The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 391: ระฆังทอง!
S.PP: บทที่ 391: ระฆังทอง!
ป่าที่อยู่ในบริเวณนี้นั้นถูกปกคลุมไปด้วยซากอารยะธรรมของชนเผ่าแชนเดียร์
โบราณสถานแซนโดร่านั้นคืออารยธรรมที่หายสาบสูญไปกว่า 800 ปี ตามตํานานนั้นสิ่งปลูกสร้างของที่แห่งนี้นั้นจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยทองค่าและที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือระฆังทองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางที่ว่ากันว่าเสียงของมันนั้นสามารถดังก้องกังวานไปทั่วทั้งโลกได้เลยทีเดียว
และนี่ก็คือเมืองโบราณที่หายสาบสูญไปจากความทรงจําของผู้คนกว่า 800 ปี!
และเมื่อสี่ร้อยปีก่อนในตอนที่เมืองแห่งนี้ถูกน็อคอัพสตรีมซัดขึ้นมาบนเกาะแห่งท้องฟ้ามันก็ได้พุ่งทะยานขึ้นมาพร้อมกับเสียงใสของระฆังทอง ดังนั้นแม้แต่กับพวกชาวท้องฟ้าเองก็ยังถือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ (อธิบายนะครับคืออารยธรรมของเผ่าแชนเดียร์นั้นมีมานานมากแล้วและในช่วง 800 ปีก่อนก็คือยุคทองของเผ่าแต่ก็ถูกพวกรัฐบาลโบกจัดการจนหายไป จากหน้าประวัติศาสตร์และพอผ่านมา 400 ปีเผ่าแชนเดียร์ก็ถูกน็อคอัพสตรีมซัดขึ้นมาบนเกาะแห่งท้องฟ้า)
ความเก่าแก่โบราณของสถานที่แห่งนี้ทําให้พวกโรแกนรู้สึกสั่นสะท้าน พวกเขาเชื่อเหลือเกินว่าไม่ว่าจะเป็นใครถ้าได้มาเห็นซากอารยธรรมพวกนี้ด้วยตาของตัวเองพวกเขาก็ต้องรู้สึกแบบเดียวกันกับที่พวกเขากําลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้
“ยึดดด!”
โรแกนได้สูหายใจเข้าก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปหาโบราณสถานแซนโดร่า
เมื่อเห็นอย่างนั้นพวกลูกเรือก็ได้เดินตามเขามาติดๆ ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกตกตะถึงมากเท่านั้น
“เมื่อ 400 ปีก่อนมีนักเดินเรือคนหนึ่งที่ชื่อว่าม็องบลัง โนแลนจากทะเลนอร์ธบลได้แล่นเรือมายังที่เกาะจายาและเขาก็ได้ค้นพบเมืองขุมทอง ในตอนนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นและตกตะลึงเป็นอย่างมากและเมื่อเขาแล่นเรือกลับไปที่บ้านเกิดของเขาเขาก็ได้ไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเขาได้ค้นพบเมืองขุมทอง!”
โรแกนได้เดินไปข้างหน้าพร้อมกับลูบคล่าไปที่กําแพงที่เต็มไปด้วยรอยแตกและกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
ในตอนนี้พวกเขาต่างก็กําลังตั้งใจฟังในสิ่งที่โรแกนพูด
แม้ว่าตํานานโบราณนี้จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาแต่เรื่องที่โรแกนเล่านั้นฟังดูน่าสนใจมาก
ประวิติศาสตร์ของคนยุคก่อนนั้นมีน้อยมาก และพวกคนรุ่นหลังส่วนใหญ่นั้นต่างก็จดจําเพียงแค่เรื่องราวของบรรพบุรุษของพวกเขาเท่านั้นมันทําให้ประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องที่ห่างไกลผู้คน
“แต่เมื่อโนแลนกลับมาที่เกาะจายาอีกครั้งเขาก็ได้พบว่าเมืองขุมทองนั้นได้หายไปแล้ว”
“และด้วยเหตุนี้เองโนแลนจึงได้ถูกเรียกว่าจอมโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เขาหลอกลวงโลก,หลอกลวงอาณาจักรบ้านเกิดและในท้ายที่สุดเขาก็ถูกประหารแต่ถึงอย่างงั้นในวาระสุดท้ายเขาก็ยังคงยืนยันว่าเมืองขุมทองนั้นมีอยู่จริง!”
“เรื่องราวของเขานั้นได้ถูกส่งต่อไปตามกาลเวลา”
“แต่สิ่งที่โนแลนไม่รู้ก็คือเมืองขุมทองนั้นยังคงอยู่บนโลกใบนี้เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นมันอีกครั้งก็เท่านั้นเอง!”
โรแกนได้กล่าวออกมาช้าๆ
“ที่นี่คือเมืองขุมทองแชนโดร่างั้นหรอ?”
คล็อกโคไดล์ได้จ้องมองไปที่โบราณสถานที่ของเผ่าแชนเดียร์ด้วยความตกตะลึง
“ตอนเด็กฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับโนแลนแต่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง! งั้น..ถ้าเขาไม่ได้โกหกมันก็หมายความเมืองขุมทองนั้นมีอยู่จริงงั้นหรอ!?”
เทรนซุได้อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
” นี่มันจะน่าทิ้งเกินไปแล้ว! ไม่คิดเลยว่าเมืองขุมทองแซนโดร่าจะมาอยู่ที่นี่..ว่าแต่มันขึ้นมาบนนี้ได้ยังไงกัน!? ”
เจสันได้กล่าวออกมาด้วยความสงสัย
“นายลืมไปแล้วงั้นหรอว่าพวกเราขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง?”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“น็อคอัพสตรีม!?”
เหล่าลูกเรือได้ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ในเวลานี้ดวงตาของพวกเขาแต่ละคนนั้นต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อยู่ในหัวมันต้องเป็นน็อคอัพสตรีมแบบไหนกันที่ซัดเกาะขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาบนนี้ได้
“เรื่องจริงงั้นหรอเนี่ย! น็อคอัพสตรีมที่เกิดขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อนมันจะน่ากลัวขนาดไหนกันนะ?”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากยอมรับแต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลอื่นมาแทนที่ได้แล้ว
“ถ้างั้นเกาะอัปเปอร์ยาร์ดก็คือส่วนหนึ่งของเกาะจายาเมื่อ 400 ปีก่อนงั้นหรอ?”
เนลื่นได้กล่าวถามออกมา
“ใช่แล้ว,เกาะอัปเปอร์ยาร์ดแห่งนี้คือเกาะจายาเมื่อสี่ร้อยปีก่อน!”
โรแกนได้กล่าวและพยักหน้า
“เป็นการรวมกันที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้เลยนะ! เรื่องที่คุณเล่าหนูเองก็เคยเห็นมันในหนังสือเหมือนกัน!”
ในตอนที่อยู่ที่บ้านของคริกเกตนั้นโรบินนั่นได้เผลอไปอ่านหนังสือการเดินเรือของโนแลนเข้าพอดี
“เมืองขุมทองหน่ะมีอยู่จริง!”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ความรุ่งเรืองของเผ่าแชนเดียร์ในอดีตนั้นเป็นสิ่งที่พวกเราไม่สามารถจินตนาการได้เลยแม้แต่น้อย”
เมื่อก้าวเข้ามาในซากโบราณสถานแห่งนี้โรแกนและคนอื่นๆก็ได้เงียบเสียงลงในทันทีเพราะในตอนนี้พวกเขานั้นต่างก็กําลังรู้สึกตื่นตากับซากประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งของสถานที่แห่งนี้อยู่
บนกําแพงที่แตกหักนั้นถูกสลักเอวไว้ด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่คลุมเครือ ดูเหมือนว่าจิตรกรรมพวกนี้จะมีหน้าที่ได้การบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเผ่าแชนเดียร์
“มีวิธีล่าสัตว์ถูกวาดเอาไว้ตรงนี้ด้วย”
“ตรงนี้เองก็บันทึกเกี่ยวกับประเพณีการแต่งงานของพวกเขาเอาไว้”
“ดูจากภาพนี้แล้วดูเหมือว่าพวกเขาจะบูชาเทพเจ้าด้วยนะ”
พวกเขาจ้องมองไปที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังพวกนั้นพร้อมกับความมันออกมา
ในขณะที่ทุกคนกําลังตีความความหมายของภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่นั้นเสียงของชาร์โปลอสก็ได้ดังขึ้นมา
“มาดูนี่เร็ว!”
“มีอะไร!?”
“รูประฆังทอง!”
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็ได้วิ่งเข้ามาหาชาร์โปลอสในทันที
“ถ้าจําไม่ผิดดูเหมือนว่าตรงใจกลางของเมืองโบราณแห่งนี้จะมีระฆังทองขนาดใหญ่ตั้งอยู่”
โรบินได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
ในตอนนั้นเองเจ้านายตัวน้อยก็ได้เดินเข้าไปลูบคลําภาพระฆังทองก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า
“เมื่อใดก็ตามที่เสียงระฆังดังขึ้นฝูงนกก็จะเปลี่ยนทิศในทันทีและในเวลาเดียวกันนั้นเองเหล่าคนของเผ่าแชนเดียร์ก็จะหมอบกราบเพื่ออธิษฐานต่อเทพเจ้าที่พวกเขาเคารพบูชา”
และเมื่อสายตาของเธอเลื่อนลงมาข้างล่างในตอนนั้นเองเธอก็ได้หยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่งด้วยความตกตะลึง
“นี่มัน!?”
ในตอนนั้นเองเธอก็ได้หันหน้าไปหาโรบิน
“โพเนกลีฟ?!”
โรบินตกใจมากเมื่อเห็นหินสีดําทรงสี่เหลี่ยมจัสตุรัสที่อยู่ข้างล่างของระฆังทอง
“ไม่ผิดแน่มันจะต้องเป็นโพเนกลีฟอย่างแน่นอน!”
ในตอนนั้นเองทั้งสองก็ได้ถึงภาพระฆังทองออกมา
“เราจะต้องหาที่ตั้งของระฆังทองให้เจอ!”
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาเหล่าลูกเรือคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา
“พวกเธอกําลังทําอะไรกันอยู่?”
“ที่ด้านล่างของระฆังทองมีโพเนกลีฟอยู่,พวกเราต้องหามันให้เจอ!”
โรบินได้กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
คอมเม้นต์