องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 17-18 : พิษ ได้สมบัติ
มันไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าของเขาเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความสูงตระหง่านและอารมร์อันสูงส่งที่ทำให้ผู้อื่นหลงใหล ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นดาบที่ยังไม่ดึงออกจากฝัก แม้ว่าเขาจะยืนเฉยๆ เขายังดูน่ากลัว
ชายคนนี้สวมชุดสีขาวลวดลายสีเข้มและมีเข็มขัดหยกคาดเอว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เพรียวและเป็นชายทั้งแท่ง อย่างไรก็ตาม ซูมู่เก๋อคิดว่าชุดสีขาวของเขาเหมือนเสื้อคลุมรบเพราะบรรยากาศที่น่ายำเกง
เซี่ยโฮวโม่มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่แม้จะหยุดเหลือบมองซูมู่เก๋อเลย
ฮวาเจิ้งยิ้มหวานบนใบหน้าสวยงดงามของนางเมื่อนางเห็นเซี่ยโฮ่วโม่และตรัสว่า “ฝ่าบาท เมื่อคืนพระองค์หลับสบายดีไหมเพค่ะ?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?” เซี่ยโฮวโม่ไม่สนใจคำถามของฮวาเจิ้งและกล่าวกับผู้คุ้มกันของเขา
“ฝ่าบาท ทุกอย่างเรียบร้อยดีพะย่ะค่ะ”
“ออกเดินทาง”
สิ่งที่เซี่ยโฮวโม่พูด ทำให้ซูมู่เก๋อกลับมาเป็นตัวของตัวเอง นางคิดว่าผู้ชายไม่รู้เรื่องความรักเลยสักนิดและไม่มีความอ่อนโยนต่อสตรีเลย เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงแอบชอบเขา แต่เขาก็ไม่ตอบสนองนางด้วยซ้ำ
เซี่ยโฮวโม่ออกจากโรงแรมและไม่ได้แม้แต่จะมองฮวาเจิ้ง
มีความมืดมนในดวงตาของฮวาเจิ้ง
“องค์หญิง เชิญเสด็จเพค่ะ”
สาวใช้จับฮวาเจิ้ง แล้วพวกเขาก็เดินออกจากโรงแรมและเข้าไปในรถม้า ทหารและม้ากลุ่มใหญ่หายไปในถนนอย่างรวดเร็ว
บนถนนสายหลัก เซี่ยโฮวโม่นั่งบนหลังม้าสีดำราวติดปีก ตงหลินขี่ม้าไปข้าหน้าและกระซิบกับเซี่ยโฮวโม่ “ฝ่าบาท มือสังหารคนนั้นไม่ยอมปริปากแม้แต่คำเดียวพะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวโม่จับบังเหียนไว้แน่นขึ้นพร้อมกับความเย็นชาในดวงตาของเขา
ตงหลินก้มหัวลงและนิ่งเงียบ ความหนาวเหน็บของเซี่ยโฮวโม่ทำให้เขาเหงื่อออกที่หน้าผาก
องค์รัชทายาทได้พบกับองค์หญิงแห่งแคว้นบูรพา ภายใต้รับสั่งจากองค์จักรพรรดิเมื่อเดือนก่อน ในระหว่างการเดินทาง พวกเขาถูกโจมตีมากกว่าสิบครั้ง
องค์หญิงฮวาเจิ้งถูกส่งตัวจากเมืองบูรพาให้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีผ่านการแต่งงาน ถ้านางมีบางสิ่งเกิดจากเซี่ย เขาจะต้องเดือดร้อนแน่!
เซี่ยโฮวโม่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บทั่วร่างกาย “ไม่พูดอะไร? สับเขาออกเป็นชิ้นๆให้สุนัข! ตรวจสอบว่าเขารับใช้ใคร!”
“พะย่ะค่ะ”
เซี่ยโฮวโม่เหลือบมองและพูดว่า “แจ้งให้กุยหม่ามาพบข้า”
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง พะย่ะค่ะ”
………………………….
ซูมู่เก๋อเดินออกจากโรงแรมและได้ที่ตั้งของหมู่บ้านจ้าว นางขับรถม้าและไปที่หมู่บ้านจ้าว
ถนนไม่เรียบและมือของนางที่ดึงบังเหียนเริ่มออ่นแรง
ดวงอาทิตย์ร้อนขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อยๆ นางกำลังจะเป็นลม
นางหลังตาและส่ายหน้า อย่างไรก็ตาม การเต้นของหัวใจของนางพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
นางขับรถม้าไปด้านข้างและเอนกายลงบนรถม้า กุมหัวใจของนางและหายใจหอบถี่
“มันแปลกอะไรอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้นกับข้า!”
นางอยากจะเช็ดเหงื่อด้วยมือของนางแต่เมื่อมองเห็นว่าฝ่ามือของนางกลายเป็นสีดำ!
ซูมู่เก๋อตกใจมาก มองไปที่ฝ่ามือของนางอย่างว่างเปล่า
นางหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกถึงชีพจรของนางอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ขมวดคิ้วอย่างหนัก
ให้ตายเถอะ นี่ข้าถูกวางยา!
มันวางยาพิษข้า?
ทันใดนั้น นางก็มีอาการเจ็บแปลบอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนมาล้วงเข้าไปที่ท้องของนางและทำให้อวัยวะภายในของนางบิดสั่น นางเจ็บปวดจนต้องกรีดร้องออกมา!
พิษร้ายกาจนี้คือพิษอันใด!
ซูมู่เก๋อพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่นางเจ็บปวดจนแทบจะเป็นลม
ในที่สุด นางก็ขับรถม้าไปที่เชิงเขาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย นางไม่สามารถประคองตัวได้อีกต่อไปและล้มลงจากรถม้า
“ติ้ง ติ้ง….”
“เดินไปและเดินมา เป็นคนโง่เขลาและไร้ความสามารถและข้าจะไม่กังวล….”
มีเสียงระฆังที่คมชัดและเสียงฝีเท้าอันรวดเร็งที่เชิงเขาว่างเปล่าและเงียบสงบ เงาร่างปรากฎขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของเนินเขา
เขาสวมเสื้อคลุมเต๋าสีซีดจาง ถือแส้ปัดป่ายกับผมประปรายซึ่งดูตลกมาก
นักบวชลัทธิเต๋ามองเห็นซูมู่เก่อที่กำลังตกจากรถม้าแล้วเดินตรงไปหานาง….
บทที่ 18 : ได้รับสมบัติ
“โอ้ นางยังมีชีวิตอยู่” นักพรตลัทธิเต๋าเอื้อมมือไปที่ปลายจมูกของซูมู่เก๋อและรู้สึกได้ว่านางยังหายใจอยู่
เมื่อมองไปที่ซูมู่เก๋อที่หมดสติ นักพรตเต๋าก็ลังเลและคิ้วขมวด “มันไม่ใช่ความผิดของข้า แต่เจ้าก็อาการแย่มาก” เขาเอื้อมมือไปที่เอวของนางและเอาเงินของนาง ชั่งน้ำหนักพวกมัน
“แม่นาง ตายเถอะ ดีกว่ามีชีวิตอยู่” กุยหม่าเก็บเงินและกำลังจะจากไป ทันใดนั้น เขาก็ถูกใครบางคนจับ
เขามองย้อนกลับไปและเห็นซูมู่เก๋อฟื้นขึ้นมา!
“คืนมันมาให้ข้า!” ซูมู่เก๋อจ้องมองกุยหม่าด้วยดวงตาสีอ่อนของนาง ปลายนิ้วของนางขาวซีดจากที่บีบเขาแน่น
นางจ้าวและร่างก่อนหน้าของนางถูกนางอันรังแกมาหลายปีและนางจ้าวเกิดในครอบครัวชาวนา ดังนั้น นางจึงไม่มีสินเดิมมากนัก แม้ว่านางจะพอมีอยู่บ้าง แต่นางก็ให้ซูหลุนเพื่อให้เขาใช้สอบในเมืองหลวง เงินยี่สิบเหลียงในกระเป๋าถือเป็นเงินออมส่วนตัวของนางจ้าวทั้งหมด หากไม่มีเงินนี้ นางจะไม่อดตาย แต่ตอนนี้ ถ้าไม่มีมัน ชีวิตของนางคงจะแย่แน่
หนวดของกุยหม่ากระตุกเล็กน้อย เขามองไปที่มือของนางที่จับเขาไว้แน่นและดึงรอยยิ้มที่น่าดึงดูดออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้ ซึ่งดูมีเสน่ห์มากต่อผู้หญิง “แม่นาง ข้าไม่ได้รักผู้หญิง”
ซูมู่เก๋อหลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความเจ็บปวด
“หยุดเรื่องไร้สาระของเจ้าซะ!” ซูมู่เก๋อยกตัวขึ้นและตะครุบเขาทั้งตัว
กุยหม่าไม่มีเวลาตอบโต้ เขาคิดว่าซูมู่เก๋อกำลังจะตายและไม่มีแรงพอที่จะจับเขาไว้ได้ เขาสะดุดล้มลงพร้อมกับซูมู่เก๋อ
กุยหม่าถูกซูมู่เก๋อกดไว้และส่งเสียงฮึดฮัด
“เจ้ารอไม่ไหวที่อยากจะมอบตัวของเจ้าให้ข้ารึ ได้ ข้าจะทำให้เจ้าพอใจ”
ดวงตาที่เหมือนอัลมอนด์ของเขาแสดงออกถึงรอยยิ้มอันชั่วร้าย เขาจับมือของซู่มู่เกอและพลิกตัวเพื่อกดนางไว้ใต้ร่างของเขา
ซูมู่เก๋อใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของนางไปแล้วในตอนนี้ ดังนั้น นางจึงไม่สามารถทำอะไรเพื่อต่อต้านเขาได้
“ฮืม..ข้าจะดูว่าเจ้าจะดุดันแค่ไหน…” เขาเห็นแขนขาวๆของนาง ที่แขนนาง ขึ้นเส้นเลือดดำพันกันเหมือนรากต้นไม้ไปหมด
“เลือดแห่งเปลวไฟ…เจ้าได้เปลวไฟสีแดงมาได้อย่างไร!” กุยหม่าพลิกตัวและลุกขึ้นนั่ง เขาคว้ามือของนางมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ข้าแสวงหามันมาสามปีแล้ว แปลกใจอะไรเช่นนี้ เจ้ามีมัน! ข้ามีสมบัติแล้ว!” ดวงตาของกุยหม่าเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เขาหยิบยาเม็ดสีดำใส่เข้าไปในปากของมู่เก๋อ
ซูมู่เก๋อตั้งใจที่จะคายมันออกมา แต่เขาบีบคอของนางไว้ นางจำต้องกลืนมัน
“ผ่อนคลาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเร็วแบบนี้แน่”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งซูมู่เก๋อก็หมดสติ
กุยหม่าอุ้มซูมู่เก๋อและพานางเข้าไปในรถม้า เขาขับรถม้ามุ่งหน้าไปทางตรงกันข้ามกับหมู่บ้านจ้าว
ความเย็นยะเยือกทำให้ซูมู่เก๋อตื่นขึ้นมาพร้อมกับเริ่มรู้สึกตัว
นางลืมตาขึ้นและเห็นว่านางถูกล้อมรอบด้วยอากาศที่เย็นราวกับน้ำแข็งเหมือนมีม่านหมอก
นางอยู่ในสระน้ำที่อุณหภูมิต่ำ นางหนาวถึงกระดูกและสั่นรัว
มันมืดสลัวไปทั่ว มีความชื้นในอากาศอย่างหนัก นางจำได้ว่านางอยู่ในถ้ำ
นางขยับมือและเท้าที่ชาจากความเย็นและปีนขึ้นไปบนตลิ่ง
ถ้าไม่ใช่นักพรตเต๋าที่เจ้าเล่ห์นั่น ไม่มีใครสามารถพานางมาที่นี่ได้
เขาเป็นคนน่ารังเกียจ แต่ปฏิเสธไม่ได้ เขาช่วยนาง เพราะนางไม่ได้รับการล้างพิษ….
“เปลวเพลิงสีแดง….”
นางรู้สึกถึงชีพจรของตัวเองและพบว่าชีพจรของนางไม่เป็นระเบียบราวกับว่ามีไฟที่สามารถเผาผลาญอวัยวะภายในของนางได้ทุกเมื่อ
นางอันเป็นเพียงผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในลานบ้าน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมียาพิษนั่น มันไม่ใช่นาง มันต้องเป็นผู้ชายในวัดร้างนั่น!
มันง่ายสำหรับผู้ชายคนนั้นที่จะฆ่านาง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องวางยาพิษนาง เป็นไปได้ว่าเมื่อนางรักษาบาดแผลด้วยพลังพิเศษของนาง นางก็ดูดพิษของเขามา อย่างไรก็ตาม พลังพิเศษของนางไม่สามารถกำจัดพิษได้ นางจึงเป็นคนที่ถูกพิษเอง
ข้าช่างโชคร้าย!
“เจ้าตื่นแล้ว เร็วมาก!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ซูมู่เก๋อก็หันสายตาของนางมา
กุยหม่เดินอย่างสบายๆในเสื้อคลุมเต๋าพร้อมตะกร้าในมือ หนวดของเขาไม่มี ใบหน้าของเขาเปล่งประกายด้วยผิวขาวในถ้ำที่มืด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าชู้คู่หนึ่งแสดงรอยยิ้มอ่อนๆ เสมอ มีลักยิ้มลึกสองข้างปากของเขาเมื่อเขายิ้ม เขาดูเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์จริงๆ!
ซูมู่เก๋อมองเขาอย่างเฉยเมยและเข้าใกล้นาง “ท่านต้องการอะไร?”
คอมเม้นต์