The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 82
ตอนที่ 82 รวมค่าส่งด้วย?
เขาบังเอิญพบของดีงั้นหรือ?
คริสตัลดำต้นกำเนิดนั้นมาจากดาวตกลักษณะพิเศษของมันยากต่อการตรวจจับ และวิธีตรวจสอบธรรมดาก็ใช้กับมันไม่ได้ผลด้วย ซึ่งพ่อค้าหลายคนมักจะเข้าใจผิดระหว่างคริสตัลดำธรรมดากับคริสตัลดำต้นกำเนิด
เหมือนดั่งหน้ากากผีดิบใบนี้ จากรายละเอียดของหน้ากากที่พนักงานขายส่งมาให้เขาดู มันบอกว่าหน้ากากใบนี้ทำมาจากคริสตัลดำ75%และเรซิน25%
มันเป็นหน้ากากธรรมดาที่ไม่ได้มีออพชันอะไรเพิ่มเติม และทางร้านก็ไม่ได้รู้เลยว่าหน้ากากใบนี้ทำมาจากคริสตัลดำต้นกำเนิด ดังนั้นราคามันจึงอยู่ที่600หยวน
หวังลิ่งคิดว่าราคา600หยวนสำหรับคริสตัลดำต้นกำเนิดนั้นไม่แพงเลย แต่เมื่อเช็คเงินในบัญชีพบว่าเขามีเงินเพียง1000หยวน สุดท้ายเขาก็คิดว่ามันยังคงแพงไป
การที่เห็นท่าทีลังเลของหวังลิ่ง พนักงานขายจึงสั่นช่องแชท “คุณลูกค้ายังอยู่หรือเปล่า?”
“ถ้าหากราคามันแพงไปหรือยังไงบอกทางเราได้นะ…พวกเราสามารถลดได้นิดหน่อย ผมจะบอกอะไรให้ ว่าหน้ากากใบนี้จะนำโชครายมายังคุณลูกค้า!”
“…?”
“ไม่ใช่สิ ขอประทานอภัยผมพิมพ์ผิด ผมหมายถึงโชคดีน่ะ”
“…”
นี่เขากำลังล้อเล่นอยู่กับใคร? มีอะไรที่เขาหลอกเราอีกบ้าง?!
สุดท้ายหวังลิ่งขู่ว่าเขาจะรายงานความประพฤติให้แก่ศูนย์บริการลูกค้า ก่อนที่พนักงานจะบอกความจริงแก่เขา “จริงๆแล้ว พวกเราซื้อหน้ากากผีดิบใบนี้มาจากพ่อค้าคนหนึ่ง หัวหน้าของพวกเราชอบเพราะความแปลกของมัน แต่หลังจากพวกเราแขวนมันในร้าน ยอดขายของพวกเราก็ตกฮวบ…หัวหน้าเลยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะคำสาปของหน้ากากใบนี้”
หวังลิ่งจ้องไปยังหน้ากากผีดิบนั่น นอกเหนือไปจากความแปลกของมันเขาก็ไม่รู้สึกถึงอะไรส่งออกมาจากมันเลย
เขายังคงจ้องมันต่อไป เขาอยากให้แน่ใจว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับหน้ากากใบนั้น
จริงๆแล้วหวังลิ่งเป็นคนชอบทำอะไรสนุกๆและตื่นเต้น
แต่หลังจากที่พลังของเขาตื่นขึ้นเขารู้สึกว่าโลกใบนี้มืดหม่นลงทันตา
พนักงานขายยังคงไม่ได้รับสัญญาณตอบรับจากหวังลิ่งจนเขาเริ่มเครียด “คุณลูกค้า…ถ้าหากราคาไม่ถูกใจพวกเราสามารถต่อรองกันได้นะ!”
แม้ว่าหวังลิ่งยังคงสงสัยในตัวของหน้ากากอยู่ จากการที่เขาเห็นท่าทางร้อนใจของพนักงานขายที่คะยั้นคะยอในการขายหน้ากากใบนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกหกเกี่ยวกับเรื่องยอดขายของร้านหลังจากซื้อหน้ากากใบนี้ไป
หลังจากหวังลิ่งขบคิดอยู่สักพัก เขานึงพิมพ์เลขจำนวนหนึ่งลงไป…
เมื่อพนักงานขายเห็นตัวเลข ‘5’ โดดๆบนหน้าจอ เขาแสดงอาการตกใจผ่านทางสีหน้า “คุณลูกค้า แน่ใจนะว่าคุณลูกค้าไม่ได้พิมพ์ 0 ตกไป?” ถ้าหากเป็น ‘50’ พนักงานขายยังคงพอทำใจได้กับราคาของหน้ากากต้องสาปนี้ แต่ถ้าหาก ‘5’ หยวน… ‘นี่มุงคิดว่ามุงซื้อมาม่าห่อ5ยวนรึไง?!’
พนักงานขายรอถึงห้านาทีเต็มกับหน้าต่างแชท…และหลังจากนั้นเขาก็เข้าใจความขี้เหนียวของลูกค้าคนนี้ เพราะเขาไม่แม้แต่จะแก้ไขตัวเลข ทำให้พนักงานขายรู้สึกเหนื่อยใจ
แน่นอนหวังลิ่งนั้นไม่ได้หายไปไหน เขากำลังนั่งรอสัญญาณตอบรับจากพนักงานขายอย่างใจเย็น นี่เป็นเทคติกเล็กๆน้อยๆที่เขาเรียนรู้มาจากแม่ของเขา ผู้ซึ่งมักจะทำแบบนี้ในขณะที่เลือกซื้อข้าวของเข้าบ้าน ในการที่จะเอาชนะพวกพ่อค้าแม่ค้าความอดทนและหลักจิตวิทยาถือเป็นสิ่งสำคัญ…
หลังจากผ่านไปเกือบจะสิบนาที พนักงานขายอีกฝั่งก็จนมุมทนรับแรงกดดันไม่ไหว “ก็ได้! 5 หยวน! ได้โปรดส่งที่อยู่จัดส่งมาด้วยคุณลูกค้า”
หวังลิ่งยังคงเงียบใส่
พนักงานขายจึงพิมพ์ถาม “คุณลูกค้าอย่าบอกนะว่าคุณเปลี่ยนใจ?”
หวังลิ่งเงียบไปชั่วครูและค่อยๆพิมพ์อะไรบางอย่างลงไป “รวมค่าส่งด้วย”
หะ…รวมค่าส่งด้วย?! ซื้อของราคา5หยวน และยังคงอยากให้ส่งฟรี! ลูกค้าภาษาอะไรกันวะเนี่ย? ก็เข้าใจอยู่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอลูกค้าพระเจ้าที่ขี้เหนียวขนาดนี้
ไอลูกค้าขี้เหนียว! พนักงานขายทำได้แต่ร้องไห้และคร่ำครวญภายในใจ…
……………………………
ขณะนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็นของวันเสาร์ในสัปดาห์ที่สามของเทอมแรก
หวังลิ่งรู้สึกว่าเขาทำอะไรไปตั้งหลายอย่างในวันนี้ เขาทบทวนบทเรียนของทั้งอาทิตย์ที่เขาขาดเรียน ทำการบ้านเสร็จทั้งหมด ทำลายล้างห้องแลปใต้ดินซึ่งบังอาจท้าทายเขา…และเขาพึ่งซื้อหน้ากากจากร้านค้าออนไลน์ ตอนนี้เหลือแค่เพียงรอหน้ากากมาส่งโดยชุนฟงเอ็กเพลสซึ่งฟรีค่าขนส่ง
อีกด้านหนึ่ง พ่อของหวังลิ่งและลี่เหมงเหมงยังคงประชุมออนไลน์กันอยู่ กำลังพูดคุยถกเถียงกันถึงพล็อตนิยายของหนังสือเล่มใหม่ และอีกด้านหนึ่ง แม่ของหวังลิ่ง กำลังเดินขึ้นมายังชั้นสองและเคาะประตูห้องหวังลิ่ง “ลูก แต่งตัวให้มันดีๆ พวกเราจะไปรับประทานอาหารข้างนอกกันเย็นนี้”
“…” ‘หืมทานอาหารนอกบ้าน?’
เท่าที่เขารู้ครอบครัวของเขาไม่ค่อยออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากพ่อและแม่ของเขาเป็นห่วงว่าหวังลิ่งจะไปสร้างปัญหาให้แก่ร้านอาหาร ดังนั้นจำนวนครั้งเทียบเท่ากับจำนวนครั้งในการไปทัศนศึกษาของเขา ซึ่งปกติแล้วเขาจะไปทานอาหารนอกบ้านในวันเกิดและช่วงปีใหม่เท่านั้น นอกเหนือไปจากนั้นถ้าหากพวกเขาต้องออกไปกินข้าวนอกบ้านอย่างฉุกละหุกแบบนี้คงเกี่ยวข้องญาติพี่น้องมาเยี่ยม
ซึ่งหวังลิ่งก็เดาถูก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สัมผัสวิญญาณของเขาจับสัญญาณของชายมีอายุกำลังขี่รถมอเตอร์ไซด์สามล้อเคลื่อนตัวเข้าใกล้บ้านหลังนี้
ชายมีอายุคนนั้นค่อนข้างอ้วนและดูท่าทางทุลักทุเลกับการขี่รถ ชายคนนั้นสวมหมวกผ้าสีดำเก่าๆ สวมเสื้อคลุมสีดำ และกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้ม เขาสะดุดเล็กน้อยเมื่อตอนที่เขากำลังลงจากรถหวังลิ่งแอบกลัวว่าชายแก่คนนั้นจะล้มลง
ชายแก่คนนั้นก้มหัวลงเล็กน้อย วางมือลงบนหัวเข่าของเขา ก่อนจะเขาสูดหายใจเข้าพร้อมกับยืดตัวและหัวไหล่ออก จากนั้นเขาจึงค่อยๆเดินกลับไปยังรถมอเตอร์ไซด์สามล้อของเขา แก้มัดเชือกและเลิกผ้าคลุมสีขาวที่คลุมอยู่ออก ภายในกระบะรถสามล้อเต็มไปด้วยแอปเปิล…
แม่ของหวังลิ่งกำลังตากผ้าอยู่ข้างหน้าบ้านและเมื่อเธอเห็นชายร่างอ้วนยืนอยู่ข้างหน้าบ้าน เธอจึงรีบเดินมาหาเขา “พ่อ! ทำไมพ่อถึงมาด้วยตัวเองกับรถมอเตอร์ไซด์สามล้อเนี่ยนะ? พ่อควรจะโทรหาหนูสิ หนูจะได้บอกให้หวังเจียวไปรับ!”
ชายแก่คนนี้มีศักดิ์เป็นคุณปู่ของหวังลิ่งเขายกมืดขึ้นลูบหัวอย่างครุ่นคิด “…หวังเจียว? ใครคือหวังเจียว…”
แม่ของหวังลิ่งถอนหายใจ พ่อของเธอมักจะมีอาการความจำเสื่อมเป็นบางครั้งบางคราว
“ใช่แล้ว! ลูกชายของฉันไง!”
ปู่ของหวังลิ่งลูบหัวของหวังลิ่ง จากนั้นจึงชี้ไปยังแอปเปิ้ลข้างหลังเขา “ฉันมีหลานชายชื่อจิงเกอใช่ไหม? นั่นเป็นส้มที่ฉันซื้อมาฝากหลานชาย อย่าลืมเอาไปให้เขาหล่ะ…”
แม่ของหวังลิ่ง “…”
หวังลิ่ง “…”
คอมเม้นต์