The Daily Life of the Immortal King – ตอนที่ 109
ตอนที่ 109 กระบี่ปลาสังหารของหลินเสี่ยวคง
ในตอนเช้าของวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม เทพมือระเบิดยังคงนั่งดูคลิปวีดีโอที่แสดงท่าทางซ้ำไปซ้ำมาคล้ายกับอาการชักกะตุกของคนที่ถูกไฟดูด
เขารู้สึกว่าการนับครั้งการขยับซ้ำไปซ้ำมานั้นถือเป็นการฝึกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่แค่เพียงลูกตาที่ได้ออกกำลังกายแต่เป็นการเสริมสร้างสมาธิด้วย (วิธีฝึกแบบไหนของมัน…ผู้แปล)
แล้วคลิปประเภทนี้บนอินเทอเน็ตส่วนมากก็ชักกะตุกไม่ต่ำกว่า 60 ครั้งใน 1 วินาที และเขาก็สามารถนับมันได้อย่างไม่ผิดพลาดเลย
ในขณะที่เขากำลังฝึกอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เมื่อเขาเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ “Unknown Area” เขาก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นน้องแบล็คโทรมา
“ว่าไงน้องแบล็ค? นายได้เบาะแสอะไรเพิ่มไหม?”
แน่นอนว่าอีกฝั่งของสายนั้นคือแบล็คไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา “อืม…จริงๆแล้วผมได้ข้อมูลภายในแทบจะทั้งหมดของแลนด์สเคปเมเนอร์…”
อาจจะพูดได้ว่าแบล็คนั้นเป็นแฮคเกอร์ที่เก่งกาจคนหนึ่ง ในขณะที่ห้องแลบของเขายังคงซ่อมแซมอยู่ เขายังสามารถหาข้อมูลด้วยเครื่องมืออันน้อยนิดของเขาได้ เทพมือระเบิดไม่ประหลาดใจเลยว่าชายคนนี้จะสามารถสั่นสะเทือนวงการแฮคเกอร์ได้ด้วยคอมพิวเตอร์ของเขา!
แต่เมื่อเขาได้ยินคำอธิบายของแบล็คคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน “นายจะบอกว่า…แลนด์สเคปเมเนอร์เป็นแค่บริษัทสาขา? ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจริงๆคือปราสาทตระกูลโม่ติวเตอร์อันโด่งดังนั่นน่ะหรือ?”
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าแลนด์สเคปเมอร์จะเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทตระกูลโม่ แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ตอนนี้อาจจะเลวร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เพราะถ้าหากหน้ากากผีดิบได้สิงร่างคนแล้ว ไม่เพียงแต่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ถูกสิง แต่ยังรวมไปถึงความสามารถในการชักจูงผู้คน เพราะมันได้รับพลังและความสามารถของจอมมารกัวผีมาทั้งหมด อาจจะนำไปถึงการสร้างกองทัพจอมมารกัวผีอีกครั้ง
ถ้าหากหน้ากากผีดิบนี้ตกไปอยู่ในมือของปราสาทตระกูลโม่ติวเตอร์ เทพมือระเบิดคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะใช้มันควบคุมเหล่านักเรียนผ่านการเรียนการสอนของพวกเขา
เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย ใครจะคาดคิดว่าองค์แบบนั้นอยู่เบื้องหลังแผนการเหล่านี้ทั้งหมด
ข่าวดีเพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คงเป็นหน้ากากผีดิบยังไม่ได้ตกไปอยู่ในมือพวกเขา…แต่ดูจากรายงานของแบล็ค พวกเขาคงไม่ยอมรามือไปง่ายๆเป็นแน่
“แล้วรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าของปราสาทตระกูลโม่ไหม?” เทพมือระเบิดแสดงสีหน้าลำบากใจเมื่อได้ยินเรื่องราวน่าปวดหัวเรื่องใหม่
แบล็คเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมา “นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้ ดูเหมือนว่าฝ่ายเทคนิคของพวกเขาก็ไม่น้อยหน้าทางฝั่งเราเหมือนกัน เพราะผมต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรที่จะขุดคุ้ยข้อมูลโดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัวได้”
“อีกประมาณกี่วันที่นายจะหาคำตอบให้ฉันได้?” เทพมือระเบิดถาม
แบล็คกัดฟันตอบ “ยี่สิบสี่…ยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างมากที่สุด! ผมจะต้องหาคำตอบมาให้ได้ แล้วเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไป!”
“เยี่ยมมาก ฉันต้องรบกวนนายหน่อยละน้องแบล็ค!”
เมื่อพูดจบแบล็คก็วางสายไป
ภายในห้องแลบของแบล็คเขาหันไปมองรอบๆ
ประมาณ50-60เปอเซ็นของอุปกรณ์ที่ถูกทำลายไปได้ถูกซ่อมแซมแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขารู้จักตัวเองดี เขามีความระมัดระวังตัวสูงเขาไม่เคยเลยที่จะพลาดในการแฮคข้อมูลคนอื่นแล้วทิ้งหลักฐานเอาไว้…คำถามก็คือชายคนที่มาทำลายห้องแลบของเขา หาตัวเขาเจอได้ยังไง?
ไม่ว่าเขาจะคิดทบทวนยังไงเขาก็คิดไม่ออกสักที
………………………
เสียงอันไพเราะของสัญญาณเตือนเข้าเรียนดังไปทั่วทั้งโรงเรียน สำหรับนักเรียนผู้ที่ถูกบีบบังคับให้มาร่ำเรียน ถือเป็นสัญญาณอันดีงามเพราะมันเป็นสัญญาณว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดนั่นเอง
สำหรับหวังลิ่งที่พึ่งเดินทางมาถึงโรงเรียนและเดินเข้าห้องเรียนไป ภายในห้องเรียนกำลังพูดกันถึงเรื่องการจำลองการสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งที่สอง
สำหรับนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่ง(ม.4)ผู้ซึ่งไม่เคยรับรู้ถึงความตึงเครียดของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นหัวข้อสนทนาที่ยอดเยี่ยมในยามว่าง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะสามารถกอบโกยความรู้ในช่วงสามปีนี้ได้มากน้อยแค่ไหนก่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย คะแนนโดยเฉลี่ยโรงเรียนอันดับที่60ก็อยู่ในระดับทั่วไป แต่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าจะมีนักเรียนกี่คนที่จะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
หลังจากผ่านการสอบเข้าแล้วนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์จะมีสิทธิเลือกมหาวิทยาลัยได้ตามคะแนนของตน พวกเขายังสามารถได้รับยาวิเศษอีกด้วย
ระบบการศึกษาในตอนนี้ หลังจากที่พวกเขาผ่านการสอบ นักเรียนทุกคนจะมีเวลาพักผ่อน 2 ปีเพื่อที่จะดูดซึมยาวิเศษ ยาวิเศษชนิดนี้จะสามารถช่วยเพิ่มพลังวิญญาณของผู้ใช้ได้ในระยะเวลาอันสั้น สำหรับนักเรียนที่อยู่ในระดับแรกเริ่มลมปราณขั้นสูงจะสามารถสำเร็จระดับแก่นแท้ปราณทองคำได้เลย ทำให้พวกเขาสามารถเรียนต่อในระดับแก่นแท้ปราณทองคำในมหาวิทยาลัยได้
แน่นอนว่าของพวกนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อหวังลิ่งเลย
เหตุผลที่ว่าชั้นปีที่หนึ่งห้องสามกำลังถกเถียงพูดคุยเรื่องการสอบเข้าในตอนเช้านี้ก็เพราะ ผลคะแนนของการสอบจำลองครั้งล่าสุด หัวหน้ายู ติด 1ใน100ของผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในเขตไป่หยวน ซึ่งนั่นได้กลายมาเป็นหัวข้อสนทนาใหญ่ในตอนเช้าของวันนี้
กัวหาวพูดไม่หยุดตั้งแต่เช้าแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่เขาได้ข่าวมัน
“ฉันได้ยินว่าหัวหน้ายูได้คะแนนน้อยกว่ารุ่นพี่โจวยี่แค่เพียงสิบคะแนน!”
“แค่สิบคะแนนเนี่ยนะ? ถ้าเป็นการสอบจริงเขาคงได้มากกว่านั้นไปแล้ว! เพราะฉันได้ยินมาว่าข้อสอบจริงมันง่ายกว่าการซ้อมสอบตั้งเยอะไม่ใช่หรอ?”
“ก็ไม่เสมอไปหรอก” เช็นเฉาส่ายหัว “เท่าที่ฉันรู้ หัวหน้ายูเก่งแค่ทฤษฎี แต่คะแนนในการสอบกระบี่วิญญาณของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก… ในตอนนั้นรุ่นพี่โจวยี่ทำคะแนนการสอบกระบี่วิญญาณได้เกือบเต็ม…”
“แต่มันมีข่าวลือว่าตอนสอบกระบี่วิญญาณมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น จึงทำให้หัวหน้ายูแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่” หลินเสี่ยวหยูพูดขึ้นมา
“หืม? ว่าแต่มีใครรู้ไหมว่าใครได้อันดับหนึ่งในการสอบครั้งนี้?”
“จะใครอีกล่ะ? คงจะเป็นหลินเสี่ยวคงแหละ…”
“ใช่ไอลูกคนรวยที่ชอบตะโกนว่า ‘พ่อของฉันชื่อสิคง’ คนนั้นใช่ไหม”
“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้?” กัวหาวยักไหล่ “กระบี่ปลาสังหารของเขาได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเขา จากประมาจารย์ช่างตีกระบี่ที่พ่อของเขาสรรหามาให้ และมันก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ มันมีความสามารถในการจับสัตว์ทะเล ฉันเคยได้ยินมาว่าถ้าหากนายโยนกระบี่ปลาสังหารนี่ลงไปในทะเล มันสามารถจับกั้งได้เกือบทั้งทะเล!”
หวังลิ่ง “…”
คอมเม้นต์