The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 83
ตอนที่ 83 โรคอันเกิดจากการสูญเสีย
ทันทีที่คุณปู่ของหวังลิ่งมาถึงบ้านเขาก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ เพราะว่าเขาอั้นปัสสาวะมาตลอดทาง ถึงแม้ว่าอายุจะปาเข้าไปเจ็ดสิบแล้วแต่ปู่ของหวังลิ่งก็ยังคงแข็งแรงอยู่ ยกเว้นเพียงเรื่องอาการหลงๆลืมๆของแก ผลตรวจร่างกายประจำปีก็ออกมาว่าสภาพร่างกายปกติดี
แม้ว่าคุณปู่จะมีอาการสมองเสื่อมแต่พ่อและแม่ของหวังลิ่งก็ไม่ห่วงมากนัก ที่เป็นห่วงกว่าก็คือเขาจะกลับถึงบ้านครบ32พร้อมกับรถสามล้อของเขาหรือเปล่า
เพราะไม่มีทางที่คุณปู่ของเขาจะขับรถช้าๆ…
เมื่อพ่อของหวังลิ่งได้ยินว่าคุณปู่มาเขาจึงรีบจัดการกับธุระของเขา คุณปู่ของเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เขากลัว เมื่อตอนที่คุณย่าของหวังลิ่งยังมีชีวิตอยู่ พ่อของหวังลิ่งจะกลัวคุณย่ามากที่สุด แต่โชคร้ายที่เธอเสียก่อนที่หวังลิ่งจะเกิดเสียอีกเนื่องจากโรคร้าย
พ่อของหวังลิ่งเสียใจอยู่นาน เขามักจะบ่นอยู่เสมอว่าทำไมหวังลิ่งถึงไม่เกิดให้ไวกว่านี้คุณย่าจะได้เจอหน้าหลาน
แต่น่าเสียดายไม่มีคำว่า “ถ้า” ในชีวิตจริงเพราะชีวิตไม่ใช่โลกละคร…
และเพราะเหตุนี้ที่คุณย่าเสีย ทำให้คุณปู่มีอาการทางจิตและสมองเริ่มเลอะเลือน เมื่อตอนคุณปู่ยังหนุ่มเขาเคยเป็นคาซาโนว่าตัวพ่อมีแค่คุณย่านี่แหละที่ทำให้คุณปู่หยุดได้ เมื่อคุณย่าจากไปเป็นเหมือนพายุมรสุมลูกใหญ่พัดเข้าใส่คุณปู่
ภายในห้องนั่งเล่น พ่อของหวังลิ่งจุดบุหรี่และพูดขึ้น “พวกเราได้จองร้านอาหารสำหรับคืนนี้ไว้หรือยัง?”
แม่ของหวังลิ่งพยักหน้าให้ “ฉันกำลังจองร้านกิ๊กกาโร่ ตอนแรกฉันจองร้านครัวพระเจ้าน้อยไว้ แต่เจ้าของร้านค่อนข้างยุ่ง ฉันยังได้ยินมาว่าราคาข้าวผัดของที่นั่นเพิ่มขึ้นอีกแล้ว! ก่อนหน้านี้สองร้อยแปดสิบแปด ตอนนี้ขึ้นเป็นเก้าร้อยแปดสิบแปด! ปล้นกันชัดๆ!”
หวังลิ่งรู้ว่าร้านนั่นเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากแค่ข้าวผัดซึ่งมีแค่ข้าวกับไข่แต่ร้านก็ยังคงได้รับความนิยมจากบรรดาคนชอบกินอาหารพื้นๆ
เขารู้สึกว่าเจ้าของร้านนั่นค่อนข้างน่าสงสัย เขาต้องเป็นอดีตผู้ฝึกตนฝีมือเก่งกาจหรือไม่ก็คนที่เดินทางจากโลกอนาคตกลับมา…ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีทางขายได้ดีขนาดนั้น
“ไม่เป็นไรร้านกิ๊กกาโร่ก็ไม่เลว”
สายตาของพ่อหวังลิ่งสะดุดอยู่ที่รถสามล้อที่สวนหลังบ้าน “ทำไมถึงมีแอปเปิลเยอะขนาดนี้”
“คุณพ่อเขาซื้อมาเอง เขาจำได้ว่าหลิงหลิงชอบกินส้มเมื่อตอนที่เขายังเด็ก แต่บังเอิญเขาดันซื้อผิดอย่าง…”
“…” พ่อของหวังลิ่งยกมือขึ้นมาปิดหน้า ‘โถ่พ่อนี่อาการทางสมองของพ่อแย่ลงอีกแล้วหรอ’
และดูเหมือนว่าจะมีอาการท้องผูกแทรกซ้อนอีก พ่อของเขาเข้าห้องน้ำไปนานแล้วยังไม่ออกมาเลย…
หวังลิ่งไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เขามีพลังในการรักษาโรคมะเร็งแต่เขาไม่มีทางรักษาโรคทางสมองได้
ที่แย่ไปกว่านั้นโรคของคุณปู่นั้นค่อนข้างซับซ้อนเพราะกระทบกระเทือนมาจากการสูญเสีย ถ้าหากเป็นปัญหาทางด้านร่างกายหวังลิ่งสามารถลงมือได้ทันที ฝีมือการรักษาของเขานั้นยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าหมอผ่าตัดฝีมือดีในปัจจุบัน
ไม่นานก็ได้ยินเสียงชักโครกจากห้องน้ำและไม่นานชายแก่ก็เดินเข้ามายังห้องนั่งเล่น เขาเดินมาจับมือหวังลิ่งและพูดขึ้นว่า “เจียว พ่อไม่ได้เจอลูกมาหลายเดือน ทำไมลูกถึงดูเด็กขนาดนี้? นี่ลูกไปขโมยยาวิเศษคงความอ่อนเยาว์มาอีกแล้วใช่ไหม!”
“…”
“พ่อ! ลูกพ่ออยู่นี่!”
คุณปู่แสดงท่าทางงุนงงไปชั่วครู่ก่อนจะลูบหัวพ่อของหวังลิ่ง “อ้อ! ใช่ ใช่! นี่ลูกฉัน! เด็กคนนี้คงเป็น…จิงเกอใช่ไหม? แล้วหลิงหลิงของเราอยู่ไหน?”
“…”
คุณปู่ของหวังลิ่งเป็นคนขี้แกล้งเขามักจะทำแบบนี้อยู่เสมอ เมื่อเขามาถึงบ้านหวังลิ่ง เขาก็เริ่มแสร้งว่าสมองเลอะเลือน แต่อย่างไรก็ตามหวังลิ่งบอกได้เลยว่าคุณปู่ของเขาอาจจะหลอกหลอกพ่อและแม่ได้สนิทแต่มันไม่ได้ผลกับเขาหรอก
เมื่อพ่อและแม่ของหวังลิ่งเห็นท่าทางของหวังลิ่ง พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าชายแก่คนนี้กำลังแกล้งพวกเขาอยู่ “นี่พ่อ พ่อก็แก่แล้วนะทำไมยังชอบทำตัวเป็นเด็กอีก”
เมื่อคุณปู่พบว่าตัวเองถูกจับได้เสียแล้วเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “หลิงหลิงของเราก็ยังคงแจ๋วเหมือนเดิมว่าแต่ นี่เรากำลังจะทำอะไรกันดีเย็นนี้?”
“พวกเราจะออกไปกินอาหารที่ร้าน ตอนนี้ก็กำลังรอพ่ออยู่คนเดียว”
“ไม่เอาร้านอาหารมันแพงจะตายไม่มีกับข้าวสดในบ้านเหลือบ้างเลยรึไง?” คุณปู่หันมาถามแม่ของหวังลิ่ง
“ก็ยังพอมีอยู่…”
“แค่นั้นก็พอแล้ว!” คุณปู่ถอดหมวกผ้าสีดำของเขาออกเผยให้เห็นหัวล้านของเขา “คืนนี้พวกเธอไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวพ่อจะโชว์อะไรให้ดู”
“คุณพ่อ ฉันคิดว่าพ่อไม่ควรทำนะ…ถ้าหากอาการนั่นมันกำเริบขึ้นมาระหว่างทำอาหารหล่ะ?”
“แล้วมันจะทำอะไรพ่อได้? ถึงแม้ว่าพ่อจะลืมพวกเธอแต่ไม่มีทางที่พ่อจะลืมวิธีทำอาหาร!”
คุณปู่ของหวังลิ่งเป็นคนค่อนข้างดื้อเมื่อเกี่ยวกับการทำอาหาร เพราะก่อนที่เขาจะเกษียณตัวเองเขาเคยเป็นเชฟในโรงแรมติดดาวอยู่นานถึงสี่สิบปี แม้ว่าเขาจะทำอาหารตลอด365วันแต่เขาก็ไม่เคยทำอาหารซ้ำกันเลยตราบใดที่ยังมีวัตถุดิบเหลือ
ชายแก่คนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งผู้ซึ่งสอนลูกศิษย์มาแล้วนับไม่ถ้วนทั้งเด็กและแก่ เมื่อตอนอุตสาหกรรมด้านอาหารยังรุ่งเรือง อาจารย์ของคุณปู่สอนเขาไว้ว่าต้องทำอาหารด้วยความสุข ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังสงสัยว่าอาจารย์ของคุณปู่เป็นใครกันแน่ แต่เขาก็ไม่อยากใช้พลังในการค้นสมองของคุณปู่เพราะกลัวว่าจะไปทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม
“พวกเธอห้ามทำอะไรทั้งนั้น ถึงพ่อจะแก่และสมองของพ่อก็ไม่ค่อยดี แต่ร่างกายของพ่อยังคงแข็งแรงดี หลานของฉันไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตั้งสี่วัน ดูสิว่าเขาผอมลงแค่ไหน!” คุณปู่หันมายิ้มให้หวังลิ่งจากนั้นเขาจึงสวมผ้ากันเปื้อนซึ่งแขวนอยู่หลังประตูห้องครัว
“คุณพ่อ ให้หนูช่วยอะไรไหม?”
“หาน้ำมัน เกลือ ซอสและของอื่นๆที จากนั้นช่วยพ่อดูหน่อยว่ามีอะไรเหลือบ้าง”
“มีผักโขม หัวไชเท้าและหมูนิดหน่อยในตู้เย็น…”
“อืม พ่อเห็นกล้วยอยู่บนโต๊ะ เดี๋ยวพ่อจะใช้มันทำกล้วยแห่งความโกรธ!”
และเมื่อคุณปู่เปิดตู้เย็นตาของเขาก็เบิกกว้าง “หูหมู? น่าจะเอาไปทำหูหมูในซอสข้น!”
ด้วยเหตุผลบางอย่างหวังลิ่งรู้สึกคุ้นกับสไตล์การทำอาหารแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก “…”
คอมเม้นต์