The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 88
ตอนที่ 88 ลูกชายของคุณหน้าตาเหมือนคุณเลย
หวังลิ่งไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี มันอาจจะไม่เป็นอะไรถ้าหากเจ้าสองสีเป็นสุนัขธรรมดาอะนะ แต่มันดันมีเศษเสี้ยววิญญาณของราชาปีศาจ ถึงแม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนแต่ยังไงก็ยังถือว่าอันตราย
เขารู้สึกว่าคลื่นพลังของสองสีนั้นดูเข้มขึ้นกว่าเมื่อตอนเปิดภาคเรียน ซึ่งหมายความว่าถึงแม้มันจะอยู่ในร่างสุนัขมันก็ไม่ละทิ้งการฝึกตนเลย
ตลอดระยะที่หวังลิ่งไปร่วมงานประลองกระบี่วิญญาณ สองสีก็ไม่ได้ถือโอกาสนี้ในการทำตัวเกเร มันเรียนรู้การที่จะเป็นสุนัขที่ดี ยอมให้เหล่านักเรียนหยิกแก้ม
สองสีกลายมาเป็นที่รู้จักของนักเรียนโรงเรียนที่60ด้วยลักษณะพิเศษของมัน สุนัขพันธุ์อกิตะที่มีขนสีเขียว ชื่อเสียงของมันไม่ได้ดังแค่ในหมู่นักเรียนปีหนึ่งห้องสามแต่ข่าวของมันได้แพร่กระจายไปยังห้องอื่นๆ ในทุกๆวันนักเรียนจากต่างห้องหรือแม้กระทั่งรุ่นพี่ก็จะมาเยี่ยมเยียนพร้อมกับขนมต่างๆนาๆ
ช่วงเวลาดังกล่าวทำให้สองสีได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น มันสามารถที่จะเห่าได้อย่างโปร และท่าทางของมันในตอนที่แทะกระดูกก็ดูเหมือนสุนัขมากกว่าเมื่อก่อน มันพยายามอย่างมากในการที่จะละทิ้งคราบร่างเก่าและปรับตัวให้เข้ากับสังคมของโรงเรียนอันดับที่60 พยายามที่จะเป็นสุนัขเทพหลังจากที่ได้มีโอกาสเกิดใหม่มาในร่างนี้
แต่การที่มันสามารถสร้างความเชื่อใจจากเหล่านักเรียนคนอื่นได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าหวังลิ่งจะเชื่อใจมัน ในความคิดของเขาเจ้าสองสียังต้องฝึกอีกเยอะกว่ามันจะกลายเป็นสุนัขที่เชื่องกับผู้คน เขาเป็นห่วงว่าถ้าหากใครรับเจ้านี่ไปเลี้ยงจะเกิดอันตรายได้
การถกเถียงในห้องเรียนเป็นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีนักเรียนสี่คนที่บอกว่าพวกเขาไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้ ส่วนอีกสิบเอ็ดคนที่เหลือต่างอยากจะรับเจ้าสองสีไปดูแล
กัวหาวพูดไว้ว่าต้องให้มืออาชีพรับเลี้ยงเท่านั้น หวังลิ่งคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าหากสองสีถูกส่งไปให้กัวหาวดูแลผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะขนาดนกแก้วดูปี้ยังสามารถขึ้นเป็นเจ้านายของกัวหาวได้เลย
เมื่อถึงเวลาตัดสิน อาจารย์ป่านไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าสองสีจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักเรียนขนาดนี้
เป็นการตัดสินใจที่น่าหนักใจสำหรับอาจารย์ป่าน เนื่องจากอาจารย์ไม่สามารถตัดสินใจได้ เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า “เอาอย่างงี้เป็นไง อาจารย์จะให้สองสีตัดสินใจเอง?”
‘ถึงอย่างไรก็ตาม สุนัขตัวนี้มันก็ไม่ใช่สุนัขธรรมดาให้มันโชว์ความฉลาดของมันหน่อยละกัน’
เมื่อสิ้นเสียงอาจารย์ป่าน สุนัขขนสีเขียวก็ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่มันติดอยู่ในโรงเรียนมาอย่างยาวนาน ในที่สุดมันก็มีโอกาสออกไปเจอโลกกว้างแล้ว!
โลกที่แสนอบอุ่น สาวสวยแสนน่ารักหน้าอกเท่าแตงโม และรวมไปถึงแมลงตัวอ้วน! แมลงภายในโรงเรียนอันดับที่60แห่งนี้ตัวทั้งเล็กและผอมแห้ง มันอยากที่จะออกไปข้างนอกเต็มทีแล้ว!
แต่ทันใดนั้นเอง ความตื่นเต้นบนใบหน้าของมันก็ดับวูบเมื่อมันมองไปยังหวังลิ่ง
มันเคยเห็นท่าทางแบบนี้มาก่อน
สัญชาตญาณคางคกในตัวมันเตือนว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย
สายตาและจิตสังหารของหวังลิ่งปล่อยออกมาอ่อนๆเป็นอันเดียวกับตอนแรกที่มันเจอในวันสอบสัมภาษณ์…
ท้ายที่สุดเจ้าสองสีเดินอย่างหดหู่ไปหาหวังลิ่ง หูของมันลู่ลงและนอนลงอย่างนอบน้อมบนพื้นข้างๆเท้าของหวังลิ่ง ไม่แสดงท่าทีขัดขืนอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
‘อืม…ดีมาก…’ (รู้ไหมว่านายกำลังทำให้หัวใจของหมาน้อยสลายฮะหวังลิ่ง ผู้แปล)
หวังลิ่งพยักหน้าด้วยความพอใจ
……………………………..
หลังเลิกเรียน หวังลิ่งมองหามุมที่ลับตาคน ทันทีที่เขาพบสถานที่นั้นเขารีบอุ้มสองสีขึ้นมาและพริบตาเขาก็กลับถึงบ้านเรียบร้อย
สองสีตกอยู่ในอาการตกใจ ‘เดี๋ยวนะนี่มันอะไรกัน?! เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น? การเคลื่อนย้ายฉับพลันแบบนี้ หรือว่าวิชาเคลื่อนย้ายขั้นสูง?’
ด้วยการที่มันเคยเป็นราชาปีศาจมาก่อน สองสีรู้เกี่ยวกับพื้นฐานวิชาต่างๆ มันสามารถบอกเลยว่าวิชาที่หวังลิ่งใช้เมื่อกี้ไม่ใช่แค่วิชาธรรมดา แต่เป็นวิชาเคลื่อนย้ายขั้นสูงขั้นสูงสุด ชื่อว่าวิชาเคลื่อนย้ายสวรรค์
nbsp;
ตามตำราโบราณบอกไว้ว่ามันอาจจะใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยปีในการฝึกวิชาขั้นสูงหนึ่งวิชา และใช้เวลาอีกหนึ่งพันปีในการฝึกฝนมัน และอีกหนึ่งหมื่นปีในการเข้าใจมันอย่างถ่องแท้
เด็กผู้ชายอายุเพียง16ปีสามารถใช้วิชาขั้นสูงได้…สองสีรู้สึกว่าการฝึกเป็นราชาปีศาจหนึ่งพันปีของมันนั้นเหมือนสูญเปล่า
ไม่มีใครในโลกที่รู้ความจริงถึงความแข็งแกร่งของหวังลิ่งเท่ามันอีกแล้ว ตั้งแต่หกปีที่แล้วที่มันได้มีโอกาสเผชิญหน้าด้วยร่างคางคกของมันซึ่งแข็งแกร่งที่สุดแล้วในช่วงเวลานั้น และฆ่ามันด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว หกปีหลังจากนั้นเขาคงต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกมากแน่นอน
สองสีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่เมื่อมันคิดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้น แม้แต่มันจะเป็นราชาปีศาจมันก็คอยย้ำตัวเองว่าให้ขยันฝึกฝน แต่เมื่อมันยืนอยู่ต่อหน้าหวังลิ่งมันกลับรู้สึกว่าพลังของมันเองช่างไร้ค่า
และยิ่งในสภาพตอนนี้ซึ่งมันถูกหวังลิ่งอุ้มอยู่ ในใจของมันก็คิดเพียงแต่ว่าต้องเชื่อฟังคำสั่งของหวังลิ่งเท่านั้น
สองสีรู้สึกอับอายในความเป็น(อดีต)ราชาปีศาจของมันจากก้นบึ้งของหัวใจ
เมื่อหวังลิ่งเปิดประตูบ้านเข้าไป เขาก็พบผู้ชายสองคนหน้าตาไม่คุ้นหน้าอยู่ในบ้านของเขา ทั้งสองคนสวมเสื้อสูทและแว่นตาดำ หนึ่งในนั้นกำลังถือกระเป๋าเดินทาง เขามองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยเงินอย่างน้อยก็มีถึงหนึ่งล้านหยวนในนั้น
พ่อของหวังลิ่งยืนอยู่ที่โถงทางเดินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขานำแขกทั้งสองคนไปยังประตูหน้าบ้านไร้ซึ่งรอยยิ้ม “ลาก่อน ขอให้โชคดี”
ดูจากสถานการณ์หวังลิ่งรู้ว่าการเจรจาได้จบลงไปแล้ว
ชายสองคนมองมายังหวังลิ่งและพูดขึ้นว่า “นี่คือ…?”
“นั่นลูกชายผมเอง” พ่อของหวังลิ่งพูดขึ้น
“ลูกชายของคุณหน้าตาเหมือนคุณเลย!”
“…”
เมื่อพ่อของหวังลิ่งได้ยินดังนั้นเขาก็คิดในใจ ‘สึส ถ้าหากเขาหน้าตาไม่เหมือนพ่อของตัวเอง จะให้เขาหน้าตาเหมือนคุณมรึงไง?!’
หวังลิ่งรู้ว่าชายสองคนพยายามจะสร้างความสนิทสนมกับเขา ทันใดนั้น หนึ่งในสองคนนั้นก็ยื่นมือมาทางเขา “สวัสดีหนุ่มน้อย ฉันมาจากแลนด์สเคปเมเนอร์(Landscape Manor)”
แลนด์สเคปเมเนอร์? หลังจากหวังลิ่งทบทวนความจำนิดหน่อย เขาก็นึกออกว่าเหมือนเขาเคยได้ยินชื่อนี้จากโฆษณาทางทีวี ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะขาย…ไวน์หล่ะมั้ง?
หวังลิ่งซึ่งกำลังอุ้มสองสีอยู่มือไม่ว่างที่จะจับมือทักทาย เมื่อชายคนนั้นเห็นเขาจึงชักมือกลับ “ทางแลนด์สเคปเมเนอร์สนใจในตัวหน้ากากโบราณซึ่งคุณหวังซื้อมา พวกเราอยากจะขอซื้อมันต่อด้วยราคาสูง ในวันนี้พวกเขาแค่มาขอเจรจาพร้อมกับความจริงใจเต็มกระเป๋า และผมหวังว่าทางคุณหวังและคุณพ่อที่เคารพของคุณจะคิดทบทวนมันให้ดี แล้วพวกเราจะโทรกลับมาใหม่ภายในอีกสองวัน”
เมื่อพูดจบชายสองคนปลดตัวกันเปื้อนออกจากรองเท้าหนังของพวกเขา ก้มหัวทำความเคารพหวังเจียวและหวังลิ่ง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกจากบ้านไป
หวังลิ่งเหลือบดูรองเท้าของพวกเขาด้วยหางตา…’แค่ราคาของรองเท้าคู่นั้นก็เทียบเท่ากับค่าขนมบะหมี่ประมาณสิบปีแล้ว!’
คอมเม้นต์