องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 23-24 : คุณหนูใหญ่หายไป ข้าจะลองดู

อ่านนิยายจีนเรื่อง World-shaking First Daughter: Powerful Medical Princess องค์หญิงหมอเทวะ ตอนที่ 23-24 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันเมื่อพวกเขามาถึงเมือง  ซูมู่เกอไปที่ร้านขายยาก่อนเพื่อซื้อยา  จากนั้นก็เสื้อผ้ากันหนาวที่อบอุ่นให้นางจาง  เมื่อเสร็จแล้ว  นางกลับไปที่ประตูทางเข้าเมือง   รอจ้าวต้าหราง

 

ในไม่ช้า  จ้าวต้าหรางก็หลับมาพร้อมกับขวดเหล้าและตะกร้า

 

เขาวางมันลงบนรถเข็น  คลำขึ้นและลงในเสื้อผ้าของเขาสำหรับห่อกระดาษมัน  และส่งมอบให้ซูมู่เกอ  “เป็นเวลาบ่ายแล้ว  เจ้าคงหิวใช่หรือไม่?  ข้าซื้อเค้กแป้งที่ทำจากธัญพืชของโรงกลั่นให้เจ้า  มันเป็นขนมหวาน”

 

การซื้อของให้ท่านยายถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของซูมู่เกอ  ดังนั้น  นางจึงลืมอาการกลางวันไปสิ้น  ยังคงต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะกลับไปได้และนางไม่อยากหิวระหว่างเดินทางไกลครั้งนี้  นางเอื้อมมือไปหยิบห่อของขณะที่จ้างต้าหรางกำลังมองมาที่นางอย่างคาดหวังและรอคอย

 

“ขอบใจเจ้ามากที่มีน้ำใจกับข้า”

 

จ้าวต้าหรางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขณะที่เขามอบมันใส่มือนาง  แล้วขี่เกวียนเทียมวัวของเขาออกจากเมืองมา

 

เมื่อนางเปิดห่อกระดาษเคลือบมันออกกลิ่นของเหล้าหมักก็เข้ามาทักทายนางพร้อมกับกลิ่นยั่วยวนของเค้กแป้งทอด

 

ในฐานะที่เป็นคนดื่มเหล้าหนังในชาติที่แล้ว  ซึ่งนางไม่เคยแพ้แอลกอฮอล์  นางไม่ได้ให้ความสำคัญกับเนื้อหาของธัญพืชที่กลั่นเหล้านั้นอย่างจริงจัง  นางเริ่มกินมันช้าๆ

 

เมื่อเค้กแป้งอยู่ในท้องของนาง  ร่างกายของนางก็เริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ

 

เป็นฤดูใบไม้ร่วงและอุณหภูมิจะลดต่ำลงในช่วงบ่ายก่อนพระอาทิตย์ตก  อย่างไรก็ตาม  ซูมู่เกอรู้สึกอุ่นมาก  และพูดอีกอย่างก็คือเหมือนมีไข้เล็กน้อย  นางเวียนหัวและเซื่องซึม  มองไปที่จ้าวต้าหรางที่ขับเกวียนด้วยเงาคู่

 

นางยกมือขึ้นตบแก้ม  มันเหมือนกำลังไหม้

 

เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  นางบีบตัวเองอย่างรุนแรง  ความเจ็บปวดทำให้นางตื่นขึ้นชั่วขณะ

 

นางเมาหรือ?

 

นางลืมไปได้อย่างไรว่านั่นเป็นร่างกายของคนที่นางใช้ในชาตินี้ ไม่ใช่ร่างเดิมที่มีสติดีหลังจากดื่ม  แต่ตอนนี้  มันต่างออกไป……

 

ในขณะที่เงาหนามากขึ้นเรื่อยๆ  รวมตัวกันต่อหน้านาง  นางแทบจะไม่สามารถบอกได้ว่าใบหน้าที่เคลื่อนใกล้เข้ามานั้นเป็นของจ้าวต้าหรางด้วยซ้ำ……

 

“ลูกพี่ลูกน้อง   ลูกพี่ลูกน้อง……”  ทั้งตื่นเต้นและประหม่า  หัวใจของจ้าวต้าหรางแทบกระโดดออกมานอกอก

 

ท่านพ่อของเขาบอกว่าผู้หญิงอย่างซูมู่เกอไม่สามารถถือเหล้าได้มากนัก  เขาจึงขอให้เจ้าของร้านผสมเหล้าลงในแป้งเค้กธัญพืช  เขาไม่คิดเลยว่านางจะอ่อนแอถึงเพียงนี้  หลังจากกินเข้าไป!

 

เขาขี่เกวียนเข้าไปในจอดใกล้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ  ด้วยความกระวนกระวาย  เขาจำสิ่งที่ท่านแม่ของเขาพูด : เมื่อความสัมพันธ์ทางร่างกายเกิดกับลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้ว นางก็จะหลายเป็นภรรยาของเขาได้ง่ายๆ!

 

เขาอุ้มซูมู่เกอลงจากรถลากและวางนางไว้ใต้ต้นไม้  มันทั้งมืดและมิดชิด

 

มองไปที่ใบหน้าสีเทาเข้มของซูมู่เกอ  เขาหันไปจุ่มแขนเสื้อลงในเหยือกน้ำและเช็ดใบหน้าของนาง  คราบฝุ่นบนใบหน้าของนางรบกวนเขามานานแล้ว

 

เมื่อใบหน้าของนางได้รับการทำความสะอาดคราบดำออกไปแล้วรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางก็ปรากฏขึ้น  จ้าวต้าหรางยืนมองอยู่ด้วยความประหลาดใจ

 

รูปลักษณ์นี้สวยกว่าหญิงสาวที่แม่ของเขาจัดหามาให้เขาอย่างมาก

 

ยังมีสิ่งหนึ่งบนใบหน้าของนางที่ทำให้จ้าวต้าหรางรำคาญคือผ้าคลุมที่ปิดตาข้างหนึ่งของนางไว้  เขาสงสัยมาตลอดตั้งแต่เห็นหน้านางว่าทำไมคลุมผ้าปิดตาไว้เพื่ออันใด  ดังนั้น  เขาจึงหยิบมันออกด้วยความอยากรู้อย่างเห็น…..

 

“ตายห่า โอ้ย ผี!!!!”

 

เสียงร้องดังและผงะล้มนั่งลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว  เขาจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

 

“ผี  นางเป็นผี! ผี!”  เขาตะเกียกตะกายหาทางขึ้นรถลาก เมื่อขึ้นไปได้แล้วก็รีบสะบักแส้ให้วัยกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ตอนที่ซูมู่เกอนอนอยู่บนพื้น  เข็มสีเงินระหว่างปลายนิ้วของนางตกลงที่พื้นพร้อมกับเสียงสั่นเล็กน้อย

 

นางเมา  ร่างกายรู้สึกมึนชา  แต่จิตใจของนางกลับยังคงมีสติ  นางทำได้เพียงโทษตัวเองที่ประมาทปล่อยโอกาสให้จ้าวต้าหรางฉวยโอกาส!

 

ก้อนธัญพืชที่นางกินนั้นต้องเป็นชนิดที่รุนแรง  มิเช่นนั้น  นางไม่สามารถเมาได้ง่ายๆในเวลาสั้นๆเช่นนี้  การแก้ปัญหาการเมาสุรานี้ไม่ใช่เรื่องยาก  สิ่งเดียวที่นางต้องทำคือแทงตัวเองด้วยเข็มสองสามเล่ม  เพื่อฝังเข็มตามจุด  แล้วนางก็จะฟื้นตัวได้ทีละน้อยๆ

 

ป่าไม้นี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากจัก  หากนางเริ่มเดินกลับตอนนี้หลังจากที่สร่างเมาแล้ว  นางจะถึงหมู่บ้านจ้าวในเช้าวันรุ่งขึ้น  อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานอยู่นอกบ้านทั้งคืน!

 

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว  นางไม่สามารถรอจนกว่าจะถึงวันรุ่งขึ้นเพื่อจะเดินทางกลับไปหามารดา  นางต้องเดินตามแผนที่วางไว้  โดยทิ้งท่านยายไว้กับคนเหล่านั้น  นางเชื่อว่าท่านยายของนางสามารถจัดการกับพวกเขาได้

 

ในทางกลับกัน  มันเป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วเมื่อจ้าวต้าหรางกลับไปถึงหมู่บ้าน  เขากระโดดลงจากเกวียนลากและวิ่งเข้าไปในลานหน้าบ้านเกือบจะชนกับใครบางคน

 

“อุ๊ย!”

 

ถอยหลังไปหนึ่งก้าว  นางหวังเกือบจะตะคอกด่าออกมา  แต่แล้วนางก็เห็นว่ามันเป็นจ้าวต้าหราง  นางเหลือบมองไปที่ด้านหลังของเขาสองสามครั้ง

 

“เจ้าหนุ่มจอมซน!  กลับดึกขนาดนี้ได้ยังไง! นางอยู่ที่ไหน?”

 

“ท่านแม่  ข้าจะไม่แต่งงานกับสัตว์ประหลาดน่าเกลียดตัวนั้น!”  เขาพูดอย่างนั้นและผลักนางหวังออกไป  ก้าวเข้าห้องอย่างเร่งรีบ

 

นางหวังเดินตามเขาเข้าไปข้างในด้วยความตกตะลึงและสับสน

 

“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอันใด!  ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

 

ภาพจุสีแดงบนดวงตาของซูมู่เกอ เมื่อถอดผ้าคลุมหน้าออกยังติดตาเขาอยู่  เขาพึมพำอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็พูดออกมา  “อยู่ในป่า…..”

 

นางหวังเหมือนถูกแช่แข็งด้วยความตกใจ  “เจ้ากำลังบอกว่าอะไรนะ?  เจ้าทิ้งนางไว้คนเดียวในป่า!”

 

ครึ่งหลับครึ่งตื่น  จ้าวเต๋อลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงตะคอกอันดังของนางหวัง

 

“ต้าหรางกลับมาแล้วรึ?”

 

“ชิงชิง!  ต้าหรางทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ในป่า!”

 

“ท่านแม่  นางเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียด  ไม่น่าแปลกใจที่นางปิดตาด้วยผ้าคลุมหน้าตลอดเวลา  นางกำลังซุกซ่อนความน่าเกลียดของนางไว้!  ข้าจะไม่แต่งงานกับนางตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่!”  จ้าวต้าหรางตะโกนก้องใส่นางหวัง

 

“อธิบายทั้งหมดนี้มาเดี๋ยวนี้!”  จ้าวเต๋อตบเข้าที่หัวของเขา

 

จากนั้นเขาก็บอกคนในครอบครัวของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

“เหอะ  ใบหน้าอันน่ากลัว  นั่นอธิบายได้ว่าทำไมพี่เขยของเราถึงไม่กังวลว่านางจะเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง!”  เมื่อนางหวังได้ยินดังนั้น  นางไม่เต็มใจที่จะให้ซูมู่เกอเป็นลูกสะใภ้ของนางเด็ดขาด  นางจะไม่ปล่อยให้คนในหมู่บ้านมาเยาะเย้ยลูกชายของนางได้

 

“นั่นสิ”

 

“มันเป็นป่าเล็กๆ โดยปกติจะไม่มีสัตย์ป่า แค่ปล่อยให้นางอยู่ที่นั่น  แค่คืนเดียว  มันจะไม่เป็นไรหรอก”  นั่นคือการตัดสินใจสุดท้ายของจ้าวเต๋อ

 

จ้าวเต๋อเป็นผู้ดูแลหอนางโลมในเมืองและมีประสบการณ์เกือบทุกสีสันของผู้ชายและสิ่งต่างๆ  เขาคงจะสุขุมกว่าภรรยาและลูกชายแน่นอน  ซูมู่เกอเป็นลูกสาวของเจ้าหน้าที่ทางการ  เมื่อคนอื่นรู้ว่านางออกไปข้างนอกทั้งคืน  หรือที่แย่กว่านั้นคือถ้าจ้าวต้าหรางกลายเป็นคนที่ต้องโทษสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ครอบครัวจ้าวจะสูญเสียคำพูด!

 

เมื่อคิดว่าจะสามารถยื่นข้อเสนอกับพี่เขยของเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่ได้  จ้าวเต๋อเกือบจะสูญเสียความคิดของเขาไปกับชัยชนะเล็ก ๆ  ทำไมเขาต้องกังวลว่าซูมู่เกอยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว?

 

ในห้องปีกที่นางจางอาศัยอยู่  นางหลับไปตั้งแต่หัวค่ำเพราะฤทธิ์ยา …

…………………………..

 

ในคฤหาสน์ตระกูลซูของเมืองชุนหยาง

 

นางอันยังนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่บนที่นั่งไม้ยาวเนื่องนุ่มที่แกะสลักรูปดอกแพร์ทิ้งให้หลีหม่านั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเท้านาง  ดูแลเล็บเท้าให้นางอยู่

 

“นายหญิง  นายหญิง  พวกเขา  พวกเขากลับมา…..”  สาวรับใช้ผมมวยวิ่งไปที่ห้องด้วยความรีบร้อนและหยุดเดินตรงหน้าประตู

 

“มารยาทของเจ้าหายไปไหน!  บุกเข้ามาในห้องนายหญิงเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!”

 

สาวใช้หน้าซีดด้วยความกลัว

 

นางอันโบกมือเมื่อได้ยินเสียงดัง

 

“ปล่อยนางเข้ามา”

 

“ขอรับ  นายหญิง”

 

หงหยูเปิดม่านและให้สาวใช้เข้าไปด้านใน

 

“ข้าขอคารวะด้วยความจริงใจเจ้าค่ะ  นายหญิง”

 

“เข้ามา  มีเรื่องอันใด?”

 

“นายหญิง  คนที่พาคุณหนูใหญ่ไปยังเมืองหนานเจิงกลับมาแล้วเจ้าค่ะ  แต่  แต่…..”  สาวใช้คุกเข่าบนพื้นพร้อมกับเสียงของนางสั่นด้วยความตื่นตระหนก

 

แววตาของนางอันเข้มขึ้นเป็นประกาย  “แต่อันใด?”

 

“แต่  แต่คุณหนูใหญ่หายตัวไปเจ้าค่ะ!”

 

“เจ้ากำลังพูดว่าอันใดนะ!”  ทันใดนั้น  นางอันก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้นั่งอยู่พร้อมน้ำชาที่หกลงบนพื้น

 

บทที่ 24 : ข้าจะลองดู

 

“นายท่าน  นายหญิง  พวกเราเป็นคนรับใช้ที่ไร้ประโยชน์และสมควรตาย  เราทำหน้าที่ในการปกป้องคุณหนูใหญ่ไม่สำเร็จเจ้าค่ะ”

 

ในห้องกลางของคฤหาสน์ซูมีสาวใช้สองนางกับบอร์ดี้การ์ดสามคนและคนขับรถม้ากำลังทำหน้าเศร้าสร้อยอย่างสลด  พวกเขาเป็นคนรับใช้ที่พาซูมู่เกอไปยังตระกูลจ้าวเมืองหนางเจิง

 

นางอันคิ้วขมวดด้วยความกังวล  “ทูนหัวของข้า  เราจะทำเยี่ยงไรดี?  ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น  มู่เกอ….”

 

ซูหลุนก็ดูไม่ดีเช่นกัน  ใบหน้าของเขาซีดเผือด  ไม่ใช่สถานการณ์ของซูมู่เกอที่เขากังวล  แต่เป็นความจริงที่ว่าเขาสูญเสียตัวหมากรุกไปตัวหนึ่ง  ซึ่งทำให้เขาชะงัก

 

“เจ้ามันไร้ประโยชน์!  เจ้าไม่สามารถปกป้องคุณหนูใหญ่ได้ด้วยซ้ำ  อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่ทำให้เจ้าได้อยู่ในคฤหาสน์!ฮะ”  ซูหลุนตะโกนออกไปด้วยความโกรธ

 

“นายท่าน  โปรดเมตตาพวกเราด้วย  เรากำลังจะผ่านป่าไปแล้วเมื่อมันใกล้จะมืด  เราต้องการไปที่โรงแรมที่ใกล้ที่สุดให้ได้โดยเร็ว  แต่คุณหนูใหญ่ยืนกรานที่พักในรถม้า  เราไม่สามารถหยุดนางได้เราจึงปล่อยให้นางลงจากรถม้า  ใครจะไปรู้ว่า…..”  ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเดินเข้ามาคุกเข่าขออโหสิกรรม

 

ใบหน้าของซูหลุนดูแย่ลงไปอีกเมื่อผู้คุ้มกันพูดจบ

 

“นางต้องการอะไรถึงต้องลงจากรถม้า!”

 

“ข้าน้อย  ข้าน้อยไม่รู้ขอรับ  แต่  แต่ข้าน้อยเห็นร่างบางร่างที่นั่น….”

 

“ร่าง?!”

 

“ใช่แล้ว ใช่แล้วขอรับ!  ร่างนั้นดูราวกับว่าเป็นชาย….”

 

“ร่าง?  จะมีผู้ชายไดอย่างไร?  เจ้ากล้าสร้างเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?!”  นางอันรู้สึกมึนงงหลังจากนั้นนางฟื้นจากความประหลาดใจอย่างรวดเร็ว

 

“นายหญิง  ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินอันชาญฉลาดของท่าน  ข้าไม่มีความคิดที่จะหลอกลงท่านและนายท่าน  ถ้าข้าโกหกแม้แต่คำเดียว  ขอให้ข้าตายอย่างไร้ค่าและไม่มีลูกหลานสืบสกุล!”

 

ซูหลุนตบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืน  เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อในเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องจริง

 

“ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่รอบคอบและอกตัญญูซะจริง

 

นางอันก้าวไปข้างหน้าด้วยความเป็นกังวลและจับมือซูหลุนมาโอบไว้ในมือนาง  “ทูนหัวของข้า  อย่างโกรธมากไปนักเลยเจ้าค่ะ  มันจะทำร้ายร่างหายของท่านได้  เรายังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้  เราจะรู้ความจริงได้อย่างไรโดยอาศัยแค่คำพูดของคนรับใช้เจ้าค่ะ?”

 

ซูหลุนตะคอกด้วยความเสียงเย็นชา  “ถ้านางไม่ได้นัดหมายกับชายสักคนในป่า  นางจะลงจากรถม้าในเวลานั้นได้อย่างไรในเวลาอันเร่งรีบเช่นนั้น!”  เห็นได้ชัดว่าซูหลุนเชื่อในคำพูดของคนรับใช้เหล่านั้น

 

“ทูนหัวของข้า  ข้าได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วัน  ขุนนางเมิ่งจากสำนักการศึกษาฮานหลินอาจจะพาท่านแม่ของเขากลับมาที่ชุนหยางเพื่อพักฟื้นนะเจ้าค่ะ”  คล้องแขนซูหลุนเข้ามาใกล้ๆ  นางอันพูดเบาๆ

 

ซูหลุนตกตะลึงและกระโดดบนปลายเท้าของเขา

 

“ข้าลืมมันไปได้อย่างไร!”

 

เขาลืมไปได้อย่างไรว่าจ้าวเมิ่งกำลังจะกลับมา!

 

ขุนนางเมิ่งเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากสำนักการศึกษาฮานหลินและผลการประเมินของเขาถูกส่งไปยังจักรพรรดิแล้ว  อีกไม่นานเขาจะกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อรายงานผลงานของเขา  หากเขาได้รับความชื่นชอบจากขุนนางเมิ่ง  และขอให้ท่านขุนนางแนะนำเขากับองค์จักรพรรดิด้วยคำพูดดีๆสองสามคำ  เขาก็สามารถกำจัดการควบคุมอำนาจจากพ่อตาของเขาได้อย่างสมบูรณ์  เขาหลุดพ้น

 

ซูหลุนชำเลืองมองนางอัน

 

เขาได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากพ่อตาของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา  แต่มีขอบเขตมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการสนับสนุนที่มากขึ้น

 

เขารู้ว่าขุนนางเมิ่งยกย่องทฤษฎีที่ว่าควรควบคุมครอบครัวของเขาให้ดีก่อนที่จะปกครองเมือง  หากข่าวที่ซูมู่เกอหายตัวไปถูกแพร่กระจายออกไป  คนอื่นๆ จะครหาว่าเขามีความไม่เข้มงวดดูแลครอบครัวไม่ดี  ซึ่งอาจส่งผลเสียอย่างมากต่อชื่อเสียงของเขา

 

ไม่มีทาง!  เขาปล่อยให้คำครหานี้เกิดขึ้นไม่ได้

 

นางอันรู้ได้อย่างไรว่าซูหลุนยังเหลือความกลัวและกังวลต่อพ่อของนาง?  เมื่อมองดูใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปและไม่แน่นอน  นางอันยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจถือเป็นสัญญาณเชิงบวกของการมาถึงของขุนนางเมิ่ง

 

หลังจากนั้นไม่นานซูหลุนก็พูดขึ้น  “คุณหนูใหญ่เป็นหวัดเมื่อไม่กี่วันก่อน  และนางยังคงป่วยหลังจากการรักษามาตลอดทั้งวัน  นางต้องได้รับการดูแลในสถานที่เงียบสงบในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  ดังนั้น นายหญิง  โปรดจัดเตรียมการเดินทางโดยเร็วที่สุด”

 

จากนั้นซูหลุนก็เหลือบไปเห็นคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น  เขาดูเศร้าหมองและหดหู่

 

“พวกเจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดไปหรือไม่?”

 

พวกเขาจะกล้าแสดงความไม่มั่นใจได้อย่างไร?  พวกเขาคุกเข่าคำนับรับทราบทันที

 

“ขอรับ เจ้าค่ะ พวกเราเข้าใจเจ้าค่ะ  นายท่าน”

 

ซูหลุนโบกมืออย่างกระสับกระส่าย

 

นางอันบอกให้คนรับใช้ออกไปให้หมด

 

นางรินชาใส่ถ้วยแล้วยกยื่นให้ซูหลุน  “ทูนหัวของข้า  เราจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับพี่หญิงของข้าหรือไม่?”

 

เมื่อนึกถึงปัญหาที่ซูมู่เกอนำพามาให้เขา  เขาหงุดหงิดและกัดฟันจนเป็นสันนูน  “รู้?  อะไรคือการศึกษาที่ดีที่นางมีให้กับลูกสาวของนาง!  แค่บอกนางว่าข้าพูดอะไรก่อนหน้านี้พอ  หากนางพยายามสร้างความวุ่นวายให้หาคนคอยจับดูนางให้อยู่ภายใต้การควบคุมให้ได้”

 

“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ  ข้าเข้าใจ”

 

แล้วซูหลุนเดินไปที่ห้องหนังสือ

 

ในทันทีนางอันกลับไปที่ลานดอกไม้หรูหรา  หลีหม่าก็เข้ามารายงาน

 

นางเดินเข้าไปใกล้ๆนางอันและกระซิบเสียงเบา

 

“นายหญิง  ข้าสอบถามคนรับใช้เหล่านั้นแล้วเจ้าค่ะ  พวกมันบอกว่าคุณหนูใหญ่หนีไปได้เจ้าค่ะ”

 

ดวงตาของนางอันหรี่แคบลงลงเป็นเส้นอย่างมุ่งร้าย  แผนของนางคือใช้ประโยชน์จากเรื่องราวของผู้รับใช้และใช้มันเพื่อทำลายชื่อเสียงของซูมู่เกอ  ในเมื่อเรื่องนี้ไม่สำเร็จนางโกรธอย่างมาก  ซูหลุนจะห้ามไม่ให้ซูมู่เกอและแม่ของนางกลับมาที่เมืองหลวงอีก  จากนั้นมันจะง่ายกว่ามากสำหรับนางที่จะฆ่าพวกมันและยิ่งงายกว่านั้นที่จะบีบมดตัวน้อยให้ตายคามือของนาง  ใครจะคาดคิดว่าซูมู่เกอจะหนีไปได้!

 

อย่างไรก็ตาม  ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ไม่เลวร้ายเกินไปนัก  มันเพียงพอที่จะทำให้ซูหลุนเชื่อว่าซูมู่เกอได้หลบหนีไปกับใครบางคน

 

แม้ว่านางจะกลับมาด้วยความยากลำบากแต่ชื่อเสียงของนางก็หมดไปแล้วในเวลานั้น  และซูหลุนจะไม่ยอมให้คนที่สร้างความอับอายมาสู่ครอบครัวปรากฎตัวขึ้นในคฤหาสน์ซูอีกเป็นแน่

 

นางอันเล่นอยู่ในสวน เคาะนิ้วบนโต๊ะด้วยความพึงพอใจ  “เจ้าดูแลทุกอย่างดีแล้วหรือไม่?”

 

“มั่นได้ได้เจ้าค่ะ  นายหญิง  เชื่อมือข้า  พวกมันไม่ผิดคำพูดแม้แต่คำเดียวแน่นอนเจ้าค่ะ”

 

นางอันส่ายหน้า  “ในกรณีนี้ถ้ามีปัญหาเพิ่มเติม  เจ้าควรคิดวิธีที่จะส่งพวกมันออกไปดีกว่า  เมื่อไม่ให้เกิดเหตุการ์ใดๆขึ้น”

 

“เจ้าค่ะ  ข้าจะหาเหตุผลที่เหมาะสมเพื่อส่งพวกมันออกไปในไม่ช้านี้”

 

“ดี”

………………………

 

รถม้าที่เรียบง่ายและหยาบกำลังแล่นผ่านไปอย่างช้าๆบนถนนสายหลักที่มีต้นไม้สีเขียวตลอดสองข้าทาง

 

ม่านรถม้าถูกเปิดออกและใบหน้าเล็กๆมีเทาเข้มปรากฏขึ้น  แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาบนใบหน้านั้นก็ยังสดใสมากและเปล่งประกายดั่งคริสตัล  ทำให้ไม่สามารถเพิกเฉยได้

 

เช่นเดียวกับที่ซูมู่เกอกำลังจะปิดม่านลง  นางหันไปและเห็นกลุ่มคนที่ขี่ม้ามาจากด้านหลัง  อย่างเร็วและเร็วขึ้น

 

ถนนสายหลักไม่ได้กว้างนักและมันยากสำหรับรถม้าขนาดเล็กสองคันที่จะสวนหรือวิ่งเคียงกัน  นับประสาอะไรกับรถม้าที่มีขนาดเป็นสองเท่าของรถม้าซูมู่เกอ  นางขมวดคิ้วมองรถม้าที่กำลังวิ่งมา

 

“หยุดรถเข้าข้างทาง  และให้กลุ่มรถม้าข้างหลังผ่านไปก่อน”

 

“ใจเย็นๆ”

 

คนขับรถม้ายกเชือกยังเหียนม้าขึ้นในมือ  และบังคับรถม้าเข้าไปด้านข้าง

 

ในรถม้าที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มซึ่งอยู่ตรงกันข้าม  เสียงแหลมของผู้หญิงดังออกมาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

“ไม่  เข้ามา หยุด  นายหญิงผู้เฒ่าไม่ไหวแล้ว!”

 

ม่านของรถม้าถูกดึงกลับ  เด็กสาว หน้ากลม  ตกอยู่ในความวิตกกังวลอย่างมาก

 

หลังจากนั้นไม่นานรถม้าที่เคยอยู่ข้างหลังก็มาอยู่ต่อหน้าซูมู่เกอ  และคนขับรถม้าก็หยุดกลางถนนตามคำสั่งของใครบางคน  นอกจากนี้ยังหยุดรถม้าของซูมู่เกอไม่ให้เคลื่อนไปข้างหน้าได้ด้วย

 

คนขับรถม้าของซูมู่เกอไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป  เขาไม่ต้องการเดินทางครั้งนี้ตั้งแต่แรกเพราะมันไกลเกินไปสำหรับเขา  เขาเป็นห่วงภรรยาและลูกๆที่บ้าน  แต่แล้วเขาก็หวังเพียงว่าจะพาหญิงสาว กลับไปให้เร็วที่สุดที่ที่จะเป็นไปได้

 

“เฮ้ สาวน้อย ถนน มันถูกปิดกั้น  เราควรไปต่ออย่างไร?”

 

ซูมู่เกอเห็นชายวัยกลางคนลงมาจากรถม้าคันหนึ่ง  ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล  ชายคนนี้มีหนวดเคราที่บอบบางและดูเป็นนักปราชญ์เช่นขงจื้อ  และเขาอยู่ในชุดคลุมสีเขียวลายไม้ไผ่  เขารีบตรงไปยังรถม้าที่ใหญ่ที่สุด

 

“นายหญิงผู้เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“นายท่าน นายหญิงผู้เฒ่าสบายดีในตอนนี้  แต่จู่ๆก็มีเสมหะติดอยู่ที่หน้าอกของนาง  และนางก็เป็นลมไป”

 

ชายคนนั้นกระทืบเท้าด้วยความกังวลใจ  “ตอนนี้เราทำอะไรได้บ้าง?  แพทย์ของจักรวรรดิที่อยู่ร่วมกับเรานอนอยู่บนเตียงของเขาเพราะเขาจับไข้ตั้งแต่เมื่อวานนี้  เขาไม่สามารถลุกขึ้นได้   และเขาเป็นหมอคนเดียวที่เรามี!”

 

ซูมู่เกอเกือบจะเข้าใจสถานการณ์หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

 

นางมองลงไปหลังจากเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์รถม้า  นางเปิดม่านและกระโดดลงจากรถม้ายืนบนพื้น

 

“โปรดรอข้าอยู่ที่นี่ซักครู่  ข้าจะกลับมาในไม่ช้า”

 

“อืม  ได้”

 

ซูมู่เกอเกินไปที่กลุ่มรถม้า  เสื้อผ้าของนางไม่ใช่แบบเดียวกับที่คนกลุ่มนั้นสวมใส่  ดังนั้น  ในไม่ช้านางจึงเป็นที่สังเกตเห็นเมื่อเดินเข้าไปใกล้ารถม้า

 

ผู้คุ้มกันก้าวไปข้างหน้าและหยุดนาง  “เจ้าเป็นผู้ใด?”

 

ซูมู่เกอหยุดและไม่รีบก้าวไปข้างหน้าต่อ  นางมองไปยังทิศทางของชายในชุดคลุมสีเขียวอย่างใจเย็น

 

“ข้ากลัวว่ารถม้าของพวกท่านปิดกั้นการเดินทางของข้า”

 

เมื่อมองขึ้นไปเจ้าหน้าที่ก็เห็นรถม้าคันเล็กซอมซ่อบนถนนแคบๆ  เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกผลักออกให้พ้นทาง  แต่มีความโกลาหลอยู่เบื้องหน้าใครจะมีเวลาย้ายกลุ่มรถม้าออกไปได้

 

ใบหน้าของผู้คุมผ่อนคลายลงเล็กน้อย  “เจ้ากลับไปรอที่เดิมเถอะ”

 

แทนที่จะกลับออกไปซูมู่เกอกลับเยี่ยมหน้าออกไปมองรถม้าที่อยู่ด้านหลังผู้คุ้มกันผู้นั้นแทน

 

“อากาศยังคงร้อนและแห้งในตอนกลางวันของวันนี้ ถ้าคนในรถม้าป่วยเพราะเป็นลมก็คงไม่เป็นไร  แต่ถ้าเป็นโรคอื่นๆ หรือแม้ว่าคนนั้นจะแข็งแรงดี  ความแห้งกร้านและอากาศถ่ายเทภายในไม่ดีอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงได้”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  สีหน้าของผู้คุ้มกันก็เปลี่ยนเป็นขาวและโกรธเกรี้ยว  “ท่านกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรที่นี่  เร็วเข้า ออกไป!”

 

ซูมู่เกอไม่ได้ลดเสียงลงอย่างตั้งใจเมื่อพูดสิ่งนี้  ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็ได้ยินคำพูดของนางเช่นกัน  เขาหันไปมองซูมู่เกอโดยไม่รู้ตัว  เมื่อสังเกตเห็นว่าเป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวผอมๆที่พูด  แต่เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

 

ซูมู่เกอจ้องนิ่งและจ้องไปที่ทิศทางของรถม้า

 

“ด้วยเสมหะที่หน้าอกอาจทำให้หลอดลมอุดตันได้  ตอนนี้นางเข้าสู่อาการโคม่าแล้วถ้าไม่ช่วยให้ทันเวลานางอาจจะ……”

 

ชายคนนั้นหันไปหาซูมู่เกออีกครั้ง  พร้อมกับจ้องมองเธอ  อย่างระมัดระวัง

 

“เจ้ารู้ทักษะทางการแพทย์อยู่บ้างใช่หรือไม่?”

 

“นายท่าน  ถ้าท่านวางใจในตัวข้า  ข้าสามารถจะลองพยายามดู”

 

ซูมู่เกออยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ  หลังจากที่นางพูดและชายคนนั้นก็มองนางไปอีกครั้งด้วยความสงสัย  แต่อย่างใดเขาก็พยักหน้าเมื่อเห็นความจริงใจและความซื่อตรงในดวงตาของนาง

 

“นายท่าน ไม่! จะทำอย่างไร! นายหญิงผู้เฒ่า  นาง นางกำลังจะตาย!”  สาวใช้ที่กรีดร้องขึ้น  ก่อนที่จะเปิดม่านอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้น้ำตานองเต็มหน้า

 

ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและคำนับ

 

“ขอบคุณน้ำใจของท่าน นายน้อย”

 

ซูมู่เกอยิ้มพร้อมกับยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย  “ไม่เป็นปัญหาหรอกท่าน”

 

ซูมู่เกอปีนขึ้นไปบนรถม้า  นางขมวดคิ้วขณะดึงม่านออก  ข้างในมันอบอ้าวเหลือเกิน  นอกจาหญิงชราที่นอนป่วยอยู่บนพื้นแล้วยังมีสาวใช้อีกสี่คน  รถม้าขนาดใหญ่มีผู้คนมากมายอัดอยู่

 

“ใครที่พอบอกอาการของผู้ป่วยได้ให้อยู่หนึ่งคน   คนอื่นๆนอกนั้นกรุณาลงจากรถเดี๋ยวนี้”

 

เหล่าสาวใช้ไม่คาดคิดว่าซูมู่เกอจะปรากฎตัวในรถม้าและทุกคนเหมือนถูกแช่แข็งโดยไม่ขยับ

 

ชายคนนั้นเริ่มร้อนรน  “เจ้ากำลังรีรออะไรอยู่? ลงมา ลงจากรถม้าและให้มีที่ว่างสำหรับหมอ!”

 

สาวใช้กระโดดลงจากรถม้าทีละคน  แม้ว่าพวกเขาจะสับสนและสงสัยเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของชายร่างผอมและตัวเล็กคนนี้  พวกเขาไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้านายของพวกเขา

 

ซูมู่เกอดึงม่านออกทันทีเมื่อนางขึ้นรถม้ามาและปล่อยให้มีแสงและอากาศเข้ามามากขึ้น

 

สาวใช้ที่อยู่บนรถม้ารีบย้ายที่ว่างให้กับนาง

 

นางคลานเข่าเข้าไปหาคนป่วย  และจากประสบการณ์ที่นางเคยเห็นว่าคนป่วยมีอากการชักอย่างรุนแรง  เมื่อได้มองหน้าอย่างชัดๆ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด