The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 389: เขตหวงห้าม!
S.PP: บทที่ 389: เขตหวงห้าม!
รูปลักษณ์ของกันโฟลในตอนนี้นั้นไม่ได้ดูแก่เท่ากับในมังงะหรืออนิเมะ แม้ว่าเส้นผมของเขาจะมีสีขาวแซมมาบ้างแต่มันก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ดูมีชีวิตชีวาที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาได้อยู่ดี
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาในตอนนี้จะยังคงเป็นช่วงพีคของเขาอยู่
กันโฟลได้จ้องมองมาที่พวกโรแกนด้วยรอยยิ้ม
“นี่หนะหรอเทพเจ้า?”
“เขาก็แค่ตาแก่ธรรมดาๆไม่ใช่หรือไง?”
“เห็นด้วย เขาไม่เห็นจะแตกต่างกับคนอื่นเลย”
คําพูดที่หลุดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจของพวกเขาทําให้กันโฟลรู้สึกอับอายไม่น้อย
พวกเขาทุกคนต่างก็หวังว่าเทพเจ้าที่พวกเขากําลังจะได้พบนั้นจะต้องมีปีกขนาดใหญ่หกคู่พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นและความแข็งแกร่งที่ทําให้ผู้คนรู้สึกศรัทธา
แต่เทพเจ้าที่พวกเขาพบกับเป็นแค่ตาแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง!
คนแบบนี้เป็นเทพเจ้าของเกาะแห่งท้องฟ้าได้ด้วยงั้นหรอ?
“ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าพวกนายเป็นใบ้หรอกนะ!”
โรแกนได้หันกลับไปกล่าวกับเหล่าลูกเรือด้วยท่าทางจริงจัง
“ขอโทษแทนพรรคพวกของฉันด้วยนะ”
โรแกนได้กล่าวขอโทษกันโฟลด้วยความรู้สึกผิด
“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกเจ้าจะรู้สึกผิดหวัง,เทพเจ้าของเกาะแห่งท้องฟ้านั้นเป็นเพียงแค่ตําแหน่งเท่านั้นไม่ใช่เทพเจ้าจริงๆหรอก”
กันโฟลได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
เขารู้ดีถึงข้อสงสัยของชาวทะเลสีฟ้าเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวอธิบายออกมา
“ไม่ใช่เทพเจ้าจริงๆ”
“เป็นเพียงแค่ตําแหน่ง
“ถ้างั้นก็ไม่แปลกที่ตาแก่แบบเขาจะเป็นได้
เมื่อได้ยินคําอธิบายของกันโฟลชาร์โปลอสและคนอื่นๆก็ได้พลั้งปากออกมาอีกครั้ง
แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่กันโฟลก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เทพเจ้าจริงๆแต่อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงผู้ปกครองเกาะแห่งท้องฟ้าดังนั้นพวกเขาก็ไม่ควรที่จะพูดมันออกมาต่อหน้าเขาไม่ใช่หรือไง?
โรแกนได้เหลือบมองไปที่ด้านหลังพร้อมกับส่งสายตาให้พวกเขาเงียบ
“ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างทางแล้วนะ,ขอบคุณพวกเจ้าทุกคนมากที่ช่วยเหลือพวกกการ์ริโด”
กันโฟลได้กล่าวขอบคุณออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“การ์ริโดนั้นดูแลพวกเรามาตลอดทางดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่พวกเราสมควรทํา”
โรแกนได้กล่าวตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม
“การ์ริโดนั้นสําคัญกับข้ามากเมื่อรู้ว่าเขาสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ข้าก็รู้สึกโล่งอกมาก”
กันโฟลได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“นี่ท่านเทพเมื่อไหร่จะกินข้าว ฉันหิวแล้วนะ!”
ทันใดนั้นเองเสียงของเจสันก็ได้ดังลั่นขึ้นมา
เมื่อได้ยินดังนั้นกันโฟลก็ได้นําทางพวกเขาไปยังห้องอาหารในทันที
“ข้าได้ทําการจัดเตรียมอาหารและของหวานของเกาะแห่งท้องฟ้าเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว”
หลังจากนั้นห้านาทีต่อมาพวกเขาก็ได้มาถึงยังห้องอาหารขนาดใหญ่ภายในนั้นประกอบไปด้วยโต๊ะยาวและอาหารที่ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะจนไม่เหลือที่ว่าง
ซุปที่มีสีเหลืองทองเนื้อชิ้นโตที่น่าขย้ํา,และผักหลากสีสันกลิ่นของซุปนั้นทําให้พวกเขารู้สึกหิวกระหาย
และในตอนนั้นเองก็ได้มีคนเดินเข้ามาพร้อมกับไวน์แดง
“หวังว่าพวกเจ้าจะพอใจกับมื้ออาหารที่ข้าได้จัดเตรียมเอาไว้ให้กันนะ”
กันโฟลได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“นี่มันจะหอมเกินไปแล้ว!”
เหล่าลูกเรือกลุ่มโจรสลัดโซลได้วิ่งเข้าไปหาที่นั่งและลงมือสวาปามอาหารเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
โรแกนนั้นนั่งอยู่ข้างๆกับกันโฟลพร้อมกับพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน
ซึ่งสิ่งที่พวกเขาพูดถึงนั่นก็คือความมหัศจรรย์ของเกาะแห่งท้องฟ้า,สภาพอากาศที่แปลกประหลาด,ความพิเศษทางวัฒนธรรม,และอื่นๆอีกมากมาย โรแกนเองก็ได้บอกเล่าเกี่ยวกับทะเลสีฟ้าให้กันโฟลฟังเป็นครั้งคราวเมื่อได้ฟังถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างพวกเขาทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมต่อความยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้
เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ได้ไหลผ่านมาถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ข้าไม่รู้ถึงเวลาที่แน่นอนแต่น่าจะประมาณเมื่อ 400 ปีก่อนที่อัปเปอร์ยาร์ดปรากฏขึ้นมายังที่
แห่งนี้”
กันโฟลนั้นกําลังพูดถึงประวัติของอัปเปอร์ยาร์ดให้โรแกนฟัง
“เกาะแห่งนี้ที่มีชื่อว่าอัปเปอร์ยาร์ดนั้นเป็นสถานที่ที่แตกต่างจากเกาะแห่งท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อมันปรากฏขึ้นมาเหล่าบรรพบุรุษของข้าก็ได้เริ่มทําการสํารวจมันด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที”
“และสุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาก็นํามาซึ่งความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์!”
โรแกนนั่งฟังอย่างเงียบๆ
ประวัติศาสตร์นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนซึ่งเรื่องราวพวกนี้ส่วนใหญ่นั้นล้วนแล้วแต่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในมังงะหรืออนิเมะมากนัก
“พวกเขาได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะอัปเปอร์ยาร์ดซึ่งก็คือชนเผ่าแชนเดียร์ซึ่งในเวลานั้นชนเผ่าแชนเดียร์ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมายังเกาะแห่งท้องฟ้าเองก็รู้สึกตื่นตระหนกเช่นกันแต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นสุดยอดมากและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมูลมวลชาวท้องฟ้าที่หลั่งไหลเข้ามา ในอัปเปอร์ยาร์ดสุดท้ายสงครามก็ได้ปะทุขึ้นมา!”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้กันโฟลก็ได้ถอนหายใจออกมา
“กว่าสงครามจะสงบลงมันก็กินเวลาถึง 400 ปี!”
“400 ปี?”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ สี่ร้อยปีที่แล้วจอมเทพในยุคนั้นได้ทําการขับไล่เผ่าแชนเดียร์ออกจากเกาะแห่งนี้พร้อมกับปล่อยให้สงครามยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้!”
“จนถึงตอนนี้เผ่าแชนเดียร์ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะทวงคืนดินแดนแห่งนี้แต่พวกเขานั้นยังอ่อนแอเกินไปที่จะมาต่อกรกับชาวท้องฟ้า
กันโฟลได้ส่ายหัวไปมา
“นายก็ช่วงชิงดินแดนของพวกเขามาแล้วไม่ใช่หรือไง”
เจสันได้กล่าวออกมาในขณะที่ปากเต็มไปด้วยอาหาร
“มันก็ไม่ถูกซะทีเดียวจริงอยู่ที่สงครามในครั้งนั้นไม่ควรที่จะเกิดขึ้นแต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเกาะอัปเปอร์ยาร์ดแห่งนี้ก็จะมีผู้ปกครองได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น”
กันโฟลได้กล่อาและส่ายหน้าไปมา
“ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะเป็นมายังไงแต่ในตอนนี้เกาะอัปเปอร์ยาร์ดแห่งนี้คือของพวกเรา”
เมื่อพูดมาถึงตรงหน้าใบหน้าของกันโฟลก็ได้ปรากฏความภูมิใจขึ้นมา
มันก็สมควรที่จะภูมิใจก็ในเมื่อบรรพบุรุษของเขาเป็นฝ่ายชนะ
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมันคือกฎแห่งป่า!
ในสงครามนั้นสิ่งที่เรียกว่าความเมตตานั้นมันไม่เคยมีอยู่จริง!
หลังจากเล่าจบกันโฟลก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย
“กันโฟลฉันอยากรู้เรื่องหนึ่งมันเกี่ยวกับเผ่าแชนเดียร์,พอดีฉันได้ยินมาว่ามันมีซากโบราณสถานของเผ่าแชนเดียร์อยู่บนเกาะอัปเปอร์ยาร์ดแห่งนี้นั้นจริงไหม?”
โรแกนได้กล่าวถามออกมาก่อนที่จะยกไวน์แดงขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ
“นั้นเป็นเรื่องจริง!”
กันโฟลได้กล่าวตอบออกมาตรงๆ
“แต่ในตอนนี้มันได้กลายเป็นสถานที่รกร้างและเป็นที่อยู่ของพวกสัตว์ร้ายไปแล้ว”
“บรรพบุรุษของพวกเรานั่นได้กําหนดให้ที่แห่งนั้นเป็นเขตหวงห้ามของเกาะอัปเปอร์ยาร์ด!”
“เขตหวงห้าม?”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยความสงสัย
“ที่แห่งนั้นคือสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปได้ ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการที่จะไปที่นั้นข้าก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย!”
กันโฟลได้กล่าวออกมาด้วยท่าที่จริงจัง
คอมเม้นต์