องค์หญิงหมอเทวะ – บทที่ 28-29 : นางอันสติแตก เปิดเผย

อ่านนิยายจีนเรื่อง World-shaking First Daughter: Powerful Medical Princess องค์หญิงหมอเทวะ ตอนที่ 28-29 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“คุณหนูใหญ่กำลังจะโยนนายน้อยลงน้ำ  พวกเจ้ารออะไรอยู่?  ไปห้ามนางเร็วสิ!”  นางอันหน้าตาทะหมึงถึงและฉีกภาพลักที่เก็บซ่อนออกมา

 

เสียงที่เยือกเย็นและเสียดแทงของนางกระตุ้นสาวใช้ทั้งหนุ่มและแก่ที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดต่างก็รีบตรงไปที่ซูมู่เกอและล้อมรอบนางไว้

 

ซูมู่เกอเปลี่ยนตำแหน่งของเหวินม่อตัวน้อยเอามากอดไว้ในอ้อมแขนของนาง

 

“คุณหนู  ท่านไปกับนายน้อยก่อนเจ้าค่ะ  ข้าจะอยู่ที่นี่และต่อสู้กับพวกเขาเอง”  เยว่รู่ยืนยันที่จะปกห้องซูมู่เกอและน้องชายของนางแม้ว่านางจะกลัวมาก  ริมฝีปากนางสั่นด้วยความกลัว

 

“เจ้ากล้าหาญมากจริงๆ  แต่เมื่อแขนและขาของเจ้าผอมขนากนี้  เจ้าควรพานายน้อยไปด้วยดีกว่า  และปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่เอง”  ซูมู่เกอส่งเหวินม่อตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนของเยว่รู่ และให้ทั้งสองหลบหลังนาง

 

“เจ้ากำลังทำอะไร? รีบคว้าและจับไว้!”  นางอันจ้องไปที่ซูมู่เกอด้วยใบหน้าอันบิดเบี้ยวของนาง  นางเชื่อว่าเมื่อมีคนจำนวนมากหยุดพวกนาง  ซูมู่เกอจะพ่ายแพ้ด้วยจำนวนที่ด้อยกว่า!

 

ซูมู่เกอเตะสาวใช้คนเก่าแก่ที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านหน้าสุด  “โอ้ย!”  สาวใช้ล้มลงกระแทกสาวใช้สาวสองนางลงนอนที่พื้นด้วย

 

“ข้าจะเปิดช่องทางให้เจ้าและเจ้าวิ่งตรงกลับไปที่ลานดอกท้อบานเลยนะหลังจากที่ผ่านมันไปได้”

 

“แล้วถ้าคุณหนูล่ะ….”

 

“พวกเขาทำร้ายข้าไม่ได้หรอก”

 

ซูมู่เกอจับชายเสื้อของสาวใช้คนหนึ่งอย่างเต็มมือ และผลักนางไปหาสาวใช้คนอื่นๆ ที่วิ่งมาด้านหน้า  สาวใช้เซและล้มลงทีละคน  เกิดช่องทางในวงล้อมของคนเหล่านั้นและเยว่รู่ก็วิ่งออกไปในเวลานั้น

 

“อย่าปล่อยให้นังคนใช้ราคาถูกนั่นหนีไปได้  มาจับเธอไว้!”  เมื่อเห็นว่าซูเหวินม่อถูกอุ้มไป นางอันก็เดินขวางและโวยวาย

 

หลังจากที่เยว่รู่ออกจากลานบ้านไป  ซูมู่เกอรีบไปที่ประตูเพียงสองก้าว  ปิดประตูและอยู่บังที่นั่นไว้

 

สาวใช้วัยละอ่อนเหล่านั้นถูกซูมู่เกอทำร้ายอย่างหนัก  และไม่มีใครกล้าก้าวไปข้าหน้าโดยมีซูมู่เกอยืนขวางประตูเหมือนเทพธิดาเฝ้าไว้

 

“ซูมู่เกอ  ให้ข้าดู  เจ้าจะต่อต้านขัดขืนข้าเพื่ออะไร!”

 

นางอันโกรธซูมู่เกอมากและนางเกือบพุ่งไปข้างหน้าด้วยตัวเอง!

 

“ข้าจะเป็นใบ้ยืนนิ่งเฉย รอให้คนของท่านตีข้างั้นรึ?”

 

“ดี วิเศษ เจ้าสบายดี! ทุกคนมาจับนางให้ข้าสิ! นังบ้าที่กล้าหาญนี่!”

 

ซูมู่เกอยิ้มเยาะรีบเปิดประตูและหลบหนีไป  นางล็อคประตูจากด้านนอกปล่อยให้สาวใช้ทั้งหนุ่มและแก่อยู่ด้านในโดยไม่มีเวลาตอบโต้

 

“เปิดประตู! นังสารเลว! แกกล้าล็อคประตูลานบ้านของข้าได้เยี่ยงไร!  ข้าจะดูแกตายด้วยความทรมาน!W

 

ซูหลุนแสดงท่าทีสงบเสงี่ยมและขอโทษเมิ่งฉางเต๋อหลายครั้งก่อนที่เขาจะจากไปในที่สุด

 

ขณะที่เขากำลังจะไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในลานบ้านของนางอัน  เขาได้ยินเสียงกรีดร้องและตะโกนด่าจากระยะไกลแล้ว

 

ใบหน้าของซูหลุนกลายเป็นสีเข้มเหมือนก้นกระทะ

 

“พวกแกรออะไรอยู่! ไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

 

คนรับใช้ชายเงียบเหมือนจักจั่นในปลายฤดูใบไม้ร่วง  พวกเขารีบไปที่ประตูลานพร้อมกับดึงจนตัวงอ  หลังจากความวุ่นวายและความโกลาหลอยู่พักหนึ่งในที่สุดลานก็กลับมาเงียบสงบ

………………..

 

ณ คฤหาสน์เมิ่งในเมืองชุนหยาง

 

เมิ่งชุนประคองหญิงชราเมิ่งและช่วยนางเข้าไปในลานบ้าน  บรรดาสาวใช้ออกมาต้อนรับนายท่านแม่เฒ่าเมิ่งหลังจากยุ่งกับงานอยู่ด้านใน  เมิ่งชุนดูแลแม่เฒ่าเมิ่งเพียงลำพังและรู้ว่านางมีบางอย่างจะพูดด้วย

 

“ข้าได้ยินมา  เจ้าชอบลูกสาวคนที่สองของซูหลุนงั้นรึ?”  หญิงชราพูดช้าๆ สบายๆ  โดยไม่มีความโกรธใดๆ  ปรากฏบนใบหน้าของนางเลย

 

เมิ่งชุนตกตะลึงและนางกำลังจะตอบกลับ  หญิงชราเมิ่งโบกมือและหยุดนาง

 

“ข้าจะไม่ค้นหาว่าเจ้าวางแผนอันใดไว้มาก่อนบ้าง  แต่จากนี้ไป  เจ้าอาจไม่ได้รับการพิจารณาใดๆเช่นนั้นอีก”

 

“เจ้าค่ะ”

…………..

 

นางจ้าวได้รับแจ้งว่าซูมู่เกอนำเหวินม่อตัวน้อยกลับมาแล้วและขอให้ใครก็ได้นำเขามาหานาง  มองไปที่ใบหน้าที่อ่อนโยนและขาวของลูกชายของนาง  นางไม่สามารถปล่อยเขาไปได้  ในที่สุดซูมู่เกอก็ขอให้เยว่รู่พาเขาไปที่ห้องของนางเองโดยพิจารณาว่ามันอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของนางจ้าวได้  เนื่องจากนางเหนื่อยเกินไป

 

ซูมู่เกอจับชีพจรของเหวินม่อตัวน้อยตรวจดูเขาอย่างใกล้ชิดแล้วขอให้เยว่รู่พาเขาไปนอน

 

แม้ว่าเด็กจะถูกนำกลับมา  แต่คนที่รับผิดชอบในอาหารทุกวันและวัตถุดิบของคฤหาสน์ทั้งหลังยังเป็นนางอัน  แม้ว่าซูหลุนจะสั่งให้นางมอบอาหารให้เพียงพอต่อการเลี้ยงเด็กน้อยก็ตาม  นางอันยังสามารถทำภารกิจให้สำเร็จเนโครกการไร้สาระได้

 

สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการมีเงินให้เพียงพอ  มิฉะนั้นจะไม่มีอะไรง่ายสำหรับพวกเขา

 

“มันดูเหมือนว่าเราต้องหาช่องทางทำเงิน”

 

อย่างไรก็ตาม  ข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้หญิงค่อนข้างรุนแรงในยุคนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนนั้นเป็นลูกสาวของเจ้าหน้าที่รัฐ  หากนางไม่สามารถมีอิสระเพียงพอในการกระทำของนาง  อาจเป็นอุปสรรคใหญ่ที่นางจะก้าวต่อไป

 

“เยว่รู่  เจ้าดูแลบ้านให้ดี  ล็อคประตูทางเข้าและอย่าให้ใครเข้ามาจนกว่าข้าจะกลับมา”

 

หลังจากเหตุการณ์นั้นในลานลำธารดอกไม้ไหลริน  นางรู้สึกกล้าๆกลัวๆ และนางก็ไม่ได้ถามว่าซูมู่เกอกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด  “คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ  ไม่ต้องกังวล  ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครเล็ดรอดเข้ามาแม้แต่คนเดียว”

 

ซูมู่เกอยิ้ม  “เยี่ยมมาก  ข้าวางใจในตัวเจ้าได้”

 

ซูมู่เกอสวมผ้าคลุมหน้าและกำลังเดินไปที่ห้องทำงานของซูหลุน  นางวิ่งเข้าไปหาซูหลุนที่ทางเดิน  เขาเพิ่งออกจากลานลำธารดอกไม้ไหลริน

 

เมื่อเห็นซูมู่เกอคลุมผ้ามา  เส้นเลือดดำขึ้นเป็นเส้นนูนเด่นหราบนหน้าผากของซูหลุน

 

“กล้าดียังไงถึงเสนอหน้าของเจ้ามาให้ข้าเห็น!”

 

ซูมู่เกอมองไปที่เขาหลับผ้าคลุมหน้าด้วยความเย็นชา

 

“ท่านพ่อ  ข้ามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งกับท่าน”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  ซูหลุนก็รู้สึกตีบตันกับคำพูดที่เขาไม่มีเวลาพูดถึง  เขาจ้องนางเขม็ง  ตะคอกอย่างหนักและหันหน้าไปที่ห้องทำงานของเขา

 

“เจ้า!  ตามมา!”

 

ทัศนคติดังกล่าวไม่ได้รบกวนซูมู่เกอเลย  นางเดินตามเขาเข้าไป

 

ซูหลุนนั่งบนเก้าอี้ทันทีที่เขาเขาเข้ามาในห้องทำงาน  สายตาของเขาจ้องไปที่ซูมู่เกอ  “พูดมา”

 

ซูมู่เกอหาเก้าอี้และนั่งลงเช่นกัน  นิ่งสงบ  ซูหลุนเห็นเช่นนั้นก็เม้มปากด้วยความเก็บความโกรธ  แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

ซูมู่เกอก้มหน้ามองด้วยรอยยิ้มประชด  จ้องมองไปยังซูหลุน  นางสันนิษฐานว่าเขารู้ว่าเกิดเหตุการที่บ้านของนางอัน  นางสร้างความวุ่นวายในบ้านของนางอันและไม่แปลกใจเลยที่นางอันจะฟ้องซูหลุนเกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่คราวนี้ซูหลุนระงับความโกรธและไม่ทำอันใดเลย  บางทีเขากำลังคำนวณมูลค่าของตัวหมากรุกของเขา  ซูมู่เกอ

 

“ท่านพ่อเจ้าค่ะ  ข้าคิดว่าที่รู้แล้วที่ข้าพาน้องชายของข้ากลับไปที่ลานดอกท้อบาน”

 

ซูหลุนสูดจมูกหนักๆ  “เจ้าบังอาจมาก!”

 

“มันเป็นความผิดของข้าเองที่เมื่อก่อนข้าตัดสินใจเช่นนั้น  นายหญิงอันต้องจัดการคฤหาสน์ซูทั้งหมดซึ่งมีขนาดมหิมา และให้อบรมให้ความรู้แก่ลูกสาวของนางด้วย  มันเป็นความที่ข้าต้องคิดถึงคนอื่นบ้างข้าละอายที่จะฝากน้องชายไว้ให้นางดูแต่ต่อ”

 

“มันเป็นเรื่องดีที่ตอนนี้เจ้ารู้ตัว!”

 

“ด้วยเหตุนั้นข้าจึงตัดสินใจพาน้องชายของข้ากลับไปดูแลที่ลานดอกท้อบาน  ข้าได้ยินมาว่าน้องสาวของข้าจะไปรับสาวใช้เพิ่มอีกหลายคนในอีกสองวัน  ข้าสงสัยว่าในวันนั้นข้าจะไปรับผู้ช่วยได้หรือไม่?“

 

ซูหลุนขมวดคิ้วกับคำพูดเหล่านั้น  แต่เขาโกรธน้อยลงเมื่อเห็นสภาพชุดเก่าเสื่อมสภาพบนตัวนาง

 

“ท้ายที่สุดแล้ว  เจ้าคือคุณหนูแห่งตระกูลซูของเราและต้องได้รับการดูแลจากใครสักคน  เลือกสาวใช้ให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าต้องการ  ส่วนน้องชายของเจ้า  เจ้าสามารถเลี้ยงเขาได้ในลานดอกท้อบาน  แต่นำคนที่คอยดูแลเขาไปด้วย”

 

คำพูดเห่านั้นเป็นที่ไม่คาดคิด  ซูมู่เกอรู้สึกประหลาดใจ

 

มันคงไม่ใช่สำหรับนางที่จู่ๆซูหลุนกลายเป็นคนมีเมตตา

 

“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ  ท่านพ่อ”

 

ซูหลุนกระแอมเบาๆ

 

“เจ้าพบกับนายหญิงผู้เฒ่าเมิ่งได้อย่างไร?  ข้าได้รับคำบอกกล่าวว่าเจ้าช่วยชีวิตนาง  มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?  เจ้าเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์เหล่านั้นเมื่อใด  ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย?”

 

ซูมู่เกอเข้าใจดีก็ตอนนี้  สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ความคิดของพ่อนางเปลี่ยนไปนันเป็นเพราะตระกูลเมิ่ง

 

“ข้าไปเยี่ยมท่านยายและกำลังเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ของเรา  จากนั้นข้าก็พบคนกลุ่มหนึ่งพร้อมกับนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งในเมืองที่ติดกับหมู่บ้านจ้าว  ตอนนั้นแม่เฒ่าเมิ่งอาการกำเริบและข้าก็รักษานางด้วยสิ่งที่ข้าได้อ่านจากตำราทางการแพทย์ในเวลาว่าง”

 

ซูหลุนมองไปที่ซูมู่เกอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยควมสงสัย  เขาเคยทำงานด้านนี้แต่ออกจากตำแหน่งราชการนั้นมาหลายปีแล้ว  และเขาไม่เคยเชื่อเลยว่ามีหนังสือทางการแพทย์เพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นที่คนทั่วไปใช้อ่านแล้วสามารถช่วยผู้ป่วยให้พ้นจากความตายได้!

 

“เจ้าอ่านหนังสือทางการแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่? หนังสือพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”

 

ซูมู่เกอไม่ได้ตื่นตระหนกแม้จะเจอกับสายตาอันเฉียบคมของซูหลุนที่จ้องมองนาง  นางตระหนักดีว่าใครก็ตามที่มีสติปัญญาปกติจะไม่เชื่อในคำพูดเหล่านั้น แต่แล้วยังไงเล่า?

 

“ถ้าท่านพ่ออยากเห็นข้าจะกลับไปหาหนังสือพวกนั้นและนำมันมาให้ท่านเจ้าค่ะ”

 

ซูหลุนโบกมือปฏิเสธและแสดงความไม่สนใจ  “เจ้าสามารถรักษาอาการป่วยของแม่เฒ่าเมิ่งได้หรือไม่?”

 

ซูมู่เกอยืนตัวตรงและส่ายหน้า  “ไม่ได้เจ้าค่ะ  ข้าทำไม่ได้”

 

“ทำไมเจ้าทำไม่ได้?!”

 

“นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งมีอาการป่วยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว  ดังนั้นจึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เจ้าค่ะ  แต่ควบคุมได้เท่านั้น”  อายุเท่าหญิงชราเมิ่ง  นางมีทั้งความดันโลหิตสูงและอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นได้  จะรักษาให้หายได้ง่ายๆได้อย่างไร?

 

หน้าของซูหลุนแข็งกระด้างขึ้นเมื่อซูมู่เกอพูดจบ

 

“แต่…..”

 

“แต่อันใด?”

 

“ถ้านายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งดูแลตัวเองอย่างที่ข้าแนะนำ  มันจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักยี่สิบปี”

 

ในปีนี้หญิงชราเมิ่งน่าจะอายุประมาณห้าสิบปีและนั่นถือได้ว่ามีอายุยืนยาวมากในสมัยโบราณนี้  ถ้านางสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสักยี่สิบปี  นั่นจะเท่ากับว่านางอายุยืนยาวอย่างแท้จริง

 

“เจ้าแน่ใจ?”

 

“แปดสิบเปอร์เซ็นต์แน่ใจเจ้าค่ะ”

 

“เยี่ยมมาก  แล้วข้าจะพาเจ้าไปที่คฤหาสน์เมิ่งเพื่อแสดงความขอบคุณ  ตอนนี้เจ้ากลับไปได้”

 

ซูมู่เกอรู้สึกพอใจเมื่อนางก้าวได้อีกก้าว  สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป  นางเพียงแค่ต้องก้าวให้ทันและก้าวหน้าทีละเล็กทีละน้อย

 

นางแปลกใจที่นางอันไม่ได้ส่งใครมาทำให้ตัวนางและแม่เดือดร้อนตลอดทั้งคืน  มันค่อนข้างสงบ  บางทีอาจเป็นซูหลุนที่ระงับเรื่องนี้

 

เช้าวันรุ่งขึ้น  สาวใช้ในชุดกระโปรงยาวสีพีชมาที่ประตูลานดอกท้อบานฉ่ำพร้อมถาดในมือ

 

หลังจากนั้นไม่นาน  เยว่รู่ก็ดึงผ้าม่านออกและเข้าไปในห้อง

 

“คุณหนูเจ้าค่ะ  นายท่านส่งบางอย่างมาให้ท่าน”

 

ซูมู่เกอเล่นกับเหวินม่อต้วน้อยอยู่ขณะที่ก้มหัวอยู่นางก็พูด  “ปล่อยนางเข้ามา”

 

“เจ้าค่ะ”

 

สาวใช้เข้ามาในขณะที่ม่านถูกเปิดออก

 

“คุณหนูใหญ่  สิ่งของเหล่านี้นายท่านให้นำมาให้เจ้าค่ะ และให้แจ้งคุณหนูว่าเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเยี่ยมคฤหาสน์ตระกูลเมิ่งในภายหลังเจ้าค่ะ”

 

ซูมู่เกอเหลือบมองไปที่ถาด  มีชุดกระโปรงยาวสีเหมือนสายน้ำไหลกับผ้าพลิ้ว  นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับบางอย่าง

 

“อืม ข้ารู้แล้ว”

 

“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอลาเจ้าค่ะ  คุณหนูใหญ่”

 

หลังจากสาวใช้จากไป  เยว่รู่มองไปที่เสื้อผ้าและเครื่องประดับด้วยความยินดีติดบนใบหน้าของนาง

 

“คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ  เห็นไหมเจ้าค่ะ  ชุดสวยมาก  ข้าไม่เคยเห็นผ้าผืนไหนดีเท่านี้มาก่อน”

 

ซูมู่เกอเฝ้าดูด้วยเสียงหัวเราะเรียบๆของนางและเล่นกับมือเล็กๆของเหวินม่อตัวน้อยต่อ

 

“บอกแม่นมของนายน้องให้พานายน้อยไปที่ห้องท่านแม่ของข้า  เมื่อข้าออกไป”

 

“เจ้าค่ะ”

 

เยว่รู่ช่วยซูมู่เกอแต่งตัว  นางผอมจนชุดดูใหญ่เกินไป  ทำให้ดูเหมือนไม้แขวนเสื้อ  ถ้านางพูดถูกเสื้อผ้าชุดนี้ถูกตัดเย็มมาเพื่อซู่จิงเหวินเป็นแน่และตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากซูมูเกอต้องการเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับฐานะต่อการไปเยี่ยมคฤหาสน์ตระกูลเมิ่งของนาง

 

เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว  เยว่รู่เอื้อมมือไปหาผ้าคลุมและกำลังจะสวมมันลงบนหัวของซูมู่เกอ  แต่นางถูกหยุดไว้

 

“ไม่จำเป็น”

 

เยว่รู่ชะงักเล็กน้อย  “คุณหนูใหญ่…ท่านแน่ใจหรือเจ้าค่ะ?”

 

ซูมู่เกอมองไปที่ใบหน้าอันบอบบางของนางในกระจก  ปานบนตาของนางค่อนข้างโดดเด่นในทางที่ไม่พึงประสงค์

 

“ไม่จำเป็นต้องปิด  มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด”

 

ซูมู่เกอลุกขึ้นยืน  “ไปกันเถอะ”

 

บทที่ 29 : เปิดเผย

 

“คุณหนู่  เรามาถึงแล้วเจ้าค่ะ”  เยว่รู่กระโดดลงจากรถม้าก่อน  แล้วช่วยซูมู่เกอลงมา

 

“ทำไมวันนี้เจ้าถึงไม่ใส่ผ้าคลุมหน้า?!”

 

เมื่อซูมู่เกอเงยหน้าขึ้น  นางเห็นซูหลุนจ้องเขม็งที่นางห่างออกไปสามก้าว  ซูหลุนไม่เห็นนางจนเมื่อถึงตอนนี้  เนื่องจากเขานั่งอยู่ในรถม้ามาก่อนที่ซูมู่เกอจะมาถึงประตูบ้านของพวกเขา

 

เมื่อวานนี้นางสวมผ้าคลุมหน้าและเขารู้สึกว่าทุกอย่างเป็นปกติ  แต่ตอนนี้ไร้ซึ่งผ้าคลุม เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง  มันชัดเจนเกินไปสำหรับผู้อื่นที่จะเห็นปานแดงเข้าอันน่าเกลียดของนางเมื่อมันอยู่ในที่แดดจ้าเช่นนี้!

 

“มานี่!  ถอดผ้าคุลมเจ้าออกแล้วให้คุณหนูใหญ่ใส่มัน!”

 

ความเย็นชาและความสงบในดวงตาของซูมู่เกอไม่ได้อ่อนแอต่อความโกรธและความไม่ชอบหน้าของซูหลุน  “ท่านพ่อเจ้าค่ะ  ข้าไม่สวมผ้าคลุมหน้า”

 

“เจ้า  เจ้า…..”

 

ยังพูดไม่จบเมื่อพ่อบ้านของตระกูลเมิ่งที่รออยู่ออกมาต้อนรับพวกเขาแล้ว

 

แม้จะตกใจเมื่อเห็นปานบนใบหน้าของซูมู่เกอ  ไม่นานพ่อบ้าเมิ่งก็รวบรวมสติและเดินเข้าไปทักทายพวกเขาเหมือนไม่มีอะไร

 

“ขุนนางซู  คุณหนูซู  ข้าขอคารวะท่านทั้งสอง  ท่านขุนนางและนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งรอท่านอยู่ในคฤหาสน์ขอรับ  เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับการมาของท่าน  โปรดตามข้ามา”

 

ซูหลุนจ้องมองซูมู่เกอ   “ขอบใจ”

 

ซูมู่เกอได้รับการบอกเล่าจากเยว่รู่ว่าบ้านเกิดของตระกูลเมิ่งคือเมืองชุนหยาง  เมื่อหลายสิบปีก่อนท่านพ่อของขุนนางเมิ่งได้รับตำแหน่งในวังเป็นตำแหน่งสูงสุด  ดังนั้น ทั้งตระกูลเมิ่งจึงย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวง  ท่านพ่อของขุนนางเมิ่งได้จากไปเพราะโรคภัยไข้เจ็บเมื่อหลายปีก่อน  และสุขภาพของหญิงชราเมิ่งก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางตั้งแต่นั้นมา  เวลานี้  เมิ่งเฉิงเตอ ส่งนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งกลับมาที่เมืองชุนหยางเพื่อพักฟื้น

 

ตลอดทางมีสาวใช้เดินผ่านแล้วผ่านเล่า  พวกเขาประหลาดใจกับใบหน้าของซูมู่เกอ  แต่ก็ไม่กล้ามองนางอีกรอบ  หลังจากเหลือบมองอย่างรวดเร็ว  พวกเขาก็เดินต่อไปและหลีกเลี่ยงการสบตาโดยการก้มนห้า

 

เมื่อพ่อบ้านรายงานว่าซูมู่เกอและพ่อของนางกำลังเข้ามาที่โถงเกียติยศ  ร่างบอบบางก็ออกมาและมันคือรู่เหม่ยสาวใช้ประจำตัวของนายหญิงแม่เฒ่าเมิ่งนั่นเอง

 

รู่เหม่ยเห็นซูมู่เกอซึ่งยืนอยู่ข้างๆซูหลุน  ตั้งแต่แรกเจอนาง  เมื่อพวกเขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับเมืองชุนหยาง  ซูมู่เกอปิดตาของนางด้วยแผ่นปิดและจากนั้นใช้ผ้าคลุมหน้า  เมื่อนางเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นหญิง  นี่จึงเป็นครั้งแรกที่รู่เหม่ยได้เห็นใบหน้าอันแม้จริงของนาง  บางทีปานก็ชัดเจนเกินไปจนไม่พึงประสงค์  รู่เหม่ยตะลึงค้างทันทีเมื่อเห็นมัน

 

แต่ในไม่ช้านางก็กลับมาเป็นปกติและพาทั้งสองเข้าไปในห้องโถง

 

“นางเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเมิ่งของเรา  แน่นอน  ในฐานะหลานชายของท่าน  ข้าจะขอบคุณนางเป็นการส่วนตัว”

 

“ลูกท่าน…”

 

ขณะที่พวกเขาอยู่นอกประตูพวกเขาก็ได้ยินเสียงร่าเริงที่กำลังรายงานการมาถึงของซูหลุน  เมื่อรู่เหม่ยเข้าไปพร้อมกับดึงม่าน  เสียงนั้นก็หายไปในไม่ช้า

 

“ท่านขุนนางซู  คุณหนูซู เชิญเจ้าค่ะ”

 

ซูมู่เกอติดตามซูหลุนเข้าไปในห้อง  พวกเขาเข้ามาและได้เห็นผู้คนจำนวนมากในห้องโถงเกียติยศนี้

 

พวกเขาไร้เสียงหายใจออกเมื่อซูมู่เกอก้าวเข้ามาและนางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น

 

ซูมู่เกอยังคงสงบและทักทายหญิงชราเมิ่งในห้องโถงพร้อมกับซูหลุน

 

“ข้าน้อยขอคารวะท่าน  นายหญิงเมิ่งเจ้าค่ะ”

 

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของซูมู่เกอ  หญิงชราเมิ่งก็ตัวแข็งเล็กน้อย  แต่ในไม่ช้านางก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรและขอให้ซูมู่เกอลุกขึ้น

 

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพเกินไป”

 

หญิงชราเมิ่งเป็นถึงองค์หญิงในอาณัติของจักรพรรดิ  ซึ่งเป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์สำหรับสุภาพสตรีที่มีตำแหน่งสูงสุดที่จักรพรรติกำหนดไว้  ดังนั้น  จึงสมควรที่ซูหลุนจะทักทายนางด้วยความสุภาพที่สุด

 

“ข้าน้อยนำลูกสาวของข้าน้อยมาคารวะท่านที่นายหญิงเมิ่งได้ช่วยเมตตานางตลอดการเดินทางขอรับ”

 

“ข้าน้อยของขอบคุณนายหญิงเมิ่งมากเจ้าค่ะ”  ซูมู่เกอโค้งคำนับพร้อมกล่าวขอบคุณนาง

 

“ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า  หากไม่ใช่การรักษาของเจ้าอย่างทันเวลา  ข้าอาจอยู่ในสภาพที่แย่กว่านี้ก็เป็นได้”

 

เมื่อหญิงชราเมิ่งพูดจบ  ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่านางก็ลุกขึ้นยืน  และโค้งคำนับต่อซูมู่เกอโดยใช้มือพับไว้ที่ด้านหน้า  เขาอยู่ในชุดคลุมสีขาวอมฟ้าซีดพร้อมเข็มขัดประดับหยกรอบเอวของเขา

 

“คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซู  ข้าขอขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตท่านย่าของข้า”

 

ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น  ใบหน้าของเขาเกิดมาพร้อมความอ่อนโยน  ถึงแม้จะไม่ยิ้ม แต่ก็มีความอ่อนโยนในดวงตาของเขา  ราวกับว่าพวกเขากำลังบอกคำพูดต่อคนรักเป็นพัน ๆ คำ

 

อย่างไรก็ตาม  ซูมู่เกอมองเพียงแวบเดียวก็สังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ฉายแววในดวงตาของเขา  ปีศาจร้ายซ่อนตัวอยู่ใต้หนังแกะที่ไม่เป็นอันตรายอะไรเช่นนี้!

 

ซูมู่เกอหลับตาลงด้วยความสงบ  นางหันหน้าไปทางอื่นเล็กน้อยและไม่ยอมรับการโค้งคำนับของเขา

 

“ระวัง  น่ากลัวว่าเจ้าจะอายุมากกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลซู” หญิงชราเมิ่งพูดทันเวลา

 

เมิ่งซิ่วเหวินยืนขึ้น  มองไปที่นายหญิงแม่เฒ่าเมิ่ง  และพูดอย่างจริงใจว่า  “ท่านย่า  หลานชายของท่านไม่ใช่สัตว์ร้ายแล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลซูจะกลับข้าได้เยี่ยงไร?”

 

“ปากข้าเงอะงะอะไรกัน!  เจ้าชนะ  พ่อของเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่ในห้องหนังสือมิใช่รึ  ทำไมไม่พาขุนนางซูได้ด้วยเล่า  เขาจะได้เล่นหมากรุกกับพ่อของเจ้า?”

 

เมิ่งซิ่วเหวินมองไปที่ซูมู่เกอที่ยังคงมองลงมาและพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม  “ขอรับ”

 

หลังจากที่ซูหลุนจากไปพร้อมกับเม่งซิ่วเหวิน  รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงชราก็คลายลงเล็กน้อย  นางขอให้ซูมู่เกอนั่งลง

 

ซูมู่เกอทำตามอย่างเชื่อฟัง  “นายหญิงท่านรู้สึกดีขึ้นหรือไม่?”

 

“เมื่อคืนข้ากินยาตามสูตรของเจ้า  และนอนหลับสบาย”

 

“ทำตามสูตรเป็นเวลาหนึ่งเดือนนะเจ้าค่ะ  จากนั้นท่านอาจพักยากได้แล้วดูแลเรื่องอาหารที่ท่านกินเป็นพิเศษ”

 

“คุณหนูใหญ่ซู  ท่านหมายความว่าท่านย่าไม่ต้องกินยาขมอีกต่อไปเหรอ?”

 

ซูมู่เกอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น  มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุสิบสองหรือสิบสามผมหน้าม้าสวมชุดสีเหลืองอ่อนซึ่งทำจากผ้าสี่ชิ้น

 

“นี่คือหลานสาวคนที่สามของข้า  เมิ่งเถียนเถียน  นางเป็นคนที่ดื้อที่สุด”

 

โดยไม่อายต่อความคิดเห็นดังกล่าวเลย  เมิ่งเถียนเถียน  บีบจมูกของนางอย่างน่ารัก

 

“หมอหลวงของจักรวรรดิบอกว่าท่านย่าต้องกินยาไปตลอดชีวิตเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง  แต่ตอนนี้เจ้ากำลังบอกว่าแค่เดือนเดียวก็เพียงพอแล้ว  เจ้าเก่งกว่าหมอหลวงของจักรพรรดิรึ?”

 

หญิงสาวในชุดสีฟ้าผมหน้าม้านั่งอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าเมิ่งเถียนเถียนถาม  นางไม่ได้ปกปิดคำพูดถากถางหรือการเหยียดหยามบนใบหน้าของนาง

 

นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเมิ่ง  นั่งข้างๆนางขมวดคิ้วและมองนางด้วยความไม่พอใจ

 

“ซูซู  เจ้ากำลังพูดอะไร!”

 

เมิ่งซูซูส่งเสียงหึออกมา  เห็นได้ชัดว่านางไม่กลัวนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเมิ่ง  “ท่านแม่  ข้าพูดอันใดไม่ถูกต้องรึ  ท่านย่านางอายุเท่าข้า  แล้วนางจะมีทักษะทางการแพทย์ที่โดดเด่นเช่นนี้ได้อย่างไร!?  ข้าพนันได้เลยว่านางโกหก!”

 

ใบหน้าของหญิงชาเมิ่งมืดลงในทันที

 

“ซูซู หุบปาก!”  นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเมิ่งดุนาง

 

ซูมู่เกอไม่ได้ตื่นตระหนก  นางเงยหน้าขึ้นช้าๆ เพื่อมองสาวน้อยคนนี้ที่เป็นศัตรูกับนาง  นางเชื่อในความทรงจำของนาง  มีผู้หญิงคนหนึ่งในคฤหาสน์เมิ่งที่น้องสาวของนางมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย  แล้วมันต้องเป็นคนนี้แน่

 

มันถูกต้องที่จะมาออกหน้าแทนเมื่อเพื่อนอยู่ในปัญหา  อย่างไรก็ตาม  ควรเลือกเวลาและคนอย่างรอบคอบ  ถ้าไม่เช่นนั้น  ความผิดพลาดที่น่ากลัวอาจเกิดขึ้นได้

 

“ข้าพนันได้ว่าเจ้าไม่รู้สึกดี เมื่อรอบเดือนมาทุกครั้ง”

 

มันเป็นเรื่องไม่ปกติและไม่คาดคิดที่จะมีคนนำหัวข้อเช่นนี้มาเปิดเผยในที่สาธารณะ  ท้ายที่สุดแล้ว  มันเป็นความลับเล็กๆน้อยๆของเด็กสาวซึ่งอาจทำให้คนอื่นขุ่นเคือง

 

แม้แต่หญิงชราเมิ่งก็ดูไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมกับคิ้วขมวดเมื่อนางหันไปหาซูมู่เกอ

 

“ซูซู  มานี่ ขออภัยคุณหนูใหญ่ซูซะ!”

 

“นายหญิง มันไม่เป็นไรเจ้าค่ะ  ข้าเข้าใจข้อสงสัยของคุณหนูสอง  แต่สิ่งที่ข้าพูดไปตอนนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ  ร่างกายของคุณหนูสองเป็นธาตุเย็นซึ่งหมายความว่านางแทบจะไม่มีเหงื่อออกเลย  แม้ในช่วงที่ร้อนที่สุดสามช่วงในช่วงฤดูร้อนและแม้ว่านางจะมีเหงื่อออก จะเป็นเหงื่อเย็น  ซึ่งบ่งบอกถึงอาการป่วยจากความเย็นของร่างกาย”

 

ซูมู่เกอมองไปที่เมิ่งซูซู  สงบนิ่งและไม่เคลื่อนไหว  “เป็นความจริงหรือไม่ที่คุณหนูสองไม่กล้าดื่มน้ำเย็นแม้แต่นิดเดียวในแต่ละวัน?  และเจ้าเคยท้องเสียอย่างต่อเนื่องเมื่อทานอาหารประเภทเย็น ใช่หรือไม่?  และเจ้ามีอาการปวดหัวและรู้สึกหายใจลำบากเมื่ออยู่ในช่วงมีประจำเดือนถูกหรือไม่?

 

เมิ่งซูซูไม่สามารถโต้เถียงคำพูดเหล่านั้นได้อีกต่อไปและใบหน้าของนางก็ซีดเผือดเมื่อได้นางได้ยินคำพูดของซูมู่เกอ

 

หน้าตาของนายหญิงใหญ่ตระกูลเมิ่งเปลี่ยนไปเช่นกัน  นางมีลูกเพียงสองคนกับนายท่านคนโตแห่งคฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง  เมิ่งซิ่วเหวินลูกชายของนาง  เมิ่งซูซู ลูกสาวของนาง

 

เมิ่งซูซูมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่อสองหรือสามปีที่แล้วปละนางได้รับทุกข์ทรมานจากมันตลอดมา  มันเหมือนกับว่านางป่วยหนักทุกครั้ง  นายหญิงเมิ่งพาลูกสาวไปพบแพทย์หลายท่าน  แต่ก็ไม่ได้ผล  นางกังวลเพราะผู้หญิงที่มีลูกจะรู้ว่าการตั้งครรภ์ด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้อาจเป็นเรื่องยากมาก

 

หญิงชราเมิ่งรู้สึกได้ถึงความไม่เหมาะสมบางอย่าง  นางไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีและนับประสาอะไรกับหลานสาวของนาง

 

ซูมู่เกอก้มหัวลงจิบชาจากถ้วยกระเบื้องบนโต๊ะตรงหน้านางและไม่พูดอันใดอีก

 

“มองดูข้าสิ  ตอบช้ามาก  ตั้งแต่คุณหนูใหญ่ซูมาที่คฤหาสน์ของเรา  ข้าจะให้เจ้าพานางไปเดินเล่นในสวนของเรา  ข้าได้นำดอกไม้และพืชอื่นๆ กลับมาด้วย  พวกเด็กสาวชอบพวกมันมาก  ให้เถียนเถียนพาไปเดินเล่นในคฤหาสน์ดีกว่า”  นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเมิ่งมองไปที่เมิ่งเถียนเถียนซึ่งนั่งอยู่ในขณะนี้  เมิ่งเถียนเถียนเป็นลูกสาวคนที่สามของเมิ่งเฉิงเต๋อที่มีกับนางสนม  นางอ่อนโยนและรู้ศิลปะในการสนทนา  ดังนั้นมันจึงเป็นชีวิตที่ไม่ยากเกินไปสำหนับนางในคฤหาสน์เมิ่ง

 

หญิงชราเมิ่งยิ้มและพยักหน้า  “ไปเถอะ  เดินดูให้รอบๆ นะ  ดูแลคุณหนูใหญ่ซูให้ดีที่สุด”

 

“เจ้าค่ะ”

 

เมิ่งเถียนเถียนก้าวไปข้างหน้าและจับมือซูมู่เกอ  “พี่ซู ไปกันเถอะเจ้าค่ะ”

 

แม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก  เมิ่งซูซูก็ลุกขึ้นยืนด้วยสายตาบังคับแข็งกร้าวจากนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเมิ่ง  มีเด็กสาวตามมาอีกสองสามคนและซูมู่เกอก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการรบกวน

 

ขนาดของคฤหาสน์เมิ่งใหญ่กว่าคฤหาสน์ซูมาก  มีศาลาริมน้ำในสวน  ฤดูกาลของดอกบัวหมดไปแล้ว  แต่ดอกบัวประดับทะเลสาบยังสวยงามมาก

 

“พี่ซู  ท่านเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากอาจารย์หรือเจ้าค่ะ?”  เมิ่งเถียนเถียนมีคำถามมากมายสำหรับนาง

ซู่มู่เกออดทนมากพอที่จะรับมือกับสิ่งเหล่านี้  และนางเลือกคำถามที่ไม่มีความสำคัญมาตอบ

 

“ข้าเหนื่อยมาก  ข้าต้องไปพักผ่อนแล้ว”  เมิ่งซูซูรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนางนึกถึงสิ่งที่ซูมู่เกอพูดในห้องโถง  นางใช้ช่วงเวลามีรอบเดือนมาพูด และการนำเรื่องส่วนตัวมากมาเปิดเผยในที่สาธารณะ  จึงไม่มีใครมีความสุขได้

 

ซูมู่เกอเหลือบมองนางด้วยความเฉยเมย

 

“โอ้ย!”

 

ทันใดนั้นเมิ่งเถียนเถียนสะดุดก้อนหินและเกือบจะล้มลง

 

แต่ถูกซูมู่เกอจับตัวไว้อย่างรวดเร็ว  นางยังคงข้อเท้าแพลง

 

“อืออ  มันเจ็บ”  เมิ่งเถียนเถียนคิ้วขมวดและนางเกือบร้องไห้ออกมา

 

“ให้ข้าดูสักนิด”  ซูมู่เกอย่อตัวลงและกำลังจะตรวจดูเท้าของเมิ่งเถียนเถียน  สาวใช้จับเมิ่งเถียนเถียนไว้ข้างตัวและดึงนางออกไป

 

“มันรบกวนท่านมากเกินไป  คุณหนูซู  เราจะเอาคุณหนูสามกลับเอง  คุณหนู โปรดไปที่ศาลาริมน้ำเพื่อพักผ่อนเจ้าค่ะ”

 

เมิ่งเถียนเถียนมองไปที่ซูมู่เกอพร้อมกับเงยหน้าขึ้น  “พี่ซู  ข้าสบายดี”

 

ซูมู่เกอพยักหน้า  “แน่ใจ  ตามสบายเจ้าค่ะ”

 

สาวใช้หลายคนช่วยเมิ่งเถียนเถียนออกไป

 

เมื่อเห็นเมิ่งซูซูและคนอื่นๆ นั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ  ซูมู่เกอหันหลังเดินไปนั่งบนม้านั่งหินในสวนแทน

 

“คุณหนูซู  ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่คนเดียว?”

 

ร่างเพรียวเดินออกมาจากหลังต้นไม้ช้าๆ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด