The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 จุดอ่อนของจอมมารกัวผี
“อะไรนะ?! หน้ากากผีดิบ?” อีกฝั่งนึงของสาย เมื่อเทพมือระเบิดได้เห็นรูปที่หวังลิ่งส่งมาให้ดู มือของเขาก็ขยับอย่างรวดเร็วส่งข้อความและอิโมจิโกรธลงมาให้หลายต่อหลายอัน “น้องลิ่งเกินไปแล้วนะ! นี่กล้าแอบค้นหาเรื่องหน้ากากผีดิบโดยไม่บอกฉันงั้นหรอ ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำกับเรื่องที่น่าสนใจแบบนี้?”
ดูจากคำตอบของเทพมือระเบิด ทำให้หวังลิ่งโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับหน้ากากผีดิบใบนี้เป็นอย่างดี
“แล้วน้องลิ่งได้ตรวจสอบหรือยังว่าหน้ากากผีดิบใบนั้นสร้างมาจากอะไร?” เทพมือระเบิดชิงถามหวังลิ่งมาก่อนที่เขาจะเอ่ยถามคำถามของเขา
หวังลิ่งจึงตอบลงไปเพียงไม่กี่คำ “คริสตัลดำต้นกำเนิด”
“ใช่แล้ว! นั่นก็แสดงว่าหน้ากากใบนั้นเป็นหน้ากากผีดิบจริงๆ! เทพมือระเบิดตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ตามข่าวลือหน้ากากผีดิบนั้นถูกสร้างมาจากคริสตัลดำต้นกำเนิด! แล้วน้องลิ่งไปได้หน้ากากใบนี้มาจากไหน?”
“ออนไลน์ช็อปปิ้ง” หวังลิ่งตอบกลับไปตรงๆ
เออะ…
เทพมือระเบิดชะงักไปครู่นึงเนื่องจากเขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อสิ่งที่หวังลิ่งบอกมาเสียเท่าไหร่
“น้องลิ่ง นายกับฉันต่างก็นับถือกันเป็นพี่เป็นน้องมาหลายปี ได้โปรดบอกความจริงมาเถอะ…ใครกันแน่ที่เป็นคนมอบหน้ากากใบนี้ให้?”
หวังลิ่งยังคงยืนยันคำเดิม “ออนไลน์ช็อปปิ้งจากอินเทอร์เน็ต…”
เทพมือระเบิดขยี้ตาตัวเองครั้งนึงเพื่อทำให้แน่ใจว่าตาเขาไม่ได้ฝาดไป
…จริงจังจากออนไลน์ช็อปปิ้งเนี่ยนะ!
ร้านค้าออนไลน์สมัยนี้ แม้แต่ของวิเศษต้องห้ามก็ยังสามารถหาซื้อได้เชียวหรือ!
เทพมือระเบิดยังคงตกใจกับความจริงที่พึ่งจะได้รับรู้เมื่อสักครู่อยู่ “น้องลิ่ง…นายรู้ไหมว่ามีคนกี่คนที่กำลังตามหน้าเจ้าหน้ากากใบนี้อยู่?”
จากนั้นเขาจึงใช้เวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ลงครู่ใหญ่
“ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือเกี่ยวกับจอมมารกัวผีได้ถูกผนึก ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณก่อกำเนิดและสูงกว่านั้นต่างใช้กำลังออกค้นหาเจ้าหน้ากากใบนี้ ข่าวลือมีอยู่ว่าหากใครครอบครองหน้ากากใบนี้คนผู้นั้นจะได้สมบัติของจอมมารกัวผีและวิชาขั้นสูง…แม้ว่าข่าวลือเหล่านี้จะซาลงไปแล้ว จากการค้นคว้าของฉัน ฉันสามารถบอกได้เลยว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นของเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง และของวิเศษชิ้นนั้นก็ควรค่าแก่การครอบครอง”
หวังลิ่งพิมพ์ ”…” กลับไป
เขาก็ยังสงสัยอยู่ นอกเสียจากเรื่องการสืบทอดวิชา ต่อให้ใช้วิชาสืบสายเลือดขั้นสูง หวังลิ่งก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระไม่ควรค่าแก่การเสียเวลา
การที่จะใช้วิชาสืบสายเลือดขั้นสูงนั้น มันมีเงื่อนไขหลายอย่าง อย่างแรกที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ต้องมีความเข้ากันได้ระหว่างเลือดของผู้ใช้ หวังลิ่งมองว่ามันเป็นอะไรที่หายากเอามากๆเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
จนถึงจุดนี้เขาก็พอจะรู้ว่าการศึกษาของผู้ฝึกตนนั้นเริ่มจะมีปัญหา เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ทั้งรู้ว่าเลือดอาจจะเข้ากันไม่ได้ แต่พวกเขาก็อยากจะลองเสี่ยงดูเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น…
บรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเก่าก็คอยพูดอยู่สม่ำเสมอว่า ผู้ฝึกตนควรจะใช้ความพยายามขยันอดทนของตนเองเพื่อที่จะพัฒนาไปทีละขั้น แต่หวังลิ่งก็ไม่สามารถเห็นด้วยกับเขาพูดเหล่านั้นมากนัก เนื่องจากว่าพลังของเขานั้นมันเกินกว่าของคนธรรมดาจนไม่สามารถอ้างอิงจากประโยคนั้นได้
ดังนั้นผลที่ตามมาของคนที่ฝืนใช้วิชาต้องห้ามก็คือ พวกเขาอาจจะเกิดธาตุไฟเข้าแทรก ลมปราณแตกซ่าน ทำให้พวกเขาสูญเสียพลังไปจนหมดสิ้นหรืออาจจะพิการไปเลยก็เป็นได้
มันเป็นกระบวนการที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก ทางรัฐบาลก็ยังคงประกาศเตือนเกี่ยวกับอันตรายของวิชาต้องห้ามนี้อยู่เสมอ หวังลิ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขายังคงอยากจะลองมันอีก
หวังลิ่งรู้สึกว่าหน้ากากผีดิบใบนี้ไม่ได้มีอะไรเลย ตรงกันข้ามดูเหมือนจะเป็นกับดักที่จอมมารกัวผีเหลือทิ้งไว้อีกต่างหาก
ไม่ใช่แค่เพียงหวังลิ่งที่คิดแบบนี้ เทพมือระเบิดก็คิดเหมือนกับหวังลิ่งเช่นกัน
เทพมือระเบิดได้นำกลับเข้ามายังหัวข้อจอมมารกัวผี “น้องลิ่งรู้ไหมว่าทำไมจอมมารกัวผีถึงหายตัวไป?”
เมื่อเขาได้อ่านคำถาม หวังลิ่งก็เงียบไปครู่ใหญ่ อาจารย์คังพึ่งจะสอนเรื่องราวเหล่านี้มาเมื่อไม่นาน ดังนั้นมันจึงยังชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่ในหัวของเขา
เทพมือระเบิดจึงพิมพ์ต่อ “ฉันเชื่อว่าน้องลิ่งคงรู้นะว่า จอมมารกัวผีมีลูกศิษย์ชื่อชีผี ข่าวลือทั่วไปนั้นบอกว่าชีผีได้ทำการผนึกอาจารย์ตัวเองไว้เพื่อจะดูดพลังมาใช้ แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นเป็นไปด้วยดี”
เทพมือระเบิดพิมพ์ต่อไปว่า “จริงๆแล้ว ณ ขณะนั้นจอมมารกัวผีกำลังศึกษาวิชาที่จะต่อการกับวิชากักขังวิญญาณปีศาจขั้นสูงอยู่…”
เมื่อหวังลิ่งอ่านข้อความจบ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น ไม่ใช่เขาแค่เคยได้ยินชื่อวิชานี้ แต่เขายังเคยใช้งานมันมาแล้วอีกด้วย
วิชานี้ถูกคิดค้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับวิญญาณชั่วร้าย ภูตผี และพวกพรรคมาร มันเป็นหนึ่งในสามพันวิชาขั้นสูง
“วิชากักขังวิญญาณปีศาจขั้นสูงนั้นเป็นวิชาที่ขยาดสำหรับฝ่ายจอมมาร ดังนั้นจอมมารกัวผีจึงหาทางที่จะทำลายวิชานั่น หลังจากศึกษาเป็นรายะเวลากว่าสิบปี มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบคำตอบ และเขาได้ขอใหญ่ลูกศิษย์ของเขา ชีผีใช้วิชากักขังวิญญาณปีศาจใส่ตัวเขาเองเพื่อที่จะทดสอบความสามารถของวิชานั้น…”
หวังลิ่งอยากจะรู้เรื่องราวต่อไปจึงพิมพ์ถามลงไป “จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“จากนั้น? ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…”
เทพมือระเบิดส่งอีโมจิยักไหล่ลงมา “ท้ายที่สุดจอมมารกัวผีก็ถูกผนึกลงไปในหน้ากากผีดิบ และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนเขาจะไม่สามารถหนีออกมาได้ด้วย”
หลังจากที่หวังลิ่งได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะขำดีไหม “…”
“ดังนั้นฉันเลยตามหามันมาหลายต่อหลายปี หน้ากากใบนี้เป็นของวิเศษที่จำเป็นต้องถูกเก็บไว้ เพราะมันอาจจะก่อให้เกิดหายนะได้ถ้าหากมันตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดี หน้ากากผีดิบใบนี้มันไม่ใช่ของวิเศษจริงๆหรอก…แต่วิญญาณจอมมารกัวผีที่ถูกผนึกอยู่ข้างในต่างหากที่เป็นเสมือนของวิเศษเป็นอาวุธพลัววิญญาณ”
“…”
สำหรับจอมมารที่อยู่ในระดับนี้…เขาคิดว่าคงไม่มีจอมมารคนไหนที่จะเป็นเหมือนกับจอมมารกัวผีอีกแล้ว ที่ทดลองวิชาแล้วโดนขังเสียเอง (RIP)
แน่นอนว่า ถ้าหากว่าจะหาคนที่เหมือนกับจอมมารกัวผีที่สุด(ในเรื่องความฉลาด) เขาคิดว่าเจ้าสองสีคงอยู่ในรายชื่อนั่น
หลังจากได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดที่เทพมือระเบิดอธิบายมา ความสงสัยของหวังลิ่งเกี่ยวกับหน้ากากผีดิบก็หมดไป แต่ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้รับคำตอบนั่นคือ หน้ากากใบนี้เป็นหน้ากากแฝดหรือเปล่า เขาจึงพิมพ์ข้อสันนิษฐานของเขาลงไปให้เทพมือระเบิดอ่าน
หลังจากที่เทพมือระเบิดได้อ่านข้อสงสัยของหวังลิ่งที่พิมพ์ถามลงไป เขาก็พยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย “มันก็น่าจะเป็นอย่างที่น้องลิ่งว่ามานะ จริงๆแล้วฉันก็สงสัยกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน…ว่ามีคนตั้งหลายคนตามหาหน้ากากใบนี้เป็นเวลาหลายปี แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงไอวิญญาณของจอมมารกัวผีได้เลย ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น? แต่ถ้าหากพวกเราลองคิดในมุมเดียวกันกับของน้องลิ่ง ทุกๆอย่างก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล ฉันก็รู้สึกว่าหน้ากากที่น้องลิ่งครอบครองนั้นเป็นเพียงแค่ตัวก๊อปปี้ และของจริงนั้นยังคงหลบซ่อนอยู่ แต่ถ้าจะให้ชัวร์ ฉันคิดว่าฉันต้องขอดูของจริงก่อน น้องลิ่งคิดว่าพวกเราควรจะไปนัดเจอกันหน่อยดีไหม?”
นัดเจอ?
หวังลิ่งอยากจะปฏิเสธในทีแรก
แต่เมื่อเขาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของหน้ากากผีดิบแล้ว เขาจึงพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆว่า “งั้นมาเจอกันที่บ้านของตระกูลหวัง” …
คอมเม้นต์