The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 71
ตอนที่ 71 จิงเกอผู้พิชิตขนขา
ด้วยการที่เป็นบุคคลที่แก่ที่สุดและเป็นคนที่มีระดับพลังสูงที่สุด(ไม่นับหวังลิ่ง) เลขาซุนดาคังซึ่งมีประสบการณ์ผ่านเรื่องราวลี้ลับมาหลายเรื่อง เขารู้สึกถึงความไม่ปกติที่ถูกส่งออกมาจากกระบี่ไม้เล่มเล็กเล่มนั้น
แต่หวังลิ่งก็ไม่ได้กังวลว่าเลขาแก่คนนี้จะสงสัยในตัวเขา
เขาได้แอบดูความทรงจำของโจวยี่ก่อนหน้านี้ ซึ่งเลขาซุนดาคงเป็นแค่รุ่นพี่ในสายงานและเป็นผู้ร่วมสถาปนาประเทศนี้ ผู้ซึ่งเคยเจอเทพปีศาจตัวเป็นๆมาแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เขามีความไวต่อกลิ่นเลือดเทพปีศาจ
ดังนั้นหวังลิ่งจึงทำการปิดกั้นกลิ่นอายของมันไปก่อนหน้านี้แล้ว
เขาเลือกที่จะปล่อยให้กลิ่นเลือดเทพปีศาจหลุดออกมานิดหน่อยซึ่งทำให้มันดูไม่ปกติ ในทางกลับกันการที่ทำให้มันดูน่าสงสัยนิดหน่อยอาจจะส่งผลให้เลขาแก่รู้สึกว่าตนเองคงเข้าใจผิด ซึ่งมันจะช่วยปกปิดกลิ่นอายที่แท้จริงของจิงเกอได้ดีกว่า
……………………………
โจวยี่รู้สึกว่ามันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้โชว์ออฟต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็นรองผู้อำนวยการ ภาพลักษณ์ของเขาที่ประชาชนรับรู้ก็คือเขาเป็นคนถ่อมตัวและไม่ฝั่งใฝ่ในอำนาจชื่อเสียง
และเมื่อเวลาผ่านไปกระบี่ผ่านภาของเขาก็กลายเป็นแค่เพียงตำนาน…
แต่ความจริงแล้ว…แม้แต่ชื่อของมันเขายังไม่รู้จักเลย!
เมื่อเขาถูกเชิญมาร่วมงานประลองกระบี่วิญญาณของโรงเรียนเก่าของเขาและโรงเรียนอันดับที่59 ทำให้โจวยี่รู้สึกลำบากใจ
เขาไม่คิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะ แม้แต่การที่เขาสำเร็จขั้นแก่นแท้ลมปราณในขณะที่เขาอยู่ปีสอง เป็นเพราะว่าเขาบังเอิญตกไปยังหลุมทิ้งขยะของวิชาเกษตรกรรมและดันกินผลไม้วิญญาณเข้าไป
พูดได้ว่าชีวิตของโจวยี่ยิ่งกว่าละครหลังข่าว
ตัวอย่างเช่น การบุกรุกของเหล่าปีศาจเมื่อหกปีก่อน หรือนักฆ่าอก36Dที่ถูกจับเมื่อวาน… คนสติไม่ดีที่ไหนก็ไม่รู้โยนความดีความชอบมาให้แก่เขาเสียงั้น
ชีวิตตั้งแต่เริ่มเรียนที่โรงเรียนอันดับที่60 แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างเลย แต่เขาก็ดันชอบอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ
โรงเรียนอันดับที่60ช่างเป็นสถานที่มหัศจรรย์จริงๆ
……………………………..
โจวยี่ยืนอยู่กลางเวที บรรยากาศโดยรอบตอนนี้เงียบเชียบตั้งแต่ที่เขาขึ้นไปบนเวที มันก็นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใช้วิชาเหล่านั้น โจวยี่รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังสูบฉีด
ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำงานเขาแทบจะไม่ได้จับกระบี่วิญญาณเลย
ตอนนี้เขาต้องการรื้อฟื้นความรู้สึกเหล่านั้นกลับคืนมา ซึ่งจำเป็นต่อการใช้งานกระบี่วิญญาณที่ไม่คุ้นเคยในระยะเวลาสั้นๆ
ตามหลักแล้ว วิชากระบี่บินร้อยก้าวง่ายกว่าวิชากระบี่ผ่านภามาก แต่สำหรับนักเรียนซึ่งยังไม่มีโอกาสได้เรียนวิชากระบี่วิญญาณในขั้นสูงๆ ถือวิชานี้เป็นวิชาขั้นสูงที่หาดูได้ยาก
และเพราะมันเป็นวิชาขั้นสูงมันก็ยังคงมีโอกาสพลาดเช่นกัน…
ภายใต้สายตานับพัน โจวยี่ยกจิงเกอขึ้นและทำการกระโดดม้วนหลังยี่สิบสามรอบบนอากาศ สายตาทุกคนจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวของเขาบนอากาศ จิงเกอตัดผ่านอากาศด้วยความรวดเร็วก่อให้เกิดแสงจากพลังวิญญาณเป็นสายยาวต่อกันซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก
“แค่ท่าเปิดก็เท่แล้ว!” ถังจิงเสอและคนอื่นมองแสงเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้น
เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งสนามกีฬาแห่งนี้ แม้แต่อาจารย์คังยังเอ่ยปากชม “นี่เป็นท่ากระบี่ไม่พริบตาซึ่งถูกคิดค้นโดยหานลี่ มีหลายคนที่รู้จักวิชานี้แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้งานมันได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติแบบนี้”
“ใช่แล้วหล่ะ” แม้แต่เลขาแก่ยังชมด้วยสีหน้าภูมิใจ “วิชานี้อาจจะไม่ใช่วิชาที่ทรงพลัง แต่ก็เป็นวิชาที่สวยงามสำหรับรับชม อาจจะพูดได้ว่านี่เป็นหนึ่งในสิบการแสดงที่ดี่ที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเห็นมา โจวยี่น้อยทำงานอย่างหนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนเขาก็ยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่สม่ำเสมอ”
โจวยี่น้อย…
เมื่อทุกคนได้ยินชื่อที่เลขาซุนดาคังใช้เรียกโจวยี่ ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจไม่ต่างไปจากโจวยี่เมื่อครั้งที่เขาได้ยินมันเป็นครั้งแรก
ในใจของอาจารย์ใหญ่ทั้งสองต่างคิดว่า ที่พวกเขาเรียกกันอย่างสนิทสนมแบบนี้แปลว่าต้องมีซัมติง
“รุ่นพี่โจวนี่สุดยอดไปเลยเนอะ ว่าแต่ทำไมมันถึงชื่อว่ากระบี่ไม่พริบตา?” หลินเสี่ยวหยูถามขึ้นด้วยความสงสัย
กัวหาวถอนหายใจในความไม่รู้ของหลินเสี่ยวหยู “เธอไม่ได้สังเกตหรอว่ารุ่นพี่โจวนั้นไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว? กระบี่ไม่พริบตานั้นมีชื่อเสียงเพราะความสวยงามของมัน ใช้ออกมาได้ดีเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งของการกระพริบตา ในช่วงสงคราชิเหมินผู้ฝึกตนใช้วิชานี้เพื่อปิดบังทัศนียภาพของฝ่ายศัตรู”
“อ๋อ…”
เมื่อทุกคนได้ยินคำอธิบายของกัวหาวก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก
หลังจากการแสดงวอร์มอัพเสร็จแล้ว โจวยี่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากเสียงปรบมือดูเหมือนว่าเขาจะเปิดการแสดงออกมาได้ดี ไม่เสียแรงที่เคยฝึกซ้อมท่านี้ตั้งแต่ตอนเขาพึ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยเพราะมันคล้ายกับการเคลื่อนไหวของการเต้นตามเสียงเพลงวิทยุ!
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนเขากลัวการจับกระบี่วิญญาณ
แต่การแสดงเปิดมันยังไม่ใช่ทั้งหมด…
มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง…
โจวยี่สูดหายใจเข้าเพื่อทำสมาธิ ท่าต่อไปที่จะแสดงก็คือท่ากระบี่บินร้อยก้าว
ไกลออกไปสองร้อยเมตรจากจุดศูนย์กลาง จานซึ่งเป็นเป้าได้ถูกตั้งไว้ สำหรับเหล่านักเรียนนั้นมันอยู่ไกลเสียจนมองแทบไม่เห็น พวกเขาทำได้แค่รับรู้ว่ามีวัตถุอยู่ตรงนั้น
“เป้ามันเล็กเกินไป การที่จะควบคุมกระบี่ให้โดนเป้านั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!” ผู้อำนวยการชี่อุทานขึ้นมาหลังจากเห็นขนาดของเป้า
อาจารย์ใหญ่จินยิมเล็กน้อย “มีตำนานหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่ากระบี่บินร้อยก้าวของนายพลยิสามารถผ่าเม็ดข้าวที่อยู่ไกลออกไปเป็นพันเมตรได้”
หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นออกจากปากอาจารย์ใหญ่จิน ทุกคนต่างคิดว่ามันเว่อเกินไปหน่อย
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ วิชากระบี่บินวิชานี้เป็นวิชาที่ใช้สังหารทรราชย์ ในบันทึกยังบอกไว้อีกว่าวิชานี้นายพลยิเป็นคนคิดค้นขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าวิชาชั้นสูงแบบนี้มันไม่ได้ใช้งานยากอย่างที่คิด ถ้าหากจะวัดระดับจากหนึ่งถึงสิบ กระบี่บินร้อยก้าวคงจัดอยู่ในระดับหก มันไม่ใช่ระดับที่สูงมากนัก
โจวยี่ได้เรียนรู้วิธีใช้งานมันตั้งแต่สมัยมหาลัยแต่เมื่อเขาเอาไปฝึกซ้อม และโอกาสที่เขาทำสำเร็จมีเพียงหกสิบเปอเซนเท่านั้นเอง…
วิชานี้เป็นวิชาที่ใช้ทดสอบความสามารถในด้านต่างๆของผู้ฝึกตนได้ดีทั้งเทคนิค พลังและสมาธิ
“เอาวะเป็นไงเป็นกัน” โจวยี่พูดให้กำลังใจตัวเองเบาๆ จากนั้นเขาจึงค่อยๆใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือข้างที่ไม่ได้ถือกระบี่ยกขึ้นมาชี้ไปยังจานซึ่งอยู่ห่างออกไปสองร้อยเมตร
เส้นใยวิญญาณสีน้ำเงินพันรอบกระบี่ไม้จิงเกอ…
จากนั้นหวังลิ่งจึงสังเกตเห็นว่า จิงเกอนั้นกำลังสั่นอย่างรุนแรง
‘ท่าไม่ดีแห๊ะ!’
สัญชาตญาณของหวังลิ่งบอกว่าจิงเกอนั้นกำลังต่อต้านพลังวิญญาณที่ไม่คุ้นเคยซึ่งมันกำลังจะระเบิดพลังออกมา
ซึ่งจิงเกอจะระเบิดออกมาเป็นหนึ่งในสองอย่าง…
อย่างแรก จิงเกออาจจะปล่อยคลื่นพลังซึ่งทำให้เกิดคลื่นแผ่นดินไหวระยะทางไกลกว่าหมื่นลี้
แต่โอกาสที่จะเกิดอย่างแรกดูเหมือนจะไม่สูงนักเพราะถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงๆ เปลือกตาของหวังลิ่งก็ควรจะกระตุกไปแล้ว
ถ้าหากการระเบิดพลังของจิงเกอไม่มีทางเกิดขึ้นได้เพราะฉะนั้นก็ต้องเกิดอย่างที่สอง…
หวังลิ่งเอามือปิดตาตัวเองเพราะเขาไม่อยากเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นบนเวทีต่อจากนี้
………………………….
โจวยี่ไม่นึกว่าจิงเกอจะปฏิเสธพลังวิญญาณของเขา ทางแก้ไขอยู่ทางเดียวก็คือสะบัดกระบี่วิญญาณบนอากาศเพื่อให้มันใช้พลังวิญญาณส่วนที่ปฏิเสธนั้น
แต่ทว่าเพียงแค่นั้นก็ยังไม่พอที่จะทำให้จิงเกอสงบลง
และจังหวะที่เขาเอากระบี่ลง… ก็เกิดเสียง *พรึ่บ!*
บนอัฒจันทร์เลขาซุนดาคังถูกพลังบางอย่างดึงลงจากเก้าอี้ตรงไปยังโจวยี่ซึ่งอยู่กลางเวทีและกางเกงของเขาถูกฉีกขาด
ภาพที่เห็นต่อมาก็คือ…
ขาสองข้างซึ่งเต็มไปด้วยขนขา…
ก่อนที่ทุกคนจะทันตอบสนองพลังลึกลับนั่นก็ทำหน้าที่ของมันเสร็จสิ้นแล้ว
ภาพตรงหน้าของทุกคนก็คือท่านเลขาซุนดาคังกำลังนั่งขี่คอโจวยี่อยู่กลางเวที
ขนขาของท่านเลขากำลังปลิวไสวตามกระแสลมซึ่งพาดอยู่บนไหล่ของโจวยี่…
“…”
หวังลิ่งมองภาพตรงหน้าอย่างไม่มีความเห็น
อย่างที่สองก็คือ…การนำขาซึ่งมีขนรกรุงรังไปพาดอยู่บนไหล่!
**จิงเกอในประวัติศาสตร์จีนเป็นคนที่ล้มเหลวในการลอบสังหารจักรพรรดิเจิ้ง ซึ่งในตอนนี้ผู้เขียนได้มีการนำเรื่องการล้อเลียนการสังหารในครั้งนั้นขึ้นมาเขียน
คอมเม้นต์