The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 351: ลาบูน!
S.P.P: บทที่ 351: ลาบูน!
เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาของคร็อกคัสที่จ้องมองมาที่โรแกนก็ถึงกับหดแคบลงในทันที
“นามสกุลนั้น..นายเป็นอะไรกับโรเจอร์?”
หลังจากนั้นสักพักคร็อกคัสก็สามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองลงมาได้และได้กล่าวถามออกม ด้วยดวงตาที่เฉียบคม
“ผมเป็นน้องชายของเขา”
โรแกนได้กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม เหล่าสมาชิกลูกเรือต่างก็มองมาที่ฉากตรงหน้าด้วยความเฉยชา ตัวตนของโรแกนนั้นถูกเปิดเผยมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่ที่เขาถูกส่งตัวไปที่อิมเพลดาวน์ทุกคนบนโลกก็ได้รับรู้ถึงตัวตนของเขา
“โรเจอร์มักจะพูดถึงนายเสมอแต่ฉันไม่เคยมาก่อนเลยว่าฉันจะได้มาเจอนายบนเส้นทางนี้”
คร็อกคัสได้กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
ความทรงจําในการแล่นเรือไปกับพวกโรเจอร์นั้นยังคงติดตาตรึงใจเขาอยู่เสมอ การจากไปของโรเจอร์และการล่มสลายของกลุ่มโจรสลัดของพวกเขานั้นมันเป็นเรื่องที่เขารู้สึกเศร้าเสียใจมากที่สุด
“ในเมื่อเขาสามารถผ่านมันมาแล้วผมเองก็ต้องผ่านมันไปให้ได้เช่นกัน!”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะเป็นคําพูดที่เรียบง่ายแต่กับแฝงไว้ด้วย ความทะเยอทะยานที่เปี่ยมล้น โรเจอร์นั้นกลายเป็นราชาโจรสลัดบนเส้นทางนี้ซึ่งมันก็ หมายความว่าเป้าหมายของชายหนุ่มคนนี้คือตําแหน่งนั้นงั้นหรอ?
“เป็นความฝันที่ดี!”
คร็อกคัสได้กล่าวชมออกมา
เขาไม่ได้พูดกับอีกฝ่ายว่ามันเป็นความฝันที่สูงเกินไปหรือไร้สาระแต่อย่างไร ในยุคสมัยนี้คนที่มีความฝันนั้นเป็นคนที่ไม่สามารถประมาทได้
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าวิ่งแล่นไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“คนหนุ่มสาวที่เข้ามาในแกรนด์ไลน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ต่างก็กําลังแข็งแกร่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ”
คร็อกคัสได้กล่าวและถอนหายใจออกมา
“โอ้! มีใครบ้างงั้นหรอ?”
โรแกนได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ถ้าให้ยกตัวอย่างละก็ เช่น ดองกี้โฮเต้ โดฟลามิงโก้”
“เครื่องจักรสังหาร บาโธโลมิว คุมะ,คล็อกโคไดล์”
ในตอนนั้นเองดวงตาของคร็อกคัสก็ได้เหลือบไปเห็นร่างๆหนึ่งเข้า ในตอนนั้นเองดวงตาของเขาก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาในทันที
“คล็อกโคไดล์!?”
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”
เขาตกใจมากที่ได้มาเจอคล็อกโคไดล์ที่นี่ เพราะต้องเข้าใจก่อนว่าคล็อกโคไดล์นั้นอยู่ที่แกรนด์ไลน์มาเป็นเวลานานมากแล้วดังนั้นคร็อกคัสจึงรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
แต่คล็อกโคไดล์มาทําอะไรที่นี่?
“ตอนนี้ฉันคือลูกเรือของกลุ่มโจรสลัดโซล,และนี่ก็คือกัปตันของฉัน”
คล็อกโคไดล์ได้กล่าวออกมาพร้อมกับมองไปที่โรแกน
เมื่อได้ยินดังนั้นคร็อกคัสก็ดูจะตกใจมาก
“นายเอาคล็อกโคไดล์มาเป็นลูกเรือของนายได้ยังไง?”
“พอดีว่าผมพูดเก่งหนะ”
โรแกนได้กล่าวออกมาพร้อมกับยกยิ้มขึ้นมา
“ไม่มีอีกงั้นหรอ?”
คร็อกคัสได้จ้องมองไปที่เจสัน,เทรนซุ,เจ้านายตัวน้อย,และพวกมังกรคชสารเล็กน้อย
“พรรคพวกของนายไม่ธรรมดาเลยนะ”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขาสามารถมองเห็นความมั่นใจและความน่าเกรงขามจากดวงตาของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
สิ่งนี้นั้นมันมีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองมันได้
“นอกจากนี้ก็ยังมีไอ้หนูแชงค์ที่เติบใหญ่ขึ้นมามาก!”
คนที่คร็อกคัสพูดถึงก็คือผมแดงแชงคูส!
“คุณได้เจอกับแชงคูสบ้างไหม?”
โรแกนได้กล่าวถามออกมา
“พรรคพวกของหมอนั้นแต่ละคนแข็งแกร่งไม่แพ้พรรคพวกของนายเลยนะ! ฮ่าๆๆ”
คร็อกคัสได้กล่าวแลหัวเราะออกมา
ในเมื่อลูกเรือฝึกหัดบนเรือของเขาได้ดีคร็อกคัสย่อมดีใจเป็นธรรมดา
“ตอนนี้แชงคูสไปถึงที่โลกใหม่หรือยัง?”
โรแกนได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ถ้าคํานวณจากเวลาพวกเขาก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว
คร็อกคัสได้กล่าวออกมาพร้อมกับพยักหน้า
ในตอนนั้นเองก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของโรแกน
ยุคสมัยนี้คือยุคสมัยแห่งความวุ่นวาย และสิ่งที่ สําคัญก็คือในยุคสมัยนี้นั้นมันยังไม่มีการจัดตั้งตําแหน่งสี่จักรพรรดิขึ้นมาดังนั้นมันจึงเป็นยุคสมัยที่วุ่นวายอย่างแท้จริง
แต่ก็คงอีกไม่นานเหมือนกันที่มันจะเกิดขึ้นอย่างน้อยโรแกนก็เชื่อแบบนั้น
“หวังว่าอีกไม่นานพวกเราจะได้เจอกัน”
ดวงตาของโรแกนได้เปล่งประกายขึ้นมา “ฮ่าๆๆ, นายอาจจะไม่สามารถเอาชนะไอ้หนูนั้น ได้ก็ได้นะ! เพราะเขาคือผู้สืบทอดของโรเจอร์”
คร็อกคัสได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีใครสามารถมาขว้างเส้นทางของฉันได้”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
ความยากลําบากคือสิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้ว เขาไม่เคยหวาดกลัวและไม่เคยสูญเสียความมั่นใจเขาเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเขาจะก้าวขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!
“แต่ฉันคิดว่าพวกนายทั้งสองคนควรจะเป็นมิตรกันดีกว่าด้วยบุคลิกและอายุของพวกนายทั้งสองคน”
ในตอนนั้นเองคร็อกคัสก็ได้กล่าวขึ้นมา
“ผมเองก็คิดเอาไว้อย่างงั้นเหมือนกัน”
โรแกนได้ยกยิ้มขึ้นมาและพยักหน้า
พวกเขามีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนกันแถม พวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีความเกี่ยวพันธ์โดยตรงกับโรเจอร์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้พวกเขาเป็นมิตรกัน
นอกจากนี้โรแกนก็รู้จักนิสัยใจคอของแชงคูสเป็นอย่างดี เขาคือคนที่มีความเมตตาและความทะเยอทะยานจิตใจของเขานั้นกว้างใหญ่ราวกับท้องทะเล เขาเป็นคนที่ควรค่าแก่การผูกมิตร
ข้างนอกฝนยังคงตกลงมาไม่ยอดหยุดและเสียงฟ้าร้องก็ดังลั่นไปทั่วทั้งน่านฟ้า
การมาพบคร็อกคัสในครั้งนี้ทําให้โรแกนได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเป็นจํานวนมาก
พายุฝนฟ้าคะนองนั้นกินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง และเมื่อดวงอาทิตย์ได้ลอยเด่นขึ้นมาบน ท้องฟ้าจู่ๆพื้นดินบนแหลมแฝดก็ได้สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“เมื่อกี้มันคืออะไรกัน?”
“มันคือลาบูน!”
คร็อกคัสได้ส่ายหัวและถอนหายใจออกมา
เหล่าลูกเรือต่างก็งุนงงแต่คร็อกคัสก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายให้ฟังแต่อย่างไรแต่กับก้าวเดินออกไปข้างหน้า
แหลมแฝดนั้นยังคงสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพวกเขาทุกคนมาถึงชายฝั่งพวกเขาก็ได้พบกับคลื่นทะเลที่สาดซัดขึ้นมาอย่างรุนแรง
“นี่มันตัวอะไรกัน!”
เจสันได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“มันคือวาฬ”
ในตอนนั้นเองโรแกนก็ได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
“วาฬ!”
ดวงตาของลูกเรือคนอื่นๆก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาในทันที
“ทําไมถึงได้มีวาฬอยู่ที่นี่?”
โดยทั่วไปแล้ววาฬนั้นจะอาศัยอยู่ในทะเลลึก และแม้ว่าตรงนี้จะเป็นทะเลแต่มันก็ไม่ใช่ทะเลลึก ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกประหลาดใจมาก
“พวกนายอยากจะฟังเรื่องราวของลาบูนไหม?”
คร็อกคัสได้จ้องมองไปที่ท้องทะเลด้วยแววตาที่ซับซ้อนและถอนหายใจออกมา
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็ได้พยักหน้าในทันที
แต่โรแกนนั้นได้ก้าวเดินไปข้างหน้าก่อนที่จะนั่งยองๆและจ้องมองลงไปที่ร่างของลาบูนที่อยู่ในท้องทะเล
คร็อกคัสได้ทําการบอกเล่าเรื่องราวของลาบูนต่อเจสันและคนอื่นๆ ไม่ว่าจะความผูกพันและความทุกข์ทรมานจากการรอคอย เรื่องราวของลาบูนนั้นกระตุ้นอารมณ์ของพวกเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิงที่ถึงกับหลั่งน้ําตาออกมา
“เป็นอะไรที่น่าประทับใจจริงๆ!” ชาร์โปลอสได้กล่าวออกมาทั้งน้ําตา ในขณะที่ทุกคนกําลังซาบซึ้งกับเรื่องราวของลาบูนอยู่นั้นเอง เสียงของโรแกนก็ได้ดังขึ้นมา
“ลาบูน!”
คอมเม้นต์