The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 103
ตอนที่ 103 สถานการณ์อันน่าอึดอัดของเทพมือระเบิด
หลังจากเทพมือระเบิดเดินทางมาถึงบ้านของครอบครัวหวัง เขาก็ลงนั่งบนโซฟาที่ซึ่งพ่อของหวังลิ่งบอกให้ไปนั่งอย่าไม่กล้าขัดคำสั่ง
เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยและคิดในใจว่า…’ถ้าหากคุณพ่อและคุณแม่หวังเปรียบเสมือนเทพปีศาจที่อายุกว่าพันปี คุณปู่หวังคนนี้ก็คงอยู่ระดับเทพเจ้าผู้สร้างโลกแล้ว!’
“พ่อ เดี๋ยวผมจะแนะนำเพื่อนของหวังลิ่งให้รู้จัก…นี่คือน้องเล่ย” พ่อของหวังลิ่งพาคุณปู่มาแนะนำให้เทพมือระเบิดรู้จัก
“โอ้ คนนี้หรือเพื่อนของหวังลิ่ง!” ชายแก่พยักหน้าให้กับเทพมือระเบิด
แม้ว่าคุณปู่ของหวังลิ่งจะมีปัญหาทางด้านสมอง แต่ความฉลาดของเขายังคงปกติดี เขาทำงานเป็นเชฟมานาน เคยทำอาหารให้ผู้ฝึกตนมีฝีมือมานับไม่ถ้วน เขามองชายหนุ่มตรงหน้าปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
จากการที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ฝึกตน ชายแก่รู้สึกว่าเขาต้องระมัดระวังคำพูดก่อนที่จะพูดออกไป และขณะที่ชายแก่กำลังคิดคำพูดอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มในชุดขาวตรงหน้าก็ยืนขึ้นและจับมือทักทายเขาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “สวัสดีครับ ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยชื่อว่า เล่ย เหมาเร็น ฉายาของผมคือเทพมือระเบิดครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านผู้อาวุโส!”
‘เดี๋ยวนะ…ทำไมเขาถึงเรียกฉันว่าผู้อาวุโส?’
เมื่อชายแก่ได้ยินเทพมือระเบิดเรียกเขาว่า “ผู้อาวุโส” เขารู้สึกงุนงงไปพักนึง
‘หรือบางทีมันเป็นธรรมเนียมในโลกของผู้ฝึกตน…’
ชายแก่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก โบกมือส่งสัญญาณว่าให้นั่งลงและเริ่มพูดคุย “แล้วน้องเล่ยทำงานอยู่ที่ไหนหล่ะ?”
มันเป็นแค่เพียงคำถามธรรมดาทั่วไป แต่กลับทำให้ เล่ย เหมาเร็น ถึงกับครุ่นคิดหนัก
‘ถ้าหากเขาบอกความจริงไปว่าเขาเป็นเจ้าของเว็บบอร์ดบนอินเทอร์เน็ตมันคงจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในการสร้างความประทับใจให้กับท่านผู้อาวุโส!’
เพราะว่าในสายตาคนอื่น การเป็นเจ้าของเว็บบอร์ดเปรียบเสมือนงานที่ไม่ได้ถือว่าดีอะไรมากนัก
หลังจากที่เทพมือระบิดครุ่นคิดอยู่ครู่นึง เขาก็ตัดสินใจพูดออกไป “ผมเป็นเจ้าของเว็บไซต์เว็บหนึ่ง ซึ่งจะตอบรับคำขอจากประชาชน และช่วยเขาด้วยพละกำลังเหล่าผู้ฝึกตน อาจจะถือได้ว่าเป็นการบริการสาธารณะ”
“นั่นมันเยี่ยมมากเลยนะ”
ชายแก่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและกล่าวชมเชย “ปัจจุบันมีเด็กหนุ่มจำนวนไม่มากหรอกนะที่จะคิดถึงผู้อื่นแบบนี้ การทำความดีแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตราบใดที่เธอยังคงยึดมั่นในหลักการของตนเอง เธอคงประสบความสำเร็จสักวันใดวันหนึ่ง…”
“ท่านผู้อาวุโสได้โปรดชี้แนะด้วย…”
“เธอเคยได้ยินคำที่ว่า “จากส่วนรวมเพื่อส่วนรวม” หรือเปล่า?”
“…” เล่ย เหมาเร็น รู้สึกว่าเขาน่าจะผ่านการสร้างความประทับใจแรกกับผู้อาวุโสท่านนี้แล้ว เขาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
สองสีนอนกลิ้งไปมาอยู่บนชั้นสองอย่างเกียจคร้านในขณะที่กำลังแอบฟังชายหนุ่มและแก่ทั้งสามคนคุยกันเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้
หลังจากเสร็จสิ้นการพูดคุยกันของทั้งสามชายหนุ่มและแก่ แม่ของหวังลิ่งซึ่งสวมใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่หันมามองทั้งสามคนในห้องนั่งเล่น “หลิงหลิงพึ่งส่งข้อความมาว่า อาจารย์ป่านนั้นรั้งตัวเขาไว้เรื่องการสอบวันนี้ เขาอาจจะกลับช้าหน่อย”
“ไม่เป็นไรๆ วันนี้มีอาหารเยอะแยะให้ทำ กว่าหวังลิ่งจะกลับมาพวกเราก็น่าจะเริ่มรับประทานอาหารกันพอดี”
ชายแก่ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อช่วยแม่ของหวังลิ่งทำอาหารเย็น
“น้องเล่ยคงเดินทางมาเหนื่อยมากเลยสินะวันนี้ แถมยังนำไวน์คุณภาพดีมาด้วย นี่พ่อ พ่อคงต้องโชว์ฝีมือที่แท้จริงแล้วหล่ะ”
“แน่นอน” ชายแก่โบกมือเป็นเชิงว่าแค่นี้สบายมาก และชายแก่ก็เดินไปสวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวซึ่งแหวนไว้บนราวแขวนเสื้อ มีคำว่า “SPECIAL” ปักไว้ที่ชายชุดคลุม ซึ่งมันทำให้ชายแก่ดูมีความน่าเกรงขาม
เทพมือระเบิดรู้สึกตกใจที่เห็นชายแก่เปลี่ยนอารมณ์อย่างกะทันหัน หลังจากที่ชายแก่ในชุดคลุมสีขาวเดินหายเข้าไปในครัว เขาก็หันไปถามพ่อของหวังลิ่ง “รุ่นพี่หวัง จะเป็นอะไรไหมที่ผมจะขอถามอะไรสักหน่อย…คุณปู่เคยทำอะไรมาก่อนหรอครับ?”
“เชฟ”
พ่อของหวังลิ่งตอบกลับมาสั้นๆ
“เชฟ?!” แค่เพียงคำตอบสั้นๆนั้นก็ทำให้เทพมือระเบิดร้องออกมาด้วยความตกใจ
ผู้อาวุโสผู้ซึ่งมีอายุมายาวนานกว่าพันปีเคยเป็นเชฟมาก่อน…เมื่อวิเคราะห์เรื่องทุกอย่างแล้ว เทพมือระเบิดก็คิดออกแค่เพียงคนเดียว…’หรือว่าเขาคือตำนานเชฟพลังไฟน้ำแข็ง!’ (the legendary Magic Chef of Fire and Ice)
…………………………………..
หลังจากเวลาผ่านไปชั่วโมงนึง อาหารเย็นก็พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารของครอบครัวหวัง อาหารซึ่งทำขึ้นเองกับมือส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลออกมาตลบอบอวลทั่วทั้งบ้าน
แม่ของหวังลิ่งถอดผ้ากันเปื้อนออกและมองไปยังนาฬิกาประจำบ้านก่อนที่จะขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าคงอีกสักพักกว่าหวังลิ่งจะกลับมาถึงบ้าน น้องเล่ยหิวหรือยังจะทานอาหารเย็นก่อนไหม?”
เมื่อเทพมือระเบิดมองไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารและคิดในใจว่ามันเป็นเกียรติแค่ไหนที่ได้กินอาหารฝีมือเชฟพลังไฟน้ำแข็งในตำนานคนนี้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะรับประทานก่อน…เขาได้แค่จ้องอาหารเหล่านั้นแหละพยายามคิดว่าอาหารเหล่านั้นทำมาจากอะไรบ้างและมีเบื้องหลังอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น หมู่ตุ๋นซอสแดงและผัดผักโขม พวกนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าที่จะกลายมาเป็นอาหารหน้าตาน่ารับประทานเช่นนี้
กฎการรับประทานอาหารภายในครอบครัวหวังไม่ได้มีอะไรมากนัก พวกเขาก็เป็นแค่ครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง
“ทำตัวตามสบายนะน้องเล่ย อยากกินอะไรก็กินได้เลย” ชายแก่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางกระอักกระอ่วนใจ เขาจึงตักบร๊อกโคลี่ไปใส่จานของชายหนุ่ม
เทพมือระเบิดจู่ๆก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และลงไปนั่งกับพื้นคำนับชายแก่ “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสเป็นอย่างสูงครับ!”
“…”
พ่อและแม่ของหวังลิ่งซึ่งนั่งอยู่ถัดไปจากพวกเขามองการกระทำอย่างงุนงง พวกเขารู้สึกว่าเมื่อคราวก่อนที่เจอน้องเล่ย เขายังดูท่าทางน่าเกรงขามกว่านี้ แล้วทำไมเขาถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ อะไรทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปขนาดนั้น?
ทั้งคู่มองไปยังเทพมือระเบิดซึ่งยังคงนั่งอยู่บนพื้น เขาถือจานไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วค่อยๆยกขึ้นมามองว่าเมื่อสักครู่เขาได้รับอะไรมาจากผู้อาวุโส
บร๊อกโคลี่?
ทำไมท่านผู้อาวุโสถึงให้บร๊อกโคลี่แก่เขา? มันมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่?
เทพมือระเบิดยกมือขึ้นจับคางอย่างครุ่นคิด
“น้องเล่ยทำไมเธอถึงยังไม่กินอีก? หรืออาหารไม่ถูกปาก?” เมื่อชายแก่เห็นว่าชายหนุ่มในชุดขาวตรงหน้ายังคงไม่ได้เริ่มรับประทานอาหาร เขาจึงตักซุปใส่ถ้วยซุปของเขา “ของเปรี้ยวๆจะช่วยเพิ่มความอยากอาหารของเธอได้ มาๆ ลองชิมซุปมะเขือเทศไข่น้ำของฉันหน่อย”
ซุปมะเขือเทศไข่น้ำ?
ทำไมท่านผู้อาวุโสถึงตักซุปมะเขือเทศไข่น้ำให้เรากัน? มันมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่?
ณ ขณะนี้ เทพมือระเบิดรู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเพราะเขาคิดไม่ออกว่าสิ่งที่ชายแก่ทำให้เขามันมีความหมายอย่างไร
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
เทพมือระเบิดคิดว่าเขาก็เคยผ่านการแก้ไขปริศนามามากมายนับไม่ถ้วนในโลกใบนี้ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันสมองของเขาไม่มีค่าอะไรเลย เขาไม่สามารถที่จะวิเคราะห์ปริศนาตรงหน้านี้ได้ แสดงว่าการฝึกตนของเขานั้นยังไม่เพียงพอ!
เขาได้แค่จ้องไปยังบร๊อกโคลี่และซุปมะเขือเทศไข่น้ำอย่างอับจนหนทาง
สองสี: “ไอโง่! แกก็กินๆมันไปเถอะ กินเงียบๆไม่เป็นรึไงคิดอะไรเยอะแยะ?!”
คอมเม้นต์