The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 104
ตอนที่ 104 ฉันคิดว่าอาจจะยังทันนะ…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา แม่ของหวังลิ่งเก็บจานอาหารมื้อเย็นไปส่วนหนึ่งเหลือไว้แค่เพียงของที่หวังลิ่งชอบ และนำมันไปใส่ไว้ในตู้เย็น ส่วนสามีและพ่อตาของเธอยังคงคุยกับน้องเล่ยอีกครู่ใหญ่ ก่อนที่จะพากันแยกย้ายขี้นชั้นสองไป สามีของเธอต้องรีบขึ้นไปปั่นต้นฉบับนิยาย ส่วนพ่อตาของเธอก็ง่วงนอนตามประสาคนแก่
ตั้งแต่ชายแก่เกษียณอายุเขาก็แทบจะไม่มีโอกาสได้พบเจอผู้ฝึกตนเลย เขาเคยอยากรู้เรื่องของคนพวกนี้มากและยังเคยได้ยินมาว่าเหล่าผู้ฝึกตนจำเป็นต้องพึ่งโชคหรือตัวช่วยในการที่จะฝึกวิชาสำเร็จ…แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบร๊อกโคลี่กับซุปมะเขือเทศไข่น้ำจะส่งผลเช่นนั้นได้เหมือนกัน
ก่อนที่ชายแก่จะจากไป เขาได้วางมือบนไหล่ของเทพมือระเบิด เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของชายหนุ่มคนนี้ เขาเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้มาก่อน เมื่อสมัยตอนที่เขายังคงเป็นเชฟ เขาได้ยินเรื่องเล่าของผู้ฝึกตนมาเยอะ และจำนวนไม่น้อยก็เป็นเรื่องการพยายามที่จะฝึกวิชา แต่ผลสุดท้ายก็โดนวิญญาณร้ายเข้าครอบงำทำให้สูญเสียพลังไป…
ปู่ของหวังลิ่งบอกชายหนุ่มตรงหน้าว่า “อย่าคิดมากเลยเรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆคิดเดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง”
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มตรงหน้าเขาก็ยืนตัวตรงราวกับว่าเขาโดนไฟดูด “ขอบคุณที่ชี้แนะครับท่านผู้อาวุโส! ผมจะไม่ลืมคำสอนนี้เลยครับ!”
ปู่ของหวังลิ่ง “…”
สองสี “…”
เมื่อหวังลิ่งกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นชายหนุ่มสวมชุดสีขาวกำลังยืนเอามือไขว้และก้มลงมองบร็อคโคลีกับซุปมะเขือเทศไข่น้ำอยู่
สองสีบอกหวังลิ่งว่าชายคนนี้ยืนอยู่ในท่านั้นมาเป็นชั่วโมงแล้ว…
ทั้งพ่อและปู่ของเขาอยู่บนชั้นสองเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้แม่ของเขาอยู่เป็นเพื่อนเล่ยเหมาเร็น ซึ่งชายหนุ่มยืนจ้องบร็อคโคลี่กับซุปมะเขือเทศไข่น้ำมาตลอดไม่พูดไม่จากับเธอเลย
เมื่อเห็นว่าหวังลิ่งกลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ “หลิงหลิง ลูกคิดว่าน้องเล่ยเขามีอาการเป็นโรคซึมเศร้าไหม?”
หวังลิ่งจ้องไปยังชายหนุ่มในชุดขาวพักหนึ่ง “…”
จากนั้นเขาจึงเดินไปลากคอเสื้อของเทพมือระเบิดขึ้นชั้นสองไปแบบไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เมื่อแม่ของหวังลิ่งเห็นว่าเทพมือระเบิดโดนลากขึ้นไปชั้นบนแล้ว เธอก็เริ่มเก็บกวาดเศษอาหารและทำความสะอาดโต๊ะกินข้าว
ในขณะที่เทพมือระเบิดกำลังถูกลากไป เขาเหลือบไปเห็นว่าแม่ของหวังลิ่งกำลังเทซุปมะเขือเทศไข่น้ำทิ้ง ทันใดนั้นเองเขาก็ร้องออกมาอย่างตกใจ “ไม่นะ! ซุปมะเขือเทศของผม!”
“น้องลิ่ง! ฉันคิดว่าซุปมะเขือเทศไข่น้ำชามนั้นยังสามารถกู้คืนกลับมาได้…ถ้าหากนายกับฉันออกไปตอนนี้อาจจะยังทันที่จะเก็บกู้มันจากโรงงานบำบัดน้ำเสียก่อนที่จะถูกปล่อยลงทะเลน้ำแข็งนะ!”
“…”
“โอเค น้องลิ่ง…ฉันรู้ว่าฉันเวอร์ไปนิด แต่อย่างน้อยได้โปรดเก็บบร็อคโคลี่ที่ท่านผู้อาวุโสอุตสาห์เลือกมาให้ฉันด้วยเถอะ…ฉันอยากจะเก็บมันไว้ในคอลเล็คชันของฉัน!”
“…”
…………………………………
แม้ว่าหวังลิ่งจะไม่เจอเทพมือระเบิดมานานแล้ว เขารู้สึกว่าระดับความฉลาดของเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่ที่เปลี่ยนไปเยอะก็คือเขาดูประสาทหลอนๆพิกล
ภายในห้องนอนของหวังลิ่ง หวังลิ่งหยิบเอากล่องไม้ออกมาจากใต้เตียง เขามักจะใช้กล่องไม้ใบนี้ในการเก็บยันต์ผนึกอันเก่าของเขา รวมไปถึงอันที่พึ่งถูกเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้ด้วย ตอนนี้มีทั้งหมดห้าอันด้วยกัน
ในขณะที่พลังของของยันต์ผนึกนั้นลดลงซึ่งใช้กับหวังลิ่งไม่ได้ผลแล้ว แต่พวกมันก็ยังคงใช้งานได้อยู่ เขาได้ใส่หน้ากากผีดิบไว้ในกล่องใบนี้เพื่อที่จะให้ยันต์ผนึกช่วยสะกดพลังของหน้ากากผีดิบเอาไว้
“นี่หรือคือหน้ากากผีดิบที่เขาพูดถึงกัน?” เมื่อหวังลิ่งหยิบหน้ากากออกมาจากกล่อง ชายหนุ่มในชุดขาวซึ่งยืนอยู่ข้างเขาก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
หน้ากากผีดิบนั้นดูเก่ากว่าที่เขาคิดเอาไว้ มันมีสีตาที่แปลกประหลาด และตะขอเกี่ยวที่ดูน่ากลัว ไม่มีการตกแต่งสีสันอะไรเลย…ถ้าหากชายหนุ่มในชุดขาวไม่เห็นมันกับตาตัวเอง เขาคงไม่มีทางที่จะได้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนแบบนี้ เหมือนดั่งที่เขาเคยเห็นทางอินเทอร์เน็ต
เทพมือระเบิดจ้องไปยังหน้ากากใบนั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกบางเรื่องขึ้นมาได้และถามหวังลิ่งออกไปด้วยความตกใจ “น้องลิ่งได้ลองใส่มันแล้วหรือยัง?”
หวังลิ่งพยักหน้าและตอบไปว่าเขาใส่มันเข้าไปแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเขาจึงถอดมันออกมา
“…น้องลิ่งจะบอกว่านายถอดมันออกเองหรอ?!”
“จากการที่ฉันตรวจสอบเรื่องหน้ากากผีดิบมากว่าหลายปี ฉันสามารถสรุปได้ว่าหน้ากากใบนี้เป็นของแท้ แต่ฉันก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางหย่าง ฉันคิดว่าตะขอเกี่ยวของหน้ากากผีดิบทั้งสองด้านมันดูงอๆ…อย่างแรกฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นของปลอมหรือของที่ทำลอกเลียนแบบ แต่เมื่อวิเคราะห์จากสิ่งที่น้องลิ่งพูดไปเมื่อกี้แล้ว…”
‘นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร?’
หวังลิ่งรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับคำพูดของเทพมือระเบิด
“อธิบายง่ายๆนะ เมื่อตอนน้องลิ่งลองสวมหน้ากากผีดิบนั่น จริงๆแล้วมันพยายามที่จะยึดครองร่างของน้องลิ่ง จากบันทึกเขาบอกว่าการที่มันจะยึดครองร่างได้นั้นมันจะต้องเจาะใบหน้าของผู้สวมใส่เข้าไปด้วยตะขอเกี่ยว…”
“…”
“แต่จากที่เห็นตอนนี้ก็คือหน้ากากผีดิบในนั้นล้มเหลวในการยึดครองร่าง…”
“…”
เมื่อเทพมือระเบิดพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าผิวหนังที่หนาของน้องลิ่ง จะทำให้หน้ากากผีดิบใบนั้นสูญเสียความมั่นใจในตนเองไป”
“…” ‘ what!’
“แต่อย่างไรก็ตาม มันอาจจะนำพาปัญหามายังน้องลิ่งได้ถ้าหากหน้ากากใบนี้ยังอยู่กับน้องลิ่งหล่ะก็ เอางี้เป็นไงยกหน้ากากใบนี้ให้ฉัน? เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเก็บรักษาเจ้าหน้ากากใบนี้ให้เอง” เทพมือระเบิดยกมือขึ้นทาบอกตัวเองเพื่อแสดงความมั่นใจว่าตนเองจะสามารถรับมือกับหน้ากากใบนี้ได้
เมื่อหวังลิ่งได้ยินคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เขาคิดถีงการที่จะต้องรับมือกับองค์กรแลนด์สเคปเมเนอร์ หวังลิ่งคิดว่ามันคงจะดีกว่าที่จะให้ชายตรงหน้ารับผิดชอบมันยิ่งไปกว่านั้นโชคชะตาของเขาและชายหนุ่มในชุดขาวคนนี้ก็มีความคล้ายคลึงกันถึง70% แต่ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการแลกเปลี่ยน…หวังลิ่งรู้สึกว่าเขาไม่สามารถที่จะเสียเงินไปเปล่าๆแบบนี้ (จำได้ว่า5หยวนไม่ใช่หรอ…ผู้แปล)
หลังจากเงียบไปนานชายหนุ่มในชุดขาวก็ได้ยินเสียงผ่านทางโทรจิตและเขาก็แสดงท่าทางประหลาดใจออกมา “อะไรนะ?ประชุม?น้องลิ่งนี่นายจะบอกว่านายจะให้หน้ากากใบนี้กับฉัน ถ้าหากฉันยอมไปร่วมงานประชุมงั้นหรอ?”
หวังลิ่งพยักหน้าเบา
“น้องลิ่งนี่มันเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะ นายแทบไม่ต้องใช้หน้ากากมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ แค่นายขอให้ฉันไปฉันก็ไปแล้ว! ว่าแต่นายให้ฉันไปงานประชุมเกี่ยวกับอะไรหล่ะ?”
หวังลิ่งยิ้มเจื๋อนๆและวางจดหมายแจ้งผู้ปกครองสำหรับรายละเอียดการประชุมผู้ปกครองของโรงเรียนอันดับที่60 ลงบนมือของเทพมือระเบิด
“…”
คอมเม้นต์