The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 388: เข้าเฝ้าจอมเทพ
S.P.P: บทที่ 388: เข้าเฝ้าจอมเทพ
ไวเปอร์และคนอื่นๆนั้นทําเพียงแค่ก้มหน้าอยู่อย่างงั้นด้วยความอับอาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการปะทะกับพวกโรแกนในครั้งนี้นั้นได้ทําลายความมั่นใจของพวกเขาไปจนหมดสิ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมีชัยเหนือจอมเทพของเกาะแห่งท้องฟ้าได้แต่ในการปะทะกันหลายๆครั้งพวกเขาก็เป็นผู้กุมชัยมาเสมอสิ่งนั้นมันทําให้พวกเขามีความมั่นใจในตนเองและรู้สึกว่านักรบแห่งแชนเดียร์อันยิ่งใหญ่นั้นยังคงไร้เทียมทานและไร้ซึ่งผู้ต่อกร
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาได้มาพบเจอกับพวกโรแกนพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าตนเองนั้นอ่อนแอบนาดไหน
พวกเขานั้นประเมินเหล่าชาวทะเลสีฟ้าต่ําเกินไป,พวกเขานั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ!
ไวเปอร์ได้กําหมัดแน่น
ชายที่สามารถเปลี่ยนร่างกายของตัวเองให้กลายเป็นคมดาบได้กับชายที่มีหมัดสีดําคนนั้นไวเปอร์นั้นรู้ดีว่าตัวเขานั้นยังไม่สามารถเทียบกับทั้งสองคนได้
ความแตกต่างของพวกเขานั้นมันกว้างใหญ่เกินไป!เขานั้นยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง
ขนาดไหน
ฉันอ่อนแอเกินไป!
“ฉันต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้!”
ไวเปอร์ได้กําหมัดแน่นและกรีดร้องอยู่ภายในใจ
เมื่อพวกไวเปอร์จากไปหัวหน้าเผ่าก็ได้หันกลับมาหารากิ
ในเวลานี้ใบหน้าของเขานั้นได้ถูกประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับบทเรียนสักที”
การแสดงออกของหัวหน้าเผ่าทําให้ราก็รู้สึกประหลาดใจ
“หัวหน้าเผ่าท่านไม่โกรธพวกเขางั้นหรอ?”
“ทําไมข้าต้องโกรธพวกเขาด้วย?”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขานั้นคือกลุ่มที่มีความสามารถและความกล้าหาญถ้าพวกเขาได้รับการขัดเกลาละก็พวกองครักษ์เทพไม่มีทางต่อกรกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน”
“ความผิดหวังในวันนี้จะผลักดันให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าและเป็นสิ่งย้ำเตือนถึงความอ่อนแอของพวกเขา
“เพราะไม่ว่ายังไงมันก็เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไวเปอร์นั่นเป็นนักรบที่น่าเกรงขามและด้วยบุคลิกของเขาตราบใดที่เขาได้รับการฝึกฝนที่ดีเขาจะต้องกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าแชนเดียร์ได้อย่างแน่นอนในอนาคต”
“และด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน!”
ราก็ได้คิดตามคําพูดของหัวหน้าเอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นเองเธอก็ได้กล่าวถามออกมาว่า
“หัวหน้าเผ่าไม่ใช่ว่าเมื่อคืนท่านจงใจปล่อยให้พวกเขาไปหรอกใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้นหัวหน้าเผ่าก็ได้หัวเราะออกมาในทันที
“ฮ่าๆๆ,ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเป็นคนที่มีไหวพริบที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมดราก”
“ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถขึ้นมาบนเกาะแห่งท้องฟ้าจากทะเลสีฟ้าได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่แข็งแกร่งแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่ไวเปอร์และคนอื่นๆจะสามารถรับมือได้”
“และการที่การ์ริโดถึงกับไปเชิญคนเหล่านั้นเพื่อเข้าเฝ้ากันโฟลแบบนี้แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
“และไม่ว่าจะด้วยกรณีใดสุดท้ายพวกไวเปอร์ก็จะต้องพบเจอกับความพ่ายแพ้อยู่ดี”
เมื่อได้ฟังคําพูดของหัวหน้าเผ่ารากิก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้าน
“ด้วยความช่วยเหลือจากคนนอกเหล่านี้มันทําให้พวกไวเปอร์ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างและข้าก็เชื่อว่าเด็กนั้นจะต้องพัฒนาอย่างแน่นอน!”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้าเผ่าท่านนี้จริงๆเลยนะ”
ราก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
“ในความเป็นจริงแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อนเองก็มีกลุ่มคนจากทะเลสีฟ้ามายังเกาะแห่งท้องฟ้าเหมือนกันและความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนั้นเองก็น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก”
“มีน้อยมากที่จะพบชาวทะเลสีฟ้าบนเกาะแห่งท้องฟ้าและแต่ละคนต่างก็เป็นคนที่แข็งแกร่งดังนั้นจึงไม่สามารถประมาทพวกเขาได้เลย”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“แล้วเรื่องคําขอของอีกฝ่ายล่ะ?”
รากได้กล่าวออกมาด้วยความลังเล
“ถ้าทําได้ก็ทําตามคําขอของพวกเขาซะ!”
หัวหน้าเผ่าได้กล่าวตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าชาวทะเลสีฟ้าที่มายังเกาะแห่งท้องฟ้าเมื่อสองสามปีก่อนนั้นน่าสะพรีงกลัวขนาดไหนด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาถ้าต้องการที่จะปกครองเกาะแห่งท้องฟ้าละก็มันไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย
ในเวลานี้กลุ่มของโรแกนนั้นกําลังแล่นอยู่บนก้อนเมฆด้วยเวฟเวอร์และพวกเขาก็ใกล้ถึงวิหารเทพแล้วด้วย
ในเวลานี้พวกโรแกนก่าลังจ้องมองไปที่เถาวัลย์ยักษ์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“เถาวัลย์นี่สูงจนมองไม่เห็นยอดเลย”
ชาร์โปลอสได้อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เถาวัลย์ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขานั้นใหญ่และสูงเป็นอย่างมากมากจนพวกเขาไม่สามารถมองเห็นยอดของมันได้เลย
“วิหารเทพถูกสร้างอยู่ข้างบนนั้น
การ์ริโดได้ยกยิ้มและชี้ไปที่ก้อนเมฆขนาดใหญ่สีขาวที่เกาะอยู่บนเถาวัลย์ยักษ์ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างสีทองตั้งอยู่
“มหัศจรรย์จริงๆ!”
ดาซได้กล่าวชื่นชมออกมาจากใจจริง
ทั้งๆที่เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในแกรนด์ไลน์แต่เขากลับไม่เคยพบเจอกับสถานที่ที่มหัศจรรย์แบบนี้มาก่อนเลย
ภายใต้การนําของการ์ริโดทุกคนได้เดินตามขึ้นไปบนเถาวัลย์เพื่อมุ่งหน้าไปยังวิหารเทพ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงยังก้อนเมฆขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของวิหารเทพ
“โว้วว,เป็นวิหารที่งดงามจริงๆ!”
ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมออกมา
วิหารสีทองที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเมฆสีขาวมันช่างเป็นอะไรที่งดงามจริงๆ
ในทุกพื้นที่บนก้อนเมฆแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยเหล่าอัศวินเกราะเหล็ก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในที่แห่งนี้นั้นต่างก็ทําให้ผู้คนรู้สึกว่าที่นี่นั้นคือวิหารที่อยู่บนสวรรค์จริงๆแต่ภายใต้ความหรูหรากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น
“ท่านเทพกําลังรอพวกนายอยู่ข้างในโปรดตามฉันมาด้วย”
เมื่อเห็นการแสดงออกของพวกโรแกนการรีโดก็ได้ยกยิ้มขึ้นมา
พวกโรแกนได้เดินตามการ์ริโดเข้าไปข้างในวิหาร เหล่าอัศวินที่ยืนอยู่ภายในวิหารนั้นราวกับทหารสวรรค์
แม้แต่โรแกนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม ในอนิเมะและมังงะนั้นไม่ได้อธิบายถึงวิหารเทพเอาไว้ระเอียดมากนักดังนั้นเมื่อได้มาเห็นมันด้วยตาของตัวเองมันเลยทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
ฉากนี้ทําให้เขานึกถึงสวรรค์ในเรื่อง Journey to the West (ไซอิ๋ว)
แม้ว่าจะมีความแตกต่างในเรื่องของขนาดและสถานที่แต่ความรู้สึกของทั้งสองนั้นไม่ได้ต่างกันเลย
ในไม่ช้าภายใต้การนําของการ์ริโดพวกเขาก็ได้เดินมาถึงท้องพระโรงของวิหารเทพ
“ท่านเทพรออยู่ข้างในแล้ว”
การ์ริโดได้ผายมือเชิญพวกเขาทุกคนให้เข้าไปข้างใน
เมื่อเห็นดังนั้นโรแกนและคนอื่นๆก็ได้ก้าวเดินเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเล
แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่เทพเจ้าอยู่แต่วิหารแห่งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพระราชวังที่อยู่บนทะเลสีฟ้ามากนัก
สองข้างทางทั้งซ้ายและขวานั้นเต็มไปด้วยเหล่าอัศวินที่ยืนอยู่อย่างมั่นคงและในส่วนลึกสุดของท้องพระโรงนั้นก็มีบัลลังก์อันหนึ่งตั้งอยู่และบนบัลลังก์นั้นก็มีร่างของชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่าผ่าเผย
“ยินดีต้อนรับชาวทะเลสีฟ้า”
เมื่อพวกโรแกนก้าวเดินเข้าไปภายในท้องพระโรงชายวัยกลางคนคนนั้นก็ได้กล่าวต้อนรับออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ข้าคือจอมเทพของที่แห่งนี้กันโฟล!”
คอมเม้นต์