The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 392: เจอแล้ว
S.PP: บทที่ 392: เจอแล้ว
“ร้อยปีแห่งความว่างเปล่า?”
ด้านล่างของระฆังทองมีโพเนกลีฟงั้นหรอ?”
“สิ่งนั่นมันสามารถทําให้สืบค้นถึงประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่าได้จริงๆงั้นหรอ!?”
เจสันได้กล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
เขานั้นรู้ดีว่าประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่าคืออะไรทั้งนั้นเขาจึงรู้สึกประหลาดใจมาก
แม้ว่าจะมีคนที่ไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่าคืออะไรแต่พวกเขาก็ทําตัวเป็นผู้ ฟังที่ดีและไม่ได้กล่าวถามอะไรออกมา
“ประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่านั้นคือประวัติศาสตร์ในช่วง 900 ปีก่อนซึ่งไม่ได้มีการ บันทึกเกี่ยวกับมันเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว!”
คําพูดของเธอทําให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
“ว่าไงนะ? ประวัติศาสตร์มันคือสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่หรือไง? แล้วจู่ๆมัน จะหายไปตั้ง 100 ปีได้ยังไง?”
ชาร์โปลอสได้กล่าวออกมาด้วยความสงสัย
ไม่มีใครตอบคําถามของเขาทุกคนนั้นต่างก็จ้องมองไปที่เจ้านายตัวน้อยอย่างใจจดใจจ่อ
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่หลังจากที่ได้ตรวจสอบภาพระฆังทองเธอก็ได้หันกลับมาพูดอีกครั้ง
“เมื่อ 800 ปีก่อนนั้นคือยุคทองของชนเผ่าแชนเดียร์ชื่อเสียงและเสียงร้องของระฆังทองของ พวกเขานั้นดังก้องไปทั่วทั้งโลกใบนี้”
เจ้านายตัวน้อยได้กล่าวออกมาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“แต่เพียงชั่วข้ามคืนชนเผ่าแชนเดียร์ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้หายตัวไปเหลือทิ้งเอาไว้เพียงซากปรักหัก พังของสิ่งปลูกสร้างที่น่าสะพรึงกลัว”
ภาพจิตรกรรมฝาผนังแผ่นนี้นั้นได้จบลงด้วยภาพซากปรกหักพังของบ้านเมือง
“ไม่มีใครในโลกที่รับรู้ถึงสิ่งนี้เพราะว่ามันได้ถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไปแล้ว!”
“ประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่า,เหตุการณ์ทําลายล้างโอฮาร่า,ดูเหมือนว่ารัฐบาลโลก กําลังปิดซ่อนอะไรบางอย่างอยู่”
โรบินได้กําหมัดแน่นและพึมพําออกมา
ภาพซากปรักหักพังของบ้านเมืองที่ถูกบันทึกเอาไว้นั้นมันไม่ได้ต่างจากในตอนที่เกาะโอฮาร่า ถูกทําลายล้างเลยแม้แต่น้อย
“เบาะแสเดียวในตอนนี้ก็คือก้อนหินสีดําอันนี้งั้นสินะ?”
คล็อกโคไดล์ได้พ่นควันซิการ์และกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
“ใช่ บางทีพวกเราอาจจะค้นพบอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่าง เปล่า!”
ในเวลานี้พวกเขานั้นกําลังรู้สึกตื่นเต้น
ต้องขอยอมรับเลยว่าประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่านั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากจริงๆ พวกเขานั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าพวกเขาได้ก้าวเดินเข้ามาในเส้นทางที่แตกต่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รัฐบาลโลกนั้นคือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนวดขาว เอ็ดเวิร์ด นิวเกต,ร้อย อสูรไคโด,บิ๊กมัม,หรือแม้แต่แชงคูสพวกเขาก็ไม่เคยหวาดกลัว แต่อย่างไรก็ตามพวกเขากลับหวา ดกลัวต่อประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่าถึงขีดสุด!
ใครก็ตามที่มีท่าทีว่าสนใจประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่านั้นถือว่าเป็นศัตรูกับรัฐบาล โลก! เมื่อนักโบราณคดีบนโอฮาร่าคิดที่จะทําการถอดความโพเนกลีฟพวกเขาก็ถูกรัฐบาลโลกทํา ลายล้างในทันที,หรือแม้แต่โรเจอร์ที่สามารถหาคําตอบของเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วก็ยังไม่คิดที่ จะเผยแพร่เรื่องนี้ให้กับผู้คนได้รับรู้ด้วยเหตุผลบางอย่างและเลือกที่จะมอบตัวและเริ่มยุคสมัยแห่ง โจรสลัดบนแท่นประหารแทน
ทั้งหมดนี้ต่างก็แสดงให้เห็นถึงความเหี้ยมโหดของรัฐบาลโลก,ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประ วัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่างเปล่านั้นคือเกล็ดย้อนของพวกเขา!
รัฐบาลโลกนั้นยอมทําลายทุกสิ่งเพื่อมัน
แต่ถามว่าโรแกนและพรรคพวกของเขากลัวไหม?
คําตอบก็คือไม่!
ในขณะที่พวกเขากําลังตามหาเบาะแสของระฆังทองกันอยู่นั้นเองเสียงของเจ้านายตัวน้อยก็ ได้ดังขึ้นมา
“เจอแล้ว,มานี่เร็ว!”
“ทางทิศเหนือตรงหน้าของเราเป็นที่ที่มีระฆังทองตั้งอยู่!”
เจ้านายตัวน้อยได้ชี้ไปยังทิศเหนือ
เมื่อพวกเขามองตามนิ้วของเธอไปพวกเขาก็ได้พบกับขั้นบันไดที่แตกหัก
“ไปดูโพเนกลีฟในตํานานกันเถอะ”
“บางทีคนยุคก่อนอาจจะทิ้งอะไรบางอย่างที่น่าตกตะลึงเอาไว้ก็ได้”
ในขณะที่คนอื่นๆกําลังตื่นเต้นดาซก็ได้เดินเข้าไปหาชาร์โปลอสก่อนที่จะกระซิบที่ข้างหูของ
เขาว่า
“นายเป็นคนของเผ่ามังกรฟ้าไม่ใช่หรือไง?”
“ก็ใช่แล้วมันทําไม?”
ชาร์โปลอสได้พยักหน้าและกล่าวถามออกมา
“ฉันมีลางสังหรณ์ว่าบรรพบุรุษของนายอาจจะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความว่าง เปล่า,พวกนายเผ่ามังกรฟ้าปกครองโลกนี้มา 800 ปีแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“พอนายพูดแบบนี้ฉันถึงพึ่งคิดได้”
ชาร์โปลอสได้กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ไหมล่ะ แต่ตอนนี้พวกเรากําลังจะไปสืบหาความจริงของมันนะซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่ส่ง ผลเสียต่อเผ่ามังกรฟ้าของนายก็ได้ไม่ใช่หรือไง!?”
ดาซได้กล่าวออกมาอย่างช้าๆ
“งั้นหรอ?”
ชาร์โปลอสได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยกยิ้มและกล่าวออกมาว่า
“ไม่รู้สิแต่ฉันรู้สึกชอบชีวิตในตอนนี้มากกว่าชีวิตในตอนที่เป็นมังกรฟ้า”
“สําหรับฉันแล้วการผจญภัยนั้นคือทั้งหมดในชีวิตของฉัน! ถ้าประวัติศาสตร์ร้อยปีแห่งความ ว่างเปล่ามันเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรฟ้าจริงๆมันก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่!”
“โอ้จริงด้วย,ไปหาเทพธิดาของฉันดีกว่า!”
ชาร์โปลอสได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มและวิ่งตรงเข้าไปหาเจ้านายตัวน้อย
ดาซได้จ้องมองไปที่แผ่นหลังของชาร์โปลอสพร้อมกับส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันชักจะสงสัยซะแล้วสิว่าหมอนี้มันเป็นคนของเผ่ามังกรฟ้าจริงๆหรือเปล่า?”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ได้เดินมาถึงยังที่ตั้งของระฆังทอง แต่เมื่อขึ้นมาพวกเขากลับ ไม่พบระฆังทองหรือโพเนกลีฟที่อยู่ตรงฐานเลย
“ไม่มี!”
ความผิดหวังนั้นฉายชัดอยู่ในแววตาของพวกเขาทุกคน
“นี่เดาสิว่าฉันเจออะไร?”
ในขณะที่พวกเขากําลังรู้สึกผิดหวังเสียงของชาร์โปลอสก็ได้ดังแทรกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
พวกเขานั้นสามารถมองเห็นรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของชาร์โปลอสได้อย่างชัดเจน
“ฉันเจอมันแล้ว!”
ในเวลานี้ชาร์โปลอสนั้นกําลังเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดํา
“นี่มัน!?”
“โพเนกลีฟ!”
เหล่าลูกเรือได้จ้องมองไปที่ชาร์โปลอสด้วยความประหลาดใจ
“ชาร์โปลอสไอ้หนูยอดนักสืบ!”
เมื่อได้เห็นท่าทางของพวกเขาชาร์โปลอสก็ได้หัวเราะออกมาดังลั่น
แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ได้สังเกตเห็นถึงสีหน้าของพวกโรแกนที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป
“พวกนายเป็นอะไรกัน? ทําไหมสีหน้าถึงได้ดูแย่นัก?”
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของพวกเขาเขาก็เลยอดที่จะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
“ชาร์โปลอสระวัง!”
ในตอนนั้นเองเสียงร้องตะโกนของเทรนซก็ได้ดังลั่นขึ้นมา
“โฮกกกก!”
ทันใดนั้นเองเสียงร้องคํารามที่น่าขนลุกก็ได้ดังลั่นขึ้นมาที่ด้านหลังของชาร์โปลอส
ในเวลาต่อมาเงาร่างขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับบดบังแสงอาทิตย์ไปจนหมดสิ้น
อันตรายได้มาถึงแล้ว!
คอมเม้นต์