The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 85
ตอนที่ 85 หน้ากากต้องสาป
หลังจากที่พนักงานส่งของออกไปจากบ้านของหวังลิ่ง ก็มีรถเก๋งคันสีดำขับมาจอดหน้าประตูรั้วบ้านของหวังลิ่งและชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับถ่ายรูปบ้านของหวังลิ่งด้วยกล้องSLR(single-lens reflex camera) จากนั้นเขาจึงจิ้มนาฬิกาข้อมือของเขาเพื่อโทรออก “ท่านครับเราแอบตามพนักงานส่งของจนมาถึงจุดหมายแล้วครับ”
“ทำไมถึงนานขนาดนั้น?” น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจดังออกมาจากนาฬิกาโทรศัพท์
“นั่นก็เพราะว่าบ้านหลังนี้มันอยู่ไกลมากครับ มันตั้งอยู่ที่ขอบเมืองซ่งไห่และไม่มีบ้านหลังอื่นเลยในระแวกใกล้เคียงเลยครับนายท่าน”
“แค่ครอบครัวเดียวเนี่ยนะ?”
“ใช่แล้วนายท่าน ผมคิดว่าถ้าพวกเราส่งคนไปขโมยมัน…”
“บ้านเมืองมีกฎหมายนายเข้าใจไหม? โลกใบนี้ก็แสนจะสวยงามทำไมนายถึงมีจิตใจเหี้ยมโหดแบบนี้?” และก็มีเสียงหัวเราะตามออกมาจากโทรศัพท์ “การที่มาซื้อบ้านอยู่นอกเมืองแบบนี้แปลว่าครอบครัวนี้คงจะไม่ร่ำรวย นายสืบประวัติมาหรือยัง?”
“ยังเลยครับ แต่พวกเราก็ได้ทำการแทรกแซงตำรวจท้องถิ่นเพื่อทำการตรวจสอบสำมะโนประชากร น่าจะได้อะไรในเร็วๆนี้”
“โอเค เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปเจรจาวันพรุ่งนี้ ถ้าหากมันใช้แค่เงินแก้ปัญหาได้พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเข้าใจไหม?”
“นายท่านช่างมีจิตใจที่งดงาม!”
“โชคไม่ดีที่เราช้าไป ถ้าหากเราติดต่อซื้อหน้ากากผีดิบนั่นก่อน พวกเราก็ไม่ต้องมาเจอปัญหายุ่งยากแบบนี้” ชายคนที่อยู่ในสายถอนหายใจออกมา “จำไว้นะว่านายต้องจับตาดูพวกเขา หน้ากากผีดิบนั่นสำคัญต่อพวกเรามากและห้ามตกไปอยู่ในมือผู้ใดเป็นอันขาด”
“นายท่าน ข้าน้อยผู้นี้อยากจะถามอะไรโง่ๆหน่อยได้ไหม…ทำไมนายท่านถึงกลัวว่าหน้ากากนี่จะไปตกอยู่ในมือผู้อื่นหรือเพราะว่านายท่านกำลังกังวลกับคำสาปของมัน?”
“มันเป็นอีกเหตุผลนึง…”
น้ำเสียงจากโทรศัพท์เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง “มันก็จริงอยู่ที่หน้ากากนั่นจะนำพาโชคร้ายมาให้ แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆของมันก็คือ พลังของราชาปีศาจกัวผี ราชาแห่งความมืดซึ่งสิงสถิตอยู่ในหน้ากากนั่น…ถ้าหากคนธรรมดาสวมใส่มัน มันมีโอกาสที่หน้ากากนั่นจะบังคับทำพันธะสัญญา และสุดท้ายมันก็จะกลายร่างเป็นภูตผีระดับสูง ซึ่งวิธีทำพันธะสัญญาของมันก็ง่ายมาก ตะขอภายใต้หน้ากากทั้งสองของมันจะเฉาะลงไปที่แก้มของผู้สวมใส่”
“ถ้างั้นครอบครัวนั่นก็กำลังอยู่ในอันตรายสิครับ?”
“หน้ากากผีดิบนั่นจะเลือกแต่เจ้าของร่างที่เป็นเด็ก มันจะไม่สนใจคนแก่หรือคนอ่อนแอ”
เมื่อเขาได้ยินนายท่านพูดเขารู้สึกตกใจ เพราะเขาจำได้ว่าคนที่ออกมารับพัสดุเป็นเด็กนักเรียนผู้ชาย…
“คำถามสุดท้ายนายท่าน! ถ้าหากหน้ากากผีดิบนั่นทำพันธะสัญญาเสร็จสิ้น แล้วพวกเราจะทำยังไง?”
น้ำเสียงจากอีกฝั่งนึงของสายจริงจังขึ้นมากกว่าเก่า “ถ้างั้นก็มีเพียงทางเดียวคือเราต้องฆ่าเจ้าของร่างก่อนที่หน้ากากมันจะยึดครองร่างโดยสมบูรณ์ และใช้กำลังแยกมันออกมา นั่นเป็นเพียงทางเดียวที่ฉันนึกออก เมื่อนายเข้าไปในวันพรุ่งนี้สังเกตด้วยว่าแก้มใครมีรอยเฉาะ”
“รับทราบครับนายท่าน!” ชายคนนั้นตอบรับด้วยเสียงดังและกดวางสายโทรศัพท์ไป
…………………………………
ไม่ใช่ว่าหวังลิ่งไม่เคยซื้อของออนไลน์มาก่อน เขาเคยได้ยินมาว่าชุนฟงเอ็กเพลสนั้นส่งพัสดุตลอด24ชั่วโมงรวดเร็วและปลอดภัย ถือเป็นบริษัทขนส่งชั้นนำของประเทศ
เมื่อหวังลิ่งกลับถึงห้อง เขามองไปยังขนมบะหมี่สิบแพคบนโต๊ะอย่างพึงพอใจ
หวังลิ่งเริ่มคันไม้คันมือที่จะเปิดกล่องพัสดุ เขาจึงหันไปแกะกล่อง ภายในกล่องมีห่อกันกระแทกชั้นนึง และหน้ากากวางอยู่ที่ฐานตั้งหน้ากากอย่างดีภายในห่อกันกระแทก
หน้ากากต้องสาปนี้ ก็ดูน่ากลัวจริงๆอย่างที่พนักงานขายได้คุยเอาไว้ มันมีเขี้ยวอยู่ที่มุมปากของหน้ากาก และมีตะขอเกี่ยวยื่นออกมา ดวงตาที่ทำจากเรซินของมันถูกเคลือบด้วยสีแดงสะท้อนแสงเล็กน้อย
หวังลิ่งจึงเดินไปปิดไฟและพบว่าดวงตาของหน้ากากใบนี้ส่องแสงเหมือนหลอดไฟบ้านของเขาเลย
เมื่อเขาดูใกล้ๆ หวังลิ่งสามารถเห็นรายละเอียดของหน้ากากได้ชัดเจนขึ้น มันมีรอยแตกเล็กๆบนหน้ากากซึ่งไม่น่าจะมีผลต่อการสวมใส่
ตอนแรกหวังลิ่งคิดไว้ว่าคนทำหน้ากากอาจจะไม่รู้ว่ากำลังใช้คริสตัลดำต้นกำเนิดในการสร้างหน้ากาก เพราะถ้าหากคนสร้างมีฝีมือไม่สูงพอจะทำให้เกิดตำหนิแบบนี้
โชคดีที่มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก ก็แค่รอยร้าวเล็กๆซึ่งสังเกตไม่ออกจากรูปถ่าย และคนธรรมดาก็อาจจะมองไม่เห็นมันเช่นกัน
สุดท้ายมันก็แค่5หยวนรวมค่าส่งบวกกับขนมบะหมี่อีกสิบห่อฟรี ถ้าหากเขาให้รีวิวในเชิงลบแก่ผู้ขายมันก็จะดูใจร้ายไปหน่อย
ปกติเขาก็มักจะให้คะแนนรีวิวดีๆกับร้านค้าออนไลน์อยู่แล้ว หลังจากกดยืนยันว่าได้รับของแล้วเขาก็ให้ดาวแก่ร้านค้าห้าดาวและเริ่มเขียนรีวิว
ในขณะที่เขากำลังจะเขียนเขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นช่องสนทนาส่วนตัว “ดูเหมือนว่าคุณลูกค้าจะได้รับพัสดุแล้ว! ขอบคุณสำหรับดาวห้าดาวนะครับ!”
หวังลิ่งคิดว่ามันอาจจะเป็นข้อความอัตโนมัติแต่ทันใดนั้นเองพนักงานขายก็ส่งข้อความมาอีกข้อความ “เมื่อวานมีใครบางคนโทรมาบอกว่า พัสดุเกิดการสูญหายทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก…”
มีใครบางคนโทร?
แต่ไม่ใช่เขาแน่ๆ!
หรือจะมีใครที่ยังคงค้นหาประวัติเขาอยู่?
หวังลิ่งเอามือจับคางอย่างครุ่นคิด
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดต่อ
ถ้าคิดในทางที่แย่ที่สุด มีใครบางคนพยายามสืบค้นที่อยู่จากระบบออนไลน์ และเป็นไปได้ว่าพวกเขาได้แอบดูหน้าต่างสนทนาของเขาด้วย
เขามองไปยังหน้ากากผีดิบ จู่ๆคิ้วของเขาก็เลิกขึ้น หรือเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นๆอีกแล้ว?
หวังลิ่งยืนอยู่หน้ากระจกเงาและสวมหน้ากากลงบนหน้าอย่างระมัดระวัง
สามนาทีผ่านไป…
เขาก็เอามันออกจากหน้า
จากการตรวจสอบเบื้องต้น หน้ากากก็เป็นแค่หน้ากากธรรมดา…
แต่เนื่องจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับคำสาป เขารู้สึกว่ามันคงไม่เป็นไรหรอกมั้งที่เขาจะเก็บหน้ากากนี้ไว้ก่อนและสังเกตมันไปอีกสักพัก
“ลูก ลงมากินอาหารเย็นได้แล้ว!” คุณแม่ของหวังลิ่งตะโกนขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง
หวังลิ่งพยักหน้าและวางหน้ากากลงบนโต๊ะ จู่ๆหน้ากากใบนั้นก็สั่นไหวรวมไปถึงตะขอเกี่ยวทั้งสองของมันด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่หน้ากากผีดิบเจอคนหนังหนาขนาดนี้
ตะขอเกี่ยวของมันไม่สามารถเจาะผ่านผิวหนังของหวังลิ่งได้เลยแม้แต่น้อย
คอมเม้นต์