The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 90
ตอนที่ 90 ตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง
หลังจากหวังลิ่งได้พูดคุยกับพ่อของเขาแล้ว เขาเริ่มรู้สึกถึงความอันตรายของแลนด์เคปเมเนอร์ ด้วยการที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จุดจบของการเผชิญหน้าระหว่างพวกเขามันอาจจะจบลงแบบไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่
ข้อมูลที่หวังลิ่งมีตอนนี้ค่อนข้างจะจำกัด แม้ว่าเขาจะรู้แลนด์สเคปเมเนอร์มีธุรกิจเบื้องหลังเป็นพวกวัตถุโบราณ แต่เขาก็รู้แค่เพียงผิวเผิน
เขาได้ยินข่าวลือเรื่องคำสาปจากพนักงานขาย ถ้าข่าวลือนั่นเป็นจริงผู้คนน่าจะหลีกหนีจากมันเสมือนว่ามันเป็นตัวแพร่เชื้อโรค คงไม่มีใครบ้าลงทุนใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อหน้ากากต้องสาปนี่หรอก
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ บางทีมันอาจจะมีอะไรบางอย่างกับหน้ากากใบนี้ แต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกอะไรจากมันเลย
ในตอนมื้อค่ำหวังลิ่งกินข้าวอย่างเซื่องซึมเนื่องจากคำพูดของพ่อเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัว…’ลูกแน่ใจนะว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับหน้ากากนั่น? อย่าบอกว่าลูกไม่เคยคิดผิด ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าบางครั้งลูกก็ไม่สามารถตรวจความพิเศษของหน้ากากใบนั้นผ่านวิธีธรรมดา?’
คำถามเหล่านั้นยังคงคอยตอกย้ำหวังลิ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อาจจะเรียกได้ว่าเหนือมนุษย์แต่ยังไงก็ยังคงเป็นมนุษย์อาจจะมีผิดพลาดกันบ้าง
เขาอาจจะเหนือกว่าในเรื่องของพลัง แต่ถ้าเทียบกับผู้ฝึกตนแก่ๆผู้ซึ่งพยายามอย่างหนักเพื่อฝึกฝน เขายังคงห่างชั้นกับคนเหล่านั้นในเรื่องความอดทนและประสบการณ์
หนึ่งควรจะเรียนรู้การประมาณตน
นี่เป็นเรื่องที่พ่อและแม่ของเขาก็สอนเขาตั้งแต่ยังเล็ก
ตลอดการทานอาหารหวังลิ่งเอาแต่คิดถึงเรื่องหน้ากากต้องสาปและแลนด์สเคปเมเนอร์ จนถึงขนาดที่เขาตักข้าวออกมาจากชามแต่ดันทำหกบนโต๊ะ
แม่ของหวังลิ่งมองการกระทำของเขาอย่างสงสัย “ทำไมหลิงหลิงของเราดูใจลอยแปลกๆนะวันนี้?”
คุณปู่มองหวังลิ่งอย่างเป็นห่วงเช่นกัน “อาหารไม่ถูกปากหรอหลาน? หรือหลานอยากจะกินขนมบะหมี่?”
พ่อของหวังลิ่งยิ้มมุมปากและพูดขึ้น “ทั้งสองคนปล่อยหวังลิ่งไปเถอะ ผมพึ่งพูดคุยอะไรบางอย่างกับเขาไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเขากำลังคิดถึงเรื่องเหล่านั้นอยู่ ด้วยพลังของเขาขณะนี้เขาคงไม่จำเป็นต้องกินอะไรเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อพ่อของเขาพูดจบเหมือนหวังลิ่งจะนึกอะไรขึ้นได้ ตบวางตะเกียบลงบนชามอย่างแรงและรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง
เมื่อสองสีเห็นหวังลิ่งขึ้นชั้นสอง มันจึงรีบลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งตามหวังลิ่งไป
คุณปู่มองดตามสองสีที่วิ่งขึ้นไปข้างบน “สุนัขตัวนี้ก็ไม่เลวนะ แม้ว่าหน้าของมันจะอ้วนไปนิด แต่ไม่มีไขมันส่วนเกินบนร่างกายมันเลย มันดูน่าแข็งแกร่งแต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า เอามันไปเป็นยามเฝ้าบ้านได้ไหม?” ชายแก่ถามอย่างสงสัยเพราะลักษณะภายนอกของสองสีมันดูอ่อนแอและน่ารักเกินไป
“สุนัขตัวนั้นมันเคยเป็นราชาปีศาจมาก่อน แต่หลิงหลิงฝึกมันจนเชื่องและตอนนี้เขาเปลี่ยนมันให้อยู่ในร่างสุนัข”
“โอ้…ราชาปีศาจเลยเหรอ! นั่นเยี่ยมไปเลย! แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว! และสุนัขตัวนี้…มันดูคุ้นๆยังไงไม่รู้…มันทำให้พ่อคิดถึงเรื่องบางอย่าง”
“พ่อเคยเจอสองสีมาก่อนเหรอ?” ทั้งพ่อและแม่ของหวังลิ่งพูดขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ชายแก่ยิบไวน์ขาวขึ้นมาจิบและส่ายหัว “เมื่อตอนที่ฉันพ่อเป็นพ่อครัวอยู่ พ่อกำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งขณะนั้นเธอกำลังเรียนจะเป็นครู ท้ายที่สุดก่อนที่พ่อจะสารภาพรัก เธอก็มีแฟนเสียแล้ว ในตอนนั้นพ่อได้ยินข่าวมาว่าแฟนของเธอคบผู้หญิงพร้อมกันถึงยี่สิบสามคนในเวลาเดียวกัน”
“…” ‘คบไปได้ยังไงตั้งยี่สิบสามคน’
ชายแก่ถอนหายใจ “ไอผู้ชายคนนั้นก็เลวเสียไม่มี ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่รีบมีแฟนไปเสียก่อน พวกเราคงได้คบกัน พ่ออยากจะแต่งงานกับเธอมากในตอนนั้น แต่โชคดีที่พ่อพบแม่หลังจากนั้นไม่นาน ไม่เช่นนั้นพ่อคงตามจีบเธอคนนั้น และคงไม่มีลูกในวันนี้”
เมื่อพ่อของหวังลิ่งฟังจบเขาก็ถามออกไปอย่างสงสัย “…แล้วทำไมจู่ๆถึงเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา”
เวลาที่คุณปู่มาทางพ่อและแม่ของหวังลิ่งจะพยายามหลีกเลี่ยงการพูดชื่อคุณย่าที่เสียไปแล้วตรงๆ เพราะกลัวว่ามันจะทำให้อาการทางสมองของคุณปู่กำเริบ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆคุณปู่ก็เอ่ยถึงคุณย่าขึ้นมาเอง ซึ่งนั่นทำให้พ่อของหวังลิ่งสงสัย
คุณปู่ไม่ได้ตอบในทันที เขานั่งนึกถึงคำถามนั้นอยู่สักพักแล้วจึงเอ่ยขึ้น “อืม…มันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พ่อเห็นขนสีเขียวของมัน จู่ๆพ่อก็จำได้ว่าผู้หญิงที่พ่อชอบก็ชอบแต่งชุดสีเขียว…”
“…”
…………………………………
หวังลิ่งกลับขึ้นมายังห้องนอนของเขาและหยิบหน้ากากผีดิบขึ้นมาวางบนโต๊ะเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ไม่เหมือนกับการตรวจเช็คธรรมดาก่อนหน้า ครั้งนี้เขาเปิดตาสวรรค์ของเขา ถ้าหากหน้ากากใบนี้มีอะไรผิดปกติ เขาเชื่อว่าตาสวรรค์ของเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของหน้ากากใบนี้ได้
แต่ก็ยังเหมือนเดิม หวังลิ่งจ้องหน้ากากใบนั้นอยู่นานมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามจากการใช้ตาสวรรค์ตรวจสอบเขาได้ข้อมูลสำคัญมาสองอย่าง
หนึ่งคือดูจากวัสดุที่ใช้ มันเป็นหน้ากากที่แข็งมากซึ่งทำมาจากคริสตัลดำต้นกำเนิด ด้วยความสามารถของตาสวรรค์ซึ่งจะแยกเรื่องจริงและเรื่องเท็จได้ ซึ่งทำให้ไม่มีทางเลยที่ตาสวรรค์จะตรวจสอบหาอะไรไม่เจอ และดูเหมือนหน้ากากจะดูยุ่งยากซับซ้อนกว่านั้น
นี่เป็นข้อมูลที่หวังลิ่งสรุปได้จากการใช้ตาสวรรค์
หน้ากากใบนี้เป็นหน้ากากฝาแฝด ซึ่งมันมีสองใบ ใบแรกใช้เป็นแค่ตัวล่อเพื่อปกปิดสถานที่ที่แท้จริงของหน้ากากต้องสาปอีกใบซึ่งหลบซ่อนอยู่ที่ในสักแห่ง
ใบหนึ่งอยู่ในที่แจ้ง อีกใบหนึ่งอยู่ในที่ลับ
ถ้าหากพวกมันเป็นหน้ากากฝาแฝดจริง ถ้าหน้ากากอันใดอันหนึ่งมีผลอะไรแล้วอีกใบก็ต้องส่งผลเหมือนกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นตาสวรรค์ก็จะไม่สามารถใช้ตรวจสอบหน้ากากที่ไม่ได้ถูกคำสาปได้
นี่เป็นการคาดเดาของหวังลิ่งในขณะที่เขากำลังทานอาหารเย็นซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อน
คำถามก็คือตอนนี้หน้ากากอีกใบหนึ่ง ใบที่ต้องสาปมันอยู่ไหน?
ถ้าตามปกติเขาจะใช้ตาสวรรค์ค้นหาที่อยู่ของมันไปแล้ว
แต่น่าแปลกที่ตาสวรรค์ของเขากลับไม่ได้ผล
‘แปลกมาก…’
แต่หากข้อสันนิษฐานเป็นจริงเรื่องหน้ากากฝาแฝด หน้ากากใบที่ต้องสาปจริงๆ น่าจะไม่ได้อยู่บนโลก! ดูเหมือนว่ามันจะแอบซ่อนตัวอยู่ ณ มิติอื่น
คอมเม้นต์