เจียงและได้รับการสั่งสอนอย่างพิเศษจากเขา!
ด้วยความฉลาดของลี่เหมงเหมง เขามีโอกาสที่จะเป็นศาสตราจารย์เจียงคนที่สองถ้าหากเขาไม่เปลี่ยนใจไปเสียก่อน เนื่องจากอาชีพนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์นั้นไม่สามารถใช้หาเลี้ยงชีพได้เพียงพอ ลี่เหมงเหมงและศาสตราจารย์คงสนิทกันมากไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วแบบนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคนี้คนที่เก่งในด้านเดียวจะไปได้ไม่ไกล อย่างศาสตราจารย์เจียงไม่เพียงแค่เก่งด้านการศึกษาแล้วเขายังเป็นผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน
หวังลิ่งรู้สึกสงสารในตัวของลี่เหมงเหมงจริงๆ การที่ต้องมีพรสวรรค์ในด้านการฝึกตนนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และไอยาที่กินแล้วจะช่วยทำให้คนธรรมดาสำเร็จขั้นแรกเริ่มลมปราณนั้นมันไม่มีอยู่จริง…
แน่นอนว่าลี่เหมงเหมงไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ ในสังคมคนโดยส่วนใหญ่ก็มักจะมีสิ่งที่ทำได้และสิ่งที่ทำไม่ได้ และในบรรดาคนที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านนั้นๆเขาก็ต้องเลือกที่จะยอมทิ้งสิ่งที่ตัวเองรัก ไปทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้แทน และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเหมือนหวังหมิงผู้ซึ่งไม่สามารถฝึกตนได้แต่ก็ได้รับสมองอันชาญฉลาดมาทดแทน
“หืม…แล้วมันหมายความว่ายังไง?”
“นี่เป็นคำพูดของศาสตราจารย์ฉันแค่นำมันมาบอกเฉยๆ” ลี่เหมงเหมงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือพิษต้องล้างด้วยพิษ เราต้องรักษาความรู้สึกของคนแก่ด้วยการสร้างความรู้สึกนั้นขึ้นมาอีกครั้ง เป็นการทดแทนในสิ่งที่ขาดหายไปในเชิงจิตวิทยา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รับประกันว่าจะหายนะ”
พ่อของหวังลิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “แล้วผมจำเป็นต้องทำอะไรเป็นพิเศษ?”
“มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก คุณพ่อของนายเคยมี…รักแรกไหม? ถ้าเป็นไปได้ ให้เขาได้พบรักแรกของเขา วิธีการทดแทนในสิ่งที่ขาดหายอาจจะช่วยรักษาได้ ฉันคิดว่ามันรักษาไม่หายขาดแต่ก็พอจะช่วยได้บ้าง”
รักแรก…อย่างงั้นหรือ?
หลังจากพ่อของหวังลิ่งเงียบไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงผู้หญิงที่พ่อของเขาพูดถึงก่อนหน้า “…ผมเคยได้ยินพ่อของผมพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งผู้ซึ่งชอบใส่ชุดสีเขียว เธอเป็นคนที่พ่อของผมชอบเมื่อตอนที่พ่อผมยังเป็นหัวหน้าพ่อครัว แต่ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นรักแรกหรือเปล่า”
“นั่นแหละ!” ลี่เหมงเหมงดีดนิ้ว “อาการทางสมองของคุณปู่จะกำเริบได้ตลอดเวลา และถ้าหากเขายังคงจำผู้หญิงคนนั้นได้ นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเธอเป็นรักแรกของเขา!”
“เยี่ยม! จากนี้ไปพวกเราก็ต้องคิดถึงวิธีที่จะตามหาผู้หญิงชุดเขียวคนนั้นและพาเธอมาพบพ่อของผมใช่ไหม?” พ่อของหวังลิ่งถามอีกครั้งให้แน่ใจ
ลี่เหมงเหมงพยักหน้าตอบ “ใช่แล้วหล่ะ!”
เมื่อสิ้นเสียงเขาก็นึกออกแล้วว่าจะให้ใครช่วยตามหาผู้หญิงคนนั้นดี
เขาหันหน้าไปทางห้องหวังลิ่งและชี้ไปทางห้องหวังลิ่ง “ไปเลยหวังลิ่ง! จะรักษาอาการของคุณปู่ได้หรือไม่ได้ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับลูกแล้ว!”
หวังลิ่ง “…”
คอมเม้นต์