The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 108
ตอนที่ 108 ทุนการศึกษาของหวังลิ่ง
ตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมา โจวยี่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับโครงการการกุศลทุนการศึกษาสำหรับช่วยเหลือนักเรียนยากจนในเขตชนบท ทุนการศึกษานี้ได้มาจากการบริจาคของหลายองค์กรด้วยกัน และม่านน้ำฮวงโหก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นครั้งแรกที่โครงการนี้ได้ถูกจัดขึ้นในเขตไป่หยวน เมื่อโจวยี่เห็นชื่อหวังลิ่งอยู่ในรายชื่อผู้รับทุน เขาถึงชะงักไปครู่ใหญ่
ชื่อของหวังลิ่งนั้นถูกใส่เข้ามาโดยอาจารย์ใหญ่เช็นซึ่งอาจารย์ป่านเป็นคนเสนอเข้าไปพร้อมกับอธิบายถึงความยากจนและสถานะครอบครัวของหวังลิ่ง ในยุคที่บ้านก็ราคาไม่ได้แพงมากเหมือนสมัยก่อน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถซื้อบ้านและย้ายเข้ามาอาศัยในเขตใกล้โรงเรียนได้ ในทุกๆวันหวังลิ่งจะต้องตื่นแต่เช้าและใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการนั่งรถบัสมายังโรงเรียน และยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่สามารถที่จะซื้อกระบี่ดีๆมาใช้ดั่งเช่นในงานประลองกระบี่วิญญาณที่ผ่านมา
โจวยี่ก็แอบรู้สึกสงสารอาจารย์น้อยของเขาเช่นกัน แน่นอนว่าเขาควรจะเอาใจใส่อาจารย์น้อยมากกว่านี้ ถ้าหากอาจารย์น้อยกำลังลำบาก ไม่มีทางเลยที่ลูกศิษย์อย่างเขาจะเพิกเฉยได้
รัฐบาลได้จัดสรรงบในการกุศลครั้งนึ้ค่อนข้างมาก แต่จำนวนผู้ที่ได้รับทุนก็ไม่สามารถได้รับครบทุกคน หน้าที่ของโจวยี่ในตอนนี้ก็คือคัดแยกนักเรียนที่มีสถานะปานกลางจริงๆ และเด็กรวยที่เสนอชื่อตัวเองเข้ามาเพื่อความสนุก
มันใช้เวลาไปทั้งสิ้นสองวันในการสรุปจำนวนเด็กนักเรียนในเขตไป่หยวนจากเด็กกว่าสามล้านคนเหลือเพียงสามพันคน
หลิน เสี่ยวคง เป็นหนึ่งเคสที่เด็กรวยเสนอชื่อเข้ามาเพื่อความสนุก เด็กคนนี้เป็นลูกของคนที่มีฐานะและเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งประเทศ เขาเป็นคนที่ชอบพูดจาใหญ่โตและชอบดูถูกคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ เพราะว่าพ่อของเขาคือ หลิน สิคง “พ่อของฉันชื่อสิคง” นี่เป็นคำพูดที่เด็กคนนี้มักจะพูดออกมาบ่อยๆ
โจวยี่เป็นคนที่ไม่เคยรับสินบนของใคร เมื่อเขาได้รับมันมาเขาก็จะส่งมันกลับไปภายในวันต่อมา แต่ครั้งนี้โจวยี่กลับคิดหนักในการที่จะช่วยเหลืออาจารย์น้อยของเขา มีเคสที่เข้าข่ายทั้งหมดถึงสามพันเคส โอกาสที่หวังลิ่งจะได้รับเลือกนั้นช่างริบหลี่
หลังจากที่เขาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว โจวยี่ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือหวังลิ่งโดยการขี้โกง
“ถ้าหากเราสามารถช่วยเหลืออาจารย์น้อยให้ได้รับเลือกได้หล่ะก็ นี่อาจจะเป็นก้าวสำคัญในการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอาจารย์น้อย”
เมื่อเขาตัดสินใจเสร็จ เขาก็โทรศัพท์ออกไปหาเลขาซุนดาคังแห่งสมาพันธ์หมื่นโรงเรียน
เขาถือสายรอไม่นานนักปลายสายก็รับสายของเขา “สวัสดี นั่นใช่โจวยี่น้อยไหม?”
“ใช่แล้วครับผมเอง เลขาซุน”
ในอีกฝั่งของสายเลขาซุนดาคังขมวดคิ้ว “เธอพึ่งจะเข้าร่วมการประชุมไป ไม่ใช่ว่าฉันบอกฝ่ายบุคคลไปแล้วหรือว่าให้เธอพักผ่อน? ทำไมเธอถึงยังทำงานอยู่อีก?”
“พอดีว่าผมกำลังยุ่งๆอยู่กับโครงการทุนการศึกษาอยู่ครับ ผมจึงยังไม่สามารถไปพักผ่อนได้ ถ้างานเสร็จเมื่อไหร่ผมจะรีบไปพักผ่อนทันทีครับ” โจวยี่ตอบกลับไปด้วยเหตุผลของเขา
“อืม…เด็กๆต้องมาก่อนสินะ โจวยี่น้อย ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเธอ!”
เลขาซุนดาคังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “แล้วเธอโทรมาหาฉันมีอะไรหรือ?”
มันมีคำพูดอยู่ว่า “ไม่มีใครไปวัดอย่างไม่มีเหตุผล” เลขาซุนดาคังผู้ซึ่งทำงานด้านนี้มายาวนานเขารู้หมดว่าถ้าหากมีใครโทรสายตรงมาหาเขามักจะมีเรื่องให้เขาช่วย แต่ครั้งนี้เป็นโจวยี่โทรมา เลขาซุนดาคังจึงยอมรับฟังคำขอร้องของเขา จากผลงานอันดีเยี่ยมของโจวยี่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องปฏิเสธ และดูเหมือนว่าโจวยี่กำลังเจอปัญหาบางอย่างอยู่
“มันเป็นอย่างนี้ครับ เลขาซุน เกี่ยวกับทุนการศึกษา คือผมอยากจะให้ช่วยนักเรียนคนนึงเป็นพิเศษ…” โจวยี่พูดจุดประสงค์ที่เขาต้องการความช่วยเหลือออกไป
“นักเรียนคนไหนหล่ะ?” เลขาซุนดาคังขมวดคิ้ว
“ท่านเลขาซุนจำนักเรียนที่ใช้กระบี่ไม้ในงานประลองกระบี่วิญญาณที่โรงเรียนอันดับที่ 59 ได้ไหมครับ?”
เลขาแก่เงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะตอบกลับมา “โอ้! เด็กคนนั้นนั่นเอง! ฉันจำได้ว่าพวกเธอบอกว่าสถานะครอบครัวของเด็กคนนั้นไม่ค่อยจะดี พวกเขาไม่สามารถที่จะซื้อบ้านในเขตตัวเมืองใช่ไหม”
“ใช่แล้วครับ! คนนั้นแหละครับ! ผมดีใจจริงๆที่เลขาซุนยังจำเด็กคนนั้นได้!”
“แน่นอนฉันต้องจำได้สิ ฉันจำได้ว่าเด็กคนนั้นมีบรรยากาศรอบตัวพิเศษบางอย่าง ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเขาไม่สนใจสายตาคนรอบข้างและเดินขึ้นไปบนเวทีประลองด้วยกระบี่ไม้ของเขา”
“ถ้าอย่างนั้น เลขาซุน ท่านคิดยังไงกับเด็กนักเรียนที่ชื่อหวังลิ่งคนนี้?”
เลขาเฒ่าหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา “เด็กคนนั้นทำให้ฉันรู้ว่า…ความยากจนที่สมบูรณ์แบบมันเป็นยังไง!”
“…”
“ฉันเข้าใจความกังวลของเธอนะ แต่ตอนนี้เธอเป็นถึงผู้อำนวยการสมาคมร้อยโรงเรียน เธอมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจทุกอย่างภายในเมืองซ่งไห่ เธอไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องรายงานฉันด้วยซ้ำไป ไม่ว่าพวกเราจะยากจนเพียงใด พวกเราก็ไม่สามารถปล่อยปะละเลยเรื่องการศึกษาได้ – นักเรียนที่ขยันและเก่งอย่างนั้น พวกเขาควรที่จะสนับสนุนเขาเพื่อที่สักวันใดวันหนึ่งเขาจะกลายมาเป็นเสาหลักของประเทศในอนาคต!”
“ขอบคุณเลขาซุนมากๆเลยนะครับที่ท่านเข้าใจ”
หลังจากรายงานเสร็จแล้ว โจวยี่ก็วางสายและถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
ต่อจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของเขาแล้ว!
…………………………
ภายในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนอันดับที่60 อาจารย์ใหญ่เช็นและผู้อำนวยการชิ จ้องไปยังผลการประกาศทุนการศึกษา สายตาของทั้งคู่ไล่อ่านรายชื่อตั้งแต่บนสุดจนถึงล่างสุด
ผลการประกาศฉบับนี้ส่งตรงมาจากสมาคมร้อยโรงเรียน ซึ่งแสดงรายชื่อของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนทั้งหมดในเมืองซ่งไห่
“เด็กนักเรียนทั้งหมดสิบคนซึ่งทางโรงเรียนของเราส่งไปได้รับเลือกทั้งหมดเลย!” ผู้อำนวยการชิพูดด้วยอาการตกใจผสมดีใจ
“ดูเหมือนว่าโจวยี่ยังคงรู้สึกผูกพันกับโรงเรียนอันดับที่60แห่งนี้” อาจารย์ใหญ่เช็นชี้ไปยังชื่อบนประกาศ “ดูสิจากทั้งหมดสิบคน มีคนนึงที่ติดหมายเหตุว่าจำเป็นต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”
‘ติดหมายเหตุ?’
ผู้อำนวยการชิไม่ได้สังเกตก่อนหน้านี้ แต่เมื่อได้ฟังอาจารย์ใหญ่เช็นพูดขึ้นเธอจึงอ่านรายชื่อใหม่อีกครั้ง “…หวังลิ่ง?”
เธออ่านออกเสียงชื่อหวังลิ่งออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็พยักให้แก่กัน
ความสามารถของเขาในงานประลองกระบี่วิญญาณก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่กระบี่ไม้ของเขานั้นกลับกลายเป็นหัวข้อสนทนาของใครหลายๆคน
หลังจากจบงานประลองกระบี่วิญญาณ นักเรียนคนนี้ซึ่งอยู่ในการดูแลของอาจารย์ป่านถูกเสนอชื่อเข้ามา
อาจารย์ใหญ่เช็นยิ้มขึ้น “ดูเหมือนว่าความปรารถนาของอาจารย์ป่านจะเป็นจริงขึ้นมาแล้วสิ นี่จะเป็นการช่วยเหลือนักเรียนหวังลิ่งอย่างมาก!”
“การช่วยเหลือแบบพิเศษอันนี้ หวังลิ่งสามารถขออุปกรณ์การเรียนอะไรก็ได้แต่ต้องสมเหตุสมผลมากพอ และต้องอยู่ในขอบเขตของการช่วยเหลือ” ผู้อำนวยการชิพูด
“อาจารย์ป่านได้ถามความต้องการหวังลิ่งมาก่อนแล้ว นอกเหนือไปจากของช่วยเหลือพื้นฐานนักเรียนหวังลิ่งต้องการอะไรเพิ่มเติม…”
หลังจากที่อาจารย์ป่านได้รับรายงานมาว่าหวังลิ่งได้รับทุนการศึกษา ซึ่งเธอได้ถามหวังลิ่งไปก่อนหน้านี้แล้วว่าถ้าหากได้ทุนการศึกษานักเรียนหวังลิ่งต้องการอะไรเพิ่มเติมและรายละเอียดของที่หวังลิ่งได้ขอเพิ่มเติมได้ถูกส่งไปยังห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
นอกเหนือไปจากสิ่งของที่นักเรียนจะขอทั่วไป เช่น ข้อสอบของมหาลัยสามปีและการทดลองสอบห้าปี ทั้งอาจารย์ใหญ่เช็นและผู้อำนวยการชิจ้องไปยังบรรทัดสุดท้ายของคำขอ “ขนมบะหมี่ 50 กล่อง” ทำให้ทั้งคู่นั่งนิ่งไปครู่ใหญ่
คอมเม้นต์