The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 96
ตอนที่ 96 ช่วงเวลาแห่งการซุบซิบ (2)
วันนี้เป็นวันอังคารที่ 19 ในสัปดาห์ที่สี่ของเทอมนี้ และเป็นเวลาวิชาประวัติศาสตร์ของอาจารย์คัง
นักเรียนเห็นอาจารย์ร่างอ้วนค่อยๆก้าวเท้าเข้าห้องเรียนผ่านทางประตูมา ก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะหน้าชั้นเรียนเพื่อเตรียมการสอน
อาจารย์มักจะไม่ค่อยมีหนังสืออะไรติดตัวมามากนัก เนื่องจากความรู้ทุกอย่างนั้นฝังอยู่ในหัวของอาจารย์เรียบร้อยแล้ว
หวังลิ่งคิดว่าการไม่ใช้หนังสือเรียนในการสอนนั้นเป็นเรื่องยาก แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับอาจารย์คังเขายังคงสอนและเล่าประสบการณ์ต่างๆให้แก่นักเรียนได้อยู่ดี จากทั้งโรงเรียนอันดับที่60แห่งนี้ อาจารย์คังถือว่าเป็นอาจารย์ตัวอย่างในการสอนอย่างยอดเยี่ยม การสอนที่ไม่ต้องใช้ตำราเรียนควบคู่ถือเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของการเป็นอาจารย์ได้ดีเลยทีเดียว
นับตั้งแต่งานประลองกระบี่วิญญาณก็ผ่านมาแล้วสามวัน อาจารย์คังดูอ้วนขึ้นมาก…ความรักระหว่างอาจารย์คังและผู้อำนวยการชี่แห่งโรงเรียนอันดับที่59ก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป หวังลิ่งคิดว่าเขาคงออกเดตด้วยการพาไปกินอาหารอร่อยๆหลายต่อหลายครั้ง
ไม่ใช่แค่เพียงอาจารย์คังเท่านั้น หวังลิ่งก็คิดว่าผู้อำนวยการชี่ก็อ้วนขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยเช่นกัน…
“เมื่อไม่กี่วันนี้ก็มีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้น อาจารย์คิดว่าพวกเธอคงเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับองค์กรทหารม้านักบุญมาบ้างใช่ไหม?”
เมื่ออาจารย์คังพูดขึ้น เหล่านักเรียนก็เริ่มออกความเห็นและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ตนรู้ เห็นได้ชัดว่าหลังจากการเปิดเผยตัวตนของแก๊งนมผงปลอมนั่น ทำให้เหล่าประชาชนตระหนักถึงเรื่องราวเหล่านี้
มือของอาจารย์คังเรืองแสงขึ้นก่อนที่เขาจะวางกระป๋องใบหนึ่งลงบนโต๊ะ “อาจารย์ซื้อนมผงปลอมกระป๋องนี้โดยตรงมาจากนักบุญนมผง ในตอนนั้นมีผู้ชายคนนึงคะยั้นคะยอให้อาจารย์เป็นตัวแทนจำหน่ายนมผงให้กับพวกเขา”
“แล้วยังไงต่อหรอคะอาจารย์?” หลินเสี่ยวหยูถามขึ้นอย่างสงสัย
“จากนั้น อาจารย์ก็โน้มน้าวให้เขาให้ยกนมผงให้อาจารย์กระป๋องนึงโดยที่ไม่คิดเงิน…หลังจากที่ที่เขาได้ฟังการสั่งสอนของอาจารย์ เขาก็กลับตัวกลับใจสำนึกผิดและกลายเป็นคนใหม่!”
เมื่ออาจารย์คังเล่าจบ นักเรียนหลายคนต่างหัวเราะเพราะคิดว่าอาจารย์คงแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อให้มันดูตลก ลมหายใจของซุนหรงและหวังลิ่งสะดุดไปนิดนึงหลังจากได้ยินเรื่องเล่าของอาจารย์คัง ก่อนหน้านี้ อาจารย์คังก็เคยพูดว่าเขาสามารถฆ่าคนตายด้วยเศษชอล์กได้ หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่ท้ายที่สุดเขาก็ฆ่าคนตายด้วยเศษชอล์กจริงๆ
ดังนั้นเหตุการณ์นี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเคยเกิดขึ้นจริง…
แน่นอนเลยว่ามันต้องมีเหตุผลอื่นที่อาจารย์คังจะเริ่มบทเรียนด้วยเรื่องขององค์กรทหารม้านักบุญที่จำหน่ายนมผงปลอม หลังจากบทเรียนเรื่อง “ย้อนรอยการวิวัฒนาการของทีวีโชว์สมัยโบราณในประเทศ” “ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของประเทศ” นับว่าเป็นบทเรียนสำคัญของวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจารย์คังจะใช้เป็นหัวข้อข้อสอบในการสอบมิดเทอมและไฟนอล
เขาใช้เรื่ององค์กรทหารม้านักบุญขายนมผงปลอมเป็นหัวข้อสนทนาเพื่อดึงความสนใจของเหล่านักเรียน
เมื่อห้องเรียนเริ่มที่จะสงบลง ทุกคนรู้กันดีว่าบทเรียนที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้น…
“จากเรื่องประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของประเทศ พวกเราควรจะเริ่มด้วยสงครามกัวผีครั้งแรก ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่สำคัญและน่าอับอายในเวลาเดียวกันของประเทศ” อาจารย์คังถอนหายใจออกมา “เมื่อตอนนั้นในการที่จะป้องกันดินแดนจากกองทัพซึ่งนำโดยจอมมารกัวผี ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนได้เสียสละชีวิตของพวกเขาในสงครามครั้งนั้น…ถึงตรงนี้พวกเธอหลายๆคนคงจะสงสัยว่า กัวผี มันคืออะไร เดี๋ยวอาจารย์จะอธิบายให้ฟัง เปลือกแตงโมถือว่าเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง สมัยก่อนคนทั่วไปมักจะบดมันให้ละเอียดและม้วนเป็นเหมือนบุหรี่ หลังจากที่พวกเขาได้ลองเสพมันเข้าไปแล้วพวกเขาจะไม่สามารถยับยั้งที่จะเสพอีกมวนได้ ยิ่งสูบมากเท่าไหร่ก็สมองก็ยิ่งทำงานได้ช้าลงเท่านั้น”
นักเรียนทุกคนนั่งฟังอย่างเงียบกริบ
“ประเด็นก็คือถ้าหากได้ลองเสพมันสักครั้งแล้ว คนผู้นั้นก็จะเสพติดมันทันที”
“เมื่อตอนนั้น กองทัพกัวผีได้ก่อตั้งขึ้นด้วยความรวดเร็วเหมือนดั่งองค์กรทหารม้านักบุญในครั้งนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลถึงกลัว เพราะมันอาจจะเป็นเหมือนคราวกองทัพกัวผี แม้ว่าจะมีการตรวจสอบแล้วว่านมผงปลอมนั้นไม่มีส่วนประกอบใดที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่มันก็เป็นสิ่งที่กำลังทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นักเรียนหลายคนที่เตรียมตัวเกี่ยวกับบทเรียนนี้มาบ้างแล้วรู้ว่า จุดเริ่มต้นขององค์กรกัวผีเป็นอย่างไร พวกมันใช้โครงสร้างพีระมิด(หากใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงAmway)ในการสร้างรากฐานและเพิ่มจำนวนสมาชิกอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น และทางรัฐบาลก็รู้ตัวช้า กว่าจะรู้ถึงการมีตัวตนของกองทัพกัวผีมันก็สายไปเสียแล้ว
ตามสไตล์การสอนของอาจารย์คังเขามักจะเกริ่นบทเรียนที่จะเรียนก่อนจะเริ่มต้นคาบเรียนอย่างจริงจัง
“ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของประเทศ – ในสงครามกัวผีครั้งแรก” เป็นประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าถึงเหตุการณ์ของจอมมารกัวผีขายยาเสพติดเปลือกแตงโมผ่านโครงสร้างพีระมิด อาจารย์คังนั้นเข้าใจอย่างถ่องแท้ในประวัติศาสตร์ช่วงนี้ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายของประเทศ โดยมักจะถูกประเทศเพื่อนบ้านล้อว่า “ยุคสูบแตงโม” ซึ่งปัจจุบันข้อสอบของวิชาประวัติศาสตร์ก็มักจะนำส่วนนี้ใส่ลงไปในข้อสอบด้วย เพื่อย้ำเตือนเด็กๆไม่ให้ซ้ำรอยประวัติศาสตร์
หลังจากพูดถึงเหตุการณ์สงคราวกัวผีครั้งแรกจบแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาแห่งข่าวลือของอาจารย์คัง
ครั้งนี้เขาจะพูดถึงจอมมารกัวผี
“อาจารย์อยากรู้ว่า พวกเธอทุกคนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับจอมมารกัวผี?” อาจารย์คังเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่เขายืนเท้าโต๊ะอยู่หน้าชั้นเรียน
อาจารย์คังหยุดไปครู่หนึ่ง และกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องเรียน เมื่อไม่เห็นใครมีทีท่าจะตอบเขาก็เผยรอยยิ้มประจำตัวของเขา “จอมมารกัวผีคนนี้มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งมาก จากบันทึกประวัติศาสตร์ นายพลยิหนึ่งในสิบผู้ก่อตั้งของเรา ได้มีโอกาสประมือกับจอมมารกัวผีครั้งนึง เมื่อทั้งสองเข้าปะทะกัน จอมมารกัวผีเป็นฝ่ายที่ทรุดลงกับพื้นในขณะที่นายพลยินั้นเพียงแค่เซถอยหลังสามก้าว”
เมื่อได้ยินดังนั้นนักเรียนทั้งห้องก็อยู่ในความโกลาหล!
นายพลยิเป็นคนที่เก่งขนาดไหนกัน?
เขาเป็นถึงเทพกระบี่! ตำนานผู้ซึ่งต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายพลชิต่อกรกับเหล่าเทพมาร!
“อย่างไรก็ตาม เท่าที่อาจารย์ทราบ จอมมารกัวผีนั้นบาดเจ็บสาหัสและหลบหนีไป หลังจากจบสงคราวกัวผีครั้งแรก เขาก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่มีใครทราบว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“บางทีเขาอาจจะตายไปแล้วหรือเปล่าคะอาจารย์?” นักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งถามขึ้น
“ตามข่าวลือนั้นกล่าวว่าเขาได้ตายไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบสงครามกัวผีครั้งที่สองนั้น ผู้ที่ออกคำสั่งกองทัพกัวผีเป็นลูกศิษย์ของจอมมารกัวผี นามว่าชีผี แต่น่าแปลกจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวการตายของกัวผีเลย นั่นทำให้อาจารย์สงสัยนิดหน่อย และอาจารย์แอบคิดว่า ชีผีนี่แหละที่เป็นคนขังอาจารย์ที่บาดเจ็บของตัวเองและยึดพลังของจอมมารกัวผีที่กำลังบาดเจ็บอยู่มาเป็นของตัวเอง” อาจารย์คังพูดข้อสันนิษฐานของเขาออกไปให้นักเรียนฟัง
กัวหาวพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “นักโทษ?! อะไรกัน จอมมารกัวผีเป็นของมาโซหรือไง?”
“อาจารย์และลูกศิษย์เป็นอะไรที่น่าสนใจที่สุด!” ใบหน้าตื่นเต้นของหลินเสี่ยวหยูแสดงให้เห็นว่าภายในหัวของเธอคงมีรายชื่อนิยายบอยเลิฟอยู่เต็มหัว
“แน่นอนว่ามันก็มีข่าวลือที่น่าเชื่อถืออยู่อย่างหนึ่ง หนทางที่จะหนีจากการกักขังได้ จอมมารกัวผีต้องผนึกวิญญาณตัวเองไปอยู่ในของวิเศษ ซึ่งในข่าวลือนั้นบอกว่าเป็นหน้ากากต้องสาป…”
เมื่ออาจารย์คังเอ่ยถึงหน้ากากต้องสาป หวังลิ่งซึ่งก่อนหน้านี้ยังนั่งก้มหน้าอยู่ก็พลันเงยหน้าขึ้นมา และมองไปยังอาจารย์คังแทบจะในทันที
คอมเม้นต์