เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 136
大姐大 บทที่ 136: ตกลงรับผ่าตัด
เจี่ยนอีหลิงส่งข้อความกลับคืนไปยังอีกฝ่ายหลังจากที่ได้เห็นวิดีโอ
[ฉันตกลงกับเงื่อนไข แต่เวลานัดหมายนั้นขอพิจารณาต่างหาก]
[ตกลง ไม่มีปัญหา Dr.FS ควรจะจัดการกับปัญหาของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก แต่ผมก็หวังว่า Dr.FS จะสามารถให้เวลาพวกเราในสัปดาห์หน้า]
ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้กดดันมากนัก ด้วยการให้เวลาเจี่ยนอีหลิงบ้าง
[ตกลง] ในเมื่อเจี่ยนอีหลิงได้ตกลงกับพวกเขาแล้วเธอก็ย่อมไม่เสียสัจจะ
หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงจบการสนทนากับอีกฝ่าย เธอก็เริ่มค้นหารายชื่อติดต่อ
เมื่อเธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งวิดีโอที่บอกว่าเธอนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์นี้
สายตาของเจี่ยนอีหลิงนั้นจ้องมองไปบนชื่อของเจี่ยนหยุ่นเฉิงในรายชื่อติดต่อ แต่ผ่านไปเนิ่นนานเธอก็ยังไม่ได้คลิกไปยังชื่อนั้น
เจี่ยนอีหลิงรู้ว่าเธอจำเป็นที่จะต้องหาหลักฐานและรู้ว่าเธอจะต้องทำอะไรในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดกับเจี่ยนหยุ่นเฉิงและคนอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
เจี่ยนอีหลิงไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวอะไรมากนัก สิ่งที่เธอคิดได้ก็คือคนในตระกูลเจี่ยนรวมไปถึงย่าเจี่ยนคงรู้สึกแย่หากว่าพวกเขาได้เห็นวิดีโอนี้
เจี่ยนอีหลิงยังคงจำได้ถึงสิ่งที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวกับเธอ เขากล่าวว่า ไม่มีใครต้องการให้เจี่ยนอีหลิงเป็นฆาตกรที่ทำร้ายพี่น้อง และก็ไม่ต้องการให้เจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นเป็นคนที่ใส่ร้ายน้องสาวของตนเองเช่นกัน
บางทีสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร นั่นล้วนแล้วแต่เป็นความเจ็บปวด
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เจี่ยนอีหลิงก็เปลี่ยนซอฟต์แวร์สื่อสาร
นี่เป็นแอพพลิเคชั่นภายในของสถาบันวิจัยของพวกเขา และใช้สื่อสารเฉพาะกับคนภายในสถาบันวิจัยและจะไม่มีการใช้ซอฟต์แวร์สื่อสารอื่นใดอีก
เจี่ยนอีหลิงได้ส่งข้อความไปหาผู้ช่วย [เคสล่าสุดที่ต้องการผ่าตัดเส้นประสาทมือ ฉันรับ]
บางทีหากมือของเจี่ยนหยุ่นน่าวได้ดีขึ้นก่อนที่จะแชร์วิดีโอ อาจจะสามารถบรรเทาผลกระทบต่อความจริงที่มีต่อตระกูลเจี่ยนได้ในระดับหนึ่ง
ผู้ช่วยรีบตอบกลับข้อความของเจี่ยนอีหลิง [เราเคยหวังว่าคุณจะสามารถรับเคสนี้ แต่ตอนนี้เมื่อคุณยุ่งอยู่กับเรื่องอื่นอยู่ พวกเราก็ไม่ต้องการให้คุณทำงานหนักและยุ่งเกินไป]
เจี่ยนอีหลิงและเฉิงอี้ได้รับเคสเลือดเป็นพิษหายากของแม่ของฉินชวน ถ้าหากว่าช่วงเวลานี้เธอรับเคสนี้เข้ามาเพิ่มก็จะทำให้ตารางงานของเธอแน่นยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เจี่ยนอีหลิงก็ไม่ได้อยู่ที่สถาบันวิจัยทุกวัน
ตอนนี้ภาระงานของเจี่ยนอีหลิงนั้นล้นมือ
สถาบันวิจัยไม่ต้องการทำอะไรที่เป็นการฆ่าไก่เพื่อที่จะเอาไข่ ดังนั้นผู้ช่วยจึงหวังว่าเจี่ยนอีหลิงสามารถจัดการภาระงานได้อย่างสมเหตุผล
สิ่งที่ผู้ช่วยไม่รู้ก็คือนอกจากเคสของแม่ของฉินชวนที่เจี่ยนอีหลิงรับทำพร้อมกับเฉิงอี้ ก็ยังมีเคสที่เธอเพิ่งรับไปก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
เจี่ยนอีหลิงชะงัก แต่ก็ยังพิมพ์ลงไปบนหน้าจอว่า [รับแล้ว]
ผู้ช่วยรู้สึกจนหนทาง ตอนที่เจี่ยนอีหลิงไม่ต้องการรับ เขาพูดปากเปียกปากแฉะแต่ก็ไม่สามารถทำให้เจี่ยนอีหลิงเปลี่ยนใจได้
เมื่อตอนที่เจี่ยนอีหลิงต้องการรับ เขาก็จึงไม่พูดอะไรที่เป็นการถ่วงเวลาของเธออีก
หลังจากที่ผู้ช่วยได้ยืนยันเรื่องกับเจี่ยนอีหลิงแล้ว เขาก็ทำตามขั้นตอนแจ้งให้กับสมาชิกครอบครัวคนไข้ได้รับทราบ
คนที่รับสายก็คือเจี่ยนหยุ่นเฉิง ถึงแม้ว่าหงไปจางจะเป็นคนช่วยส่งใบสมัคร แต่ชื่อผู้ติดต่อที่เขียนไว้ก็คือเจี่ยนหยุ่นเฉิง
“คุณเจี่ยน ตอนนี้พวกเราขอแจ้งให้คุณทราบว่าเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของสถาบันวิจัยของเราได้รับเคสน้องชายของคุณแล้ว…”
สถาบันวิจัยต้องการให้ครอบครัวของคนไข้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
หลังจากที่รับโทรศัพท์แล้ว เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็บอกครอบครัวถึงข่าวที่ได้รับมาในทันที
นี่เป็นข่าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา
กระทั่งเจึี่ยนชูฉิงก็ยังอดที่จะทำตาแดงๆไม่ได้
ถ้ามือของลูกชายของเขานั้นสามารถรักษาไว้ได้ ทุกสิ่งก็ย่อมจะต้องดีขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจี่ยนหยุ่นน่าวต้องเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบรับมากที่สุด
คอมเม้นต์