The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 98
ตอนที่ 98 สองสีวาดรูป?
เมื่อตอนโรงเรียนใกล้จะเลิก กัวหาวเดินมาหาหวังลิ่งและวางอาหารสุนัขคุณภาพดีไว้บนโต๊ะของหวังลิ่งสองถุง บนถุงเขียนไว้ว่า “Soul Servant Shop” พร้อมกับวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ
อาหารสุนัขสองถุงนี้ผลิตโดยร้านของกัวหาว หวังลิ่งเหลือบไปเห็นวันที่ผลิตซึ่งมันบอกว่าเป็นเมื่อวาน การสั่งผลิตอาหารแบบเฉพาะในร้านขายอาหารสัตว์เป็นเรื่องทั่วไป หวังลิ่งคิดว่านอกเหนือไปจากการเรียนแล้ว เพื่อนคนนี้ก็เป็นคนซื่อและไว้ใจได้คนหนึ่ง
“เราคิดถึงสองสีมากเลยตลอดระยะเวลากว่าสองวันที่ไม่มีมันวิ่งเล่นไปมาในห้อง” กัวหาวพูดขึ้นและเขาก็ถอดแว่นของเขาออกปาดน้ำตา “อาหารสองถุงนี้สั่งผลิตขึ้นมาเพื่อสองสีถ้าหากมันไม่พอก็บอกเราได้นะ แล้วก็ชื่อรสเขียนไว้อยู่ในแถบข้างหลังถุง”
เมื่อได้ยินที่กัวหาวพูด หวังลิ่งก็พลิกถุงอาหารสุนัขดู
ที่มุมซ้ายล่างของถุงมีตัวหนังสือเขียนว่า “แมลงวันนิวออลีนส์”…
…………………………
เมื่อหวังลิ่งกลับถึงบ้าน เขาพบว่าพ่อของเขากำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา นี่ก็นับว่าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่พวกเขาค้นพบความจริงเกี่ยวกับรักแรกของคุณปู่ และจากท่าทางของพ่อหวังลิ่ง เขาคงยังช็อคกับความจริงที่ได้รับรู้เมื่อคืน
สิ่งที่น่าปวดหัวอีกเรื่องก็คือ มันเป็นแค่เพียงรักข้างเดียวของตาแก่ หวังลิ่งจึงไม่รู้ว่าจะใช้ข้ออ้างอะไรทำให้อาจารย์ป่านยอมออกมาพบ อีกอย่างก็คืออาจารย์ป่านเป็นอาจารย์ประจำชั้นด้วย แม้แต่เขายังคิดเลยว่าภารกิจในครั้งนี้มันคงเป็นไปได้ยากที่จะสำเร็จ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากจุดไหนดี…
พ่อของหวังลิ่งมองไปยังชายแก่ ที่กำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหารในครัวกับภรรยาของเขา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา “หลิงหลิง เกี่ยวกับคุณปู่พยายามคิดหาทางอื่นเถอะ แล้วอีกอย่าง…เมื่อกี้ทางโรงเรียนของลูกได้ส่งข้อความมาทางกรุ๊ปแชท ว่าจะมีการประชุมผู้ปกครองในวันจันทร์หน้าตอนหกโมงเย็น ลูกรู้อะไรบ้างไหม?”
หวังลิ่งขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าอาจารย์ป่านจะเคยพูดมาก่อน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้
วันจันทร์หน้า…
หวังลิ่งบ่นพึมพำในใจ
สำหรับเด็กนักเรียน การประชุมผู้ปกครองถือเป็นส่วนสำคัญของการศึกษา ในการที่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับอาจารย์ประจำชั้น ผู้ปกครองก็จะได้เข้าใจทางโรงเรียนและรู้พฤติกรรมของนักเรียนได้ดีขึ้น
แน่นอนว่าเปรียบเทียบกับคนอื่น หวังลิ่งไม่เคยกลัวการที่จะต้องให้ผู้ปกครองกับอาจารย์ได้พบกัน
อย่างแรกเกรดของเขาก็ไม่ได้ดีหรือแย่อะไรและอยู่ในระดับกลางๆที่พ่อและแม่ของเขาสั่งไว้
อย่างที่สองแม้ว่าถ้าหากมีอาจารย์คนไหนที่จะตำหนิหรือวิจารย์หวังลิ่ง พ่อและแม่ของหวังลิ่งก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี เพราะว่าพวกเขาไม่มีพลังมากพอที่จะทำโทษหวังลิ่ง ดูตัวอย่างจากพวกนักฆ๋าจากเงาสายธารก็ได้…
อย่างสุดท้ายก็คือ หวังลิ่งสามารถนับด้วยมือได้เลยถึงจำนวนครั้งที่พ่อแม่ของเขาเข้าร่วมการประชุม เพราะเกือบจะทุกครั้งเขาจะส่งคนอื่นไปแทน
เหมือนดั่งที่หวังลิ่งคาดไว้ พ่อของหวังลิ่งวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะดันแว่นขึ้นตามสไตล์ของเขา “พ่อกำลังยุ่งกับหนังสือเรื่องใหม่อยู่ ดังนั้นพ่อจะพิมพ์งานอยู่บ้าน ลุงซ่งเร่งให้พ่อรีบเขียนต้นฉบับให้เสร็จ แม่ของลูกก็ต้องดูแลคุณปู่แม่ก็คงอาจจะไม่ว่าง ดังนั้นการประชุมลูกก็บอกให้เพื่อนของลูกมาช่วยเหมือนเดิมก็แล้วกัน”
“…”
…………………………………….
มันยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น ดังนั้นหวังลิ่งจึงกลับขึ้นไปยังห้องของเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง เขาเห็นสองสีนอนอยู่บนพื้นและถือปากกาด้วยอุ้งมือของ ขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุดไดอารี่
หลังจากวิญญาณสองสีได้ถูกบังคับให้มาอยู่ในร่างสุนัข มันได้ล้มเลิกการต่อต้านและหมดอาลัยตายอยากไปหมดแล้ว มันเริ่มต้นยอมรับความจริงและเริ่มปรับตัว และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันกำลังปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบมนุษย์
มันเป็นการยากมากที่จะจับปากกาด้วยอุ้งมือสุนัข แม้ว่าสองสีจะใช้พลังวิญญาณในการช่วยควบคุมอุ้งมือแล้วก็ตาม มันก็ยังคงไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดทางกายภาพได้ มันอยากที่จะเริ่มฝึกเขียนไดอารีก่อน แต่หลังจากคิดอยู่นาน มันก็ตัดสินใจที่จะลองวาดรูปก่อนเพื่อทำให้อุ้งมือมันคุ้นชินกับการใช้ปากกา
สองสีเริ่มฝึกมาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน ถังขยะจึงเต็มไปด้วยกระดาษที่วาดรูปไม่เสร็จ
หวังลิ่งมองไปยังภาพวาดสุดท้ายของสองสี ซึ่งมันได้สร้างความลำบากให้สองสีมาหลายชั่วโมงแล้ว แม้ว่าเส้นจะยังคงไม่สวยงาม และภาพวาดมันเหมือนลายโมเสค (mosaic)* ซึ่งประกอบไปด้วยรูปหลายเหลี่ยมและวงกลม หวังลิ่งสามารถมองออกว่ามันตั้งใจจะวาดรูปนกกระจอก
*Mosaic คือภาพที่ประกอบไปด้วยรูปเหลี่ยมและวงกลม
สำหรับสุนัขที่สามารถวาดรูปได้ มันก็ไม่ธรรมดาแล้ว…
หวังลิ่งเดินไปลูบหัวสองสี หวังลิ่งคิดว่าสองสีคงเหมาะกับการไปแสดงในคณะละครสัตว์
“…” ‘รูปนี้มองยังไงก็จักรพรรดินกแก้ว! ไอนกแก้วของกัวหาวที่รังแกฉันทุกวันต่างหาก’
“…” ‘นกแก้วบ้านแกสิสองสี! หล่อนรังแกนายทุกวันทำไมนายยังวาดรูปหล่อน นายเป็นมาโซรึยังไง!’
หนึ่งคนและหนึ่งสุนัขจ้องหน้ากันอยู่นานเกี่ยวกับรูปนกตัวนั้น หวังลิ่งหมดคำบรรยายต่อรูปนั้นแล้ว…
และตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงการสั่นของนาฬิกาข้อมือของเขา เขาแปลกใจว่าใครกันที่จะส่งข้อความมาหาเขาในเวลานี้
มีเพียงไม่กี่คนที่มีเบอร์ของหวังลิ่ง ดังนั้นเขาจึงเปิดข้อความด้วยความสงสัย ข้อความนั้นระบุสั้นๆเพียงแค่
massage: “น้องลิ่ง ติดต่อฉันในQQหน่อย!”
โดยไม่จำเป็นต้องเช็คเบอร์ เขามองแค่ไอดีก็รู้ว่าใครส่งข้อความมา… นั่นคือเทพมือระเบิดนั่นเอง
หลังจากเขาล็อคอินเข้าQQ หน้าต่างสนทนาจากเทพมือระเบิดก็เด้งขึ้นมา “น้องลิ่ง ฉันได้ยินจากเพื่อนในกลุ่มแชทว่าน้องหลิงกำลังตามหาฉันหรือ? ขอโทษจริงๆนะช่วงนี้กำลังยุ่งๆกับการช่วยรุ่นน้องเลยหายไปสักพักใหญ่ พอดีว่าห้องแลปของรุ่นน้องฉันโดนทำลายโดยไอบ้าบางคน และฉันก็จะมาปรึกษาเรื่องนี้กับน้องหลิงอยู่พอดี ว่าฉันจะขอยืมแรงช่วยลากตัวไอบ้าคนนั้นมาลงโทษหน่อย”
“…” หวังลิ่งส่งจุดๆเพื่อแสดงว่าเขาได้เข้ามาแล้ว
และเมื่อเขาเห็นข้อความที่หยาวเหยียดนั่น เขาก็ตกอยู่ในความเงียบ…
“เกี่ยวกับสั่งสอนไอบ้าคนนั้นปล่อยไว้ก่อน ว่าแต่น้องลิ่งตามหาตัวฉันทำไมหรือ?”
หลังจากเงียบไปพักนึง หวังลิ่งก็เลือกรูปหน้ากากผีดิบจากในคลังภาพและส่งมันไป
เขาพิมพ์ข้อความลงไปหลังจากส่งรูปว่า “เกี่ยวกับหน้ากากใบนี้ นายเคยเห็นมันมาก่อนไหม?”
คอมเม้นต์