The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 72
ตอนที่ 72 จับต้นขาไว้แน่นๆ
ชื่อเสียงของโจวยี่โด่งดังขึ้นอีกครั้ง… แต่ครั้งนี้เป็นเพราะเขาเป็นชายคนแรกในโลกที่มีโอกาสจับต้นขาของเลขาซุนดาคัง
ฉากประวัติศาสตร์นี้คงจะตราตรึงอยู่ในจิตใจของผู้เห็นเหตุการณ์ไปจนวันตาย!
ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้จับต้นขาของเลขาซุนดาคัง ก่อนหน้านี้เขาผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายรวมไปถึงการต่อกรกับเหล่าเทพปีศาจ นี่ยังไม่รวมถึงชื่อเสียงด้านการทหารของเขา
ครู่ต่อมาทุกคนพยายามวิเคราะห์ว่าอะไรมันเกิดขึ้นกันแน่
การแสดงกระบี่บินร้อยก้าวของโจวยี่ถูกหยุดลง และทันใดนั้นเลขาแก่คนนั้นก็ถูกพลังบางอย่างดึงลงมา เหล่าผู้นำจากทั้งสองโรงเรียนรวมไปถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยรีบออกมาช่วยเหลือ
หวังลิ่งไม่มีทางลืมเหตุการณ์เป็นฉากๆที่เกิดขึ้นตรงหน้าไปตลอดชีวิต
ท่ามกลางกระแสลมอ่อนๆบนเวที ท่ามกลางสายตานับพัน เลขาแก่ปัดฝุ่นที่ติดอยู่บนตัวเขาและค่อยๆลงมายืนด้วยสองเท้าของตัวเอง ขนขาที่กำลังปลิวไสวลู่ตามกระแสลม เลขาซุนดาคังหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับโจวยี่ “โจวยี่น้อย เดี๋ยวนายมาพบฉันหน่อยหลังจบงานนี้”
ทุกคนอยู่ในอาการงุนงง ‘เขาไม่โกรธเลยรึไง?’
ทุกคนรู้ดีถึงกิตติศัพท์ของเลขาแห่งสมาพันธ์หมื่นโรงเรียนจากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมา ทุกคนเข้าใจว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาพบบุคคลผู้ซึ่งจะมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งได้แล้ว!
ถ้าเป็นดั่งที่ทุกคนคิดเหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นการปูทางให้แก่โจวยี่!
“…ท่านเลขา ท่านบาดเจ็บตรงไหนไหม?” อาจารย์ใหญ่จากทั้งสองโรงเรียนถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเนื่องจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนลานประลองล้วนเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา
“หืมเจ็บหรอ? ฉันจะบาดเจ็บได้ยังไง?”
เลขาซุนดาคังยิ้มเจื๋อนๆ “ฉันก็คิดไม่ถึงว่าคลื่นกระบี่ของโจวยี่น้อยจะรุนแรงขนาดนั้น! แม้แต่กางเกงของฉันยังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ… แค่กางเกงฉันเปลี่ยนตัวใหม่ก็ได้! มันเป็นเรื่องปกติที่พลังวิญญาณจะอยู่เหนือการควบคุมเนื่องจากการใช้กระบี่วิญญาณที่ไม่คุ้นเคย โจวยี่น้อยยังฉลาดพอที่จะบังคับคลื่นพลังนั่นมาทางฉัน ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายต่อนักเรียนได้!”
ดันกลายเป็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการตอบสนองที่ฉับไวของโจวยี่…
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้โกรธ ในทางกลับกันฉันคิดว่าพวกเธอควรขอบคุณโจวยี่น้อยเสียมากกว่า เพราะเท่าที่ฉันรู้ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานเขาก็ไม่มีโอกาสได้แตะกระบี่วิญญาณเลย และเริ่มแรกฉันตั้งใจให้เขาโชว์กระบี่ผ่านภา แต่สุดท้ายพวกเธอให้เขาโชว์กระบี่บินร้อยก้าวแทน”
“…”
“แค่นี้มันก็ดีแล้วคลื่นกระบี่อันนี้ทำอะไรฉันไม่ได้ แต่มันอาจจะเป็นหายนะเมื่อมันไปทำให้เหล่านักเรียนบาดเจ็บ พวกเธอควรจะเรียนรู้จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ว่าอย่าบังคับคนอื่นให้ทำอะไรที่เกินกำลังตัวเขาเอง เข้าใจไหม?”
“ท่านเลขาพูดถูก! พวกเราจะจำคำของท่านไว้และนำไปปรับปรุงแก้ไข”
“ต้องขอบคุณโจวยี่น้อยที่เลือกหลีกเลี่ยงความเสียหายไม่เช่นนั้นฉันนึกภาพไม่ออกเลย”
“…”
โจวยี่ยืนอึ้งในสิ่งที่เลขาซุนดาคังพูด
‘นี่เขาได้รับความดีความชอบโดยที่ไม่ได้ทำอะไรอีกแล้วหรือ?’
“…”
ทางด้านหวังลิ่งเขายกมือขึ้นก่ายหน้าผากจากหลังจากที่เขาได้ยินเลขาซุนดาคังสรุปเรื่องราวทั้งหมดอย่างกลับตาลปัดไปหมด
เป็นเพราะการระเบิดพลังของจิงเกอต่างหากซึ่งมันจะลากเอาคนที่มีขนขาเยอะที่สุดในสนามขึ้นมาพาดอยู่บนไหล่ผู้ใช้
ควบคุมพลังวิญญาณไม่ได้อะไร!
การตอบสนองอย่างชาญฉลาดอะไร!
บ้าบอสิ้นดี!
…………………………………..
หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหลายอย่างเกิดขึ้นมันก็ใกล้จะจบสี่วันของการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้ว มันมีประโยคหนึ่งที่ว่า “ไม่มีความขัดแย้ง ก็ไม่เกิดความสามัคคี” ถังจิงเสอคิดว่าประโยคนี้เข้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องแย่ๆที่พวกเขาพบเจอสิ่งเหล่านั้นก็จะฝั่งอยู่ในใจเขาไม่มีวันลืม
และก็มีบางสิ่งบางอย่างที่หวังลิ่งไม่เคยพบเจอมาก่อนมาในชีวิต เขาไม่เคยอาศัยร่วมกันกับคนอื่น เขามักจะหาข้ออ้างในการไม่เข้าร่วมค่ายต่างๆตั้งแต่ประถม แต่ด้วยสาเหตุบางอย่างเขาจึงจับพลัดจับพลูมายังโรงเรียนอันดับ59แห่งนี้ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะมีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นแต่ปัญหาเหล่านั้นก็ไม่เกินความสามารถของเขา
ณ หน้าประตูโรงเรียนอันดับที่59 คนจากโรงเรียนอันดับที่60 กำลังยืนรอรถบัสของพวกเขา
ขณะนี้เป็นเวลาเย็นหลังเลิกเรียนของวันศุกร์ เพื่อความปลอดภัยทางโรงเรียนได้วางแผนการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับรถบัสเพื่อพาเด็กนักเรียนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
หวังลิ่งรู้สึกแย่กับการที่ต้องมาขึ้นรถบัส เพราะการวิ่งหรือแม้แต่การคลานของเขายังเร็วกว่ารถวิ่งเสียอีก…
ถังจิงเสอและลูกสมุนของเขาครุ่นคิดอยู่นานว่าจะออกมาส่งพวกเขากลับดีไหม แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันแต่พวกเขาก็เป็นตัวแทนของโรงเรียนประจำเมืองพวกเขาควรจะแสดงมารยาทที่ดี
ในฐานะตัวแทนจากโรงเรียนอันดับที่59 ถังจิงเสอยื่นมือไปขอจับมือกับซุนหรุงแต่เมื่อเขายื่นมือออกไปกัวหาวก็พูดขัดขึ้นมา “มันเป็นเรื่องไม่สมควรที่ชายและหญิงจะแตะเนื้อต้องตัวกัน นายต้องซื้อบัตรจับมือของซุนหรงเสียก่อน ราคาสามหมื่นหยวน จ่ายมา!”
ถังจิงเสอชักมือกลับ “…แพงขนาดนั้นเชียว?”
“ถ้าหากนายจะมาแค่บอกลา มาจับมือกับฉันก็ได้ ฉันเป็นตัวแทนด้านวิทยาศาตร์และรัฐศาสตร์ห้อง! ฉันมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองโรงเรียน” กัวหาวเอ่ยขึ้น
อีกฝั่งหนึ่งปากของหลายๆคนเริ่มเบ้กับภาพตรงหน้า ดูเหมือนว่าเด็กอ้วนคนนี้จะกลายเป็นคนขี้โม้มากขึ้นมากขึ้นทุกที หวังลิ่งคิดว่าความสามารถพิเศษที่โดดเด่นของกัวหาวคือปากสุนัขของเขานี่แหละ
ความตั้งใจของถังจิงเสอในทีแรกเขาจะมาเพื่อร่ำลาตามมารยาทแต่เดันถูกทำให้โกรธโดยกัวหาว เขาจึงคว้าหมับเข้าที่มือของกัวหาวและพูดขึ้น “เครื่องผลิตพลังวิญญาณของเราถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว พวกเรายินดีตอนรับพวกนายเสมอ!”
กัวห้าว “พวกเราชนะ!”
ถังจิงเสอ “เครื่องผลิตพลังวิญญาณของเราถูกเสริมพลังทำให้ส่งพลังวิญญาณออกมามากกว่าเดิมห้าเท่า!”
กัวหาว “พวกเราชนะ!”
ถังจิงเสอ “โรงเรียนของพวกเราตั้งใจจะติดตั้งลิฟต์ในหอพักนักเรียน!”
กัวหาว “พวกเราชนะเว่ย!”
ถังจิงเสอ “นายช่วยหยุดย้ำผลแพ้ชนะวันนี้ได้ไหม มันจะทำให้ความสัมพันธ์ของโรงเรียนพวกเราแย่ลง!”
กัวหาว “ผู้อำนวยการชี่ของพวกนายตกหลุมรักอาจารย์ประวัติศาสตร์ของพวกเรา!”
ถังจิงเสอ “…”
กัวหาว “รุ่นพี่จอมอันธพาลของพวกนายกลับตัวกลับใจเพราะความมุ่งมั่นในการเรียนของพวกเราโรงเรียนอันดับที่60!”
ถังจิงเสอ “…เปลี่ยนหัวข้อได้ไหม?”
กัวหาว “โจวยี่จากสมาคมร้อยโรงเรียนเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนอันดับที่60ของพวกเรา”
ถังจิงเสอ “ไอแม..เย…!”
คอมเม้นต์