The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 395: หนูไม่เชื่อ!
S.P.P: บทที่ 395: หนูไม่เชื่อ!
“ฮ่าๆๆๆ!”
มังกรตัวน้อยที่อยู่บนไหล่ของเจสันได้จ้องมองมาที่ร่างของเออร์ดึง และหัวเราะออกมาด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน
ในตอนนั้นเองเจสันก็ได้จับลงไปที่ขาของเออร์ดิง ก่อนที่จะลากร่างของมันไปหาโรแกน
“แข็งแกร่งแต่ก็ยังไม่พอ”
โรแกนได้กล่าวออกมาอย่างช้าๆ
การปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับจัดการกับชาร์โปลอสและดาซของลิงยักษ์เออร์ ดังนั้นเป็นเรื่องที่เขารู้สึกประหลาดใจมาก
หลังจากนั้นเจสันก็ได้เดินไปยกโพเนกลีฟมาให้กับพวกโรแกน พร้อมกับนําเถาวัลย์มามัดร่างของเออร์ดิงเอาไว้อย่างแน่นหนา
ในเวลานี้สายตาของพวกเขานั้นได้รวมกันอยู่ที่โพเนกลีฟเป็นตาเดียว แต่ในที่แห่งนี้นั้นมีเพียงแค่โรบินและเจ้านายตัวน้อยเท่านั้น ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่บันทึกอยู่บนโพเนกลีฟ
หลังจากที่ถอดความไปได้หนึ่งประโยคใบหน้าของทั้งสองก็ได้เปลี่ยนไปเป็นตกตะลึงในทันที
“สิ่งที่บันทึกมันน่าตกใจขนาดนั้นเลยงั้นหรอ?”
เจสันและเทรนซุได้พึมพําออกมาด้วยความสงสัย
และในตอนนั้นเองเมื่อเทรนซุเหลือบไปเห็นโรแกนเขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัย เพราะในเวลานี้โรแกนนั้นกําลังจ้องมองไปที่โพเนกลีฟด้วยรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกันนั้นเองเจ้านายตัวน้อยก็ได้หันหน้าไปหาโรบินด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“นี่มันบันทึกอะไรเอาไว้กันแน่? มีใครพอรู้ไหม?”
เจสันได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันบันทึกอะไรเอาไว้แต่มันจะต้องน่าสนใจอย่างแน่นอน”
คล็อกโคไดล์พ่นควันและกล่าวตอบออกมา
โรแกนนั้นไม่ได้เข้าไปรบกวนเจ้านายตัวน้อยและโรบินแต่อย่างใดเพราะว่าตัวเขานั้นรู้ถึงสิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ก่อนแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกสนใจมันแต่อย่างใด
“ความจริงอยู่ในใจแต่ปากปิดสนิทพวกเราคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์ไปพร้อมกับท่วงทํานอง ของระฆังทอง!”
หลังจากเงียบอยู่นานในที่สุดพวกเธอก็ได้กล่าวออกมา
“ผู้บันทึกประวัติศาสตร์? นี่พวกเขาเป็นคนสร้างโพเนกลีฟขึ้นมาเองเลยงั้นหรอ?”
“แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นี้มันยังมีอีกหนึ่งข้อความที่สามารถสั่นสะท้านโลกใบนี้บันทึกอยู่ด้วย!”
เจ้านายตัวน้อยได้สูดหายใจเข้าและกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
ในขณะที่กําลังจะกล่าวดวงตาของเธอก็ได้ปรากฏความลังเลขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอกําลังรู้สึกลังเลที่จะกล่าวมันออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเองโรแกนก็ได้จ้องมองไปที่เจ้านายตัวน้อย
“ไม่..อย่าพูด!”
ทันใดนั้นเองเสียงของโรบินก็ได้ดังแทรกขึ้นมา
เธอดูจะตื่นตระหนกมากเมื่อเห็นว่าเจ้านายตัวน้อยกําลังจะกล่าวสิ่งนั้นออกมา
“โรบิน?”
ทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ
“สิ่งนี่คือสิ่งที่สามารถทําลายล้างโลกได้ ดังนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูดออกมา!”
โรบินได้จ้องมองไปที่เจ้านายตัวน้อยด้วยสายตาอ้อนวอน
ในเวลานั้นเองชาร์โปลอสและดาซก็ได้สติขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองไปที่บรรยากาศแปลกๆที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
เนื่องจากท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของโรบินจึงทําให้บรรยากาศในที่แห่งนี้เงียบเป็นอย่างมากเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ
“มันคืออะไร?”
ในตอนนั้นเองโรแกนก็ได้กล่าวถามออกมา
“อย่างที่โรบินบอกสิ่งนั่นคือสิ่งที่สามารถทําลายล้างโลกใบนี้ได้!”
เจ้านายตัวน้อยได้หลับตาเพื่อหลบจากสายตาของโรบินและกล่าวออกมา
ความสัมพันธ์ของเธอกับพวกโรแกนนั้นเป็นสิ่งที่โรบินไม่มีทางเข้าใจได้ แม้ว่าสิ่งที่บันทึกอยู่ในโพเนกลีฟจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรกล่าวออกมาขนาดไหน แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะบอกกล่าวมันออกมาแต่อย่างใด เพราะว่าพวกเขาคือกลุ่มคนที่สามารถไว้ใจได้!
“ทําลายล้างโลก?”
เหล่าลูกเรือได้จ้องมองไปที่เจ้านายตัวน้อยด้วยความตกตะลึง
“ใช่แล้ว ในอดีตเมื่อนานมาแล้วบนโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่าอาวุธโบราณอยู่,พวกมันแต่ละอันต่างก็มีพลังอํานาจที่สามารถทําลายเกาะได้ทั้งเกาะ!”
ค่าพูดของเจ้านายตัวน้อยทําให้เหล่าลูกเรือรู้สึกสั่นสะท้าน
“เรื่องจริงงั้นหรอเนี่ย!? ในยุคสมัยนั้นมันมีอาวุธแบบนั้นอยู่จริงๆงั้นหรอ!?”
“และสิ่งที่บันทึกอยู่ในโพเนกลีฟก็คือ..”
“ไม่! อย่าพูดนะพี่สาวอิลยา!”
โรบินได้ตะโกนแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ําตา
เธอไม่สามารถลืมภาพความโหดร้ายของเกาะโอฮาร่าที่ถูกทําลายล้างด้วยคําสั่งบัสเตอร์คอลได้เลย และถ้าสิ่งนี้ถูกแพร่งพรายออกไปโลกนี้จะเป็นยังไงต่อไป?
“มันคือหนึ่งในอาวุธเหล่านั้น!”
แม้ว่าจะถูกแทรกด้วยโรบินแต่เธอก็ยังคงกล่าวมันออกมา
“พระเจ้าช่วย!”
“นี่พวกเรากําลังได้ยินอะไรเนี่ย!?”
“ถ้าพวกเราได้ครอบครองมันไม่ใช่ว่าพวกเราจะไร้เทียมทานเลยหรือไงกัน?”
คําพูดของเจ้านายตัวน้อยได้ไปกระตุ้นความบ้าคลั่งของพวกเขาขึ้นมา
มีใครในโลกนี้บ้างที่ไม่อยากครอบครองพลังอํานาจที่สามารถทําลายล้างโลกได้?
เมื่อได้ยินคําพูดของเจ้านายตัวน้อยดวงตาของคล็อกโคไดล์และเทรนซุก็ได้เปล่งประกายขึ้นมา แน่นอนไม่ว่าใครก็ตามที่เคยเข้าไปในโลกใหม่จะต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องอาวุธโบราณอยู่แล้ว
“เงียบ! มันก็แค่อาวุธ”
คําพูดของโรแกนนั้นได้แฝงเอาไว้ด้วยฮาคิราชันย์ มันทําให้เหล่าลูกเรือกลับมาสงบในทันที
“อาวุธโบราณชิ้นนี้มีชื่อว่าโพไซดอนและมันก็ถูกขนานนามว่าจ้าวแห่งท้องทะเล!”
เมื่อได้ยินชื่อของอาวุธโบราณดังกล่าวอารมณ์ของพวกเขาก็ได้เดือดพล่านขึ้นมาในทันที แต่เพราะแรงกดดันของโรแกนทําให้พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ส่วนข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงไปกว่านี้ฉันไม่สามารถพูดได้จริงๆ”
เจ้านายตัวน้อยได้จ้องมองมาที่โรแกน
“เธอทําถูกแล้ว”
ข้อมูลสําคัญบางอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกมาส่งเดช การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธโบราณโพไซดอนของเจ้านายตัวน้อยนั้น มันได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อใจที่เธอมีต่อพวกเขา
ผ่านมาหลายปีหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่สาวน้อยอีกต่อไปแล้ว
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้สังเกตเห็นตัวอักษรแบบเดียวกับโพเนกลีฟที่ถูกสลักอยู่ข้างๆกับโฟเนกลีฟ
“เราพบข้อความแล้วและจะนํามันไปตามทางไปยังสุดขอบโลก,โกล ดี โรเจอร์!”
เมื่อได้ยินคําพูดของเจ้านายตัวน้อยเหล่าลูกเรือก็ได้จ้องมองมาที่โรแกนในทันที
“โรเจอร์เองก็เคยมาที่นี่ด้วย กัปตัน พี่ชายของคุณเคยมาที่นี่ด้วย!”
เจสันได้ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
ในตอนนั้นเองโรแกนก็ได้กล่าวตอบออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เขาต้องเคยมาที่นี่อยู่แล้วสิ
“ในเมื่อรู้ถึงสิ่งที่บันทึกอยู่ในโพเนกลีฟแล้ว มันก็ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องไปทําอย่างอื่นกันสักที!”
“มันยังมีอะไรให้ทําอีกงั้นหรอ?”
เหล่าลูกเรือได้กล่าวออกมาด้วยความงุนงง
ที่เบื้องหน้าของโพเนกลีฟในเวลานี้โรบินนั้น กําลังยืนเช็ดคราบน้ําตาของเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“โรบิน”
“พี่ไม่ควรบอกพวกเขา!”
โรบินได้กล่าวออกมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา
“มันเป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรจะได้รู้ไม่ใช่หรือไง?”
เจ้านายตัวน้อยได้กล่าวถามออกมา
“มันเป็นสิ่งที่อาจจะนํามาซึ่งหายนะและเมื่อไหร่ที่มันถูกแพร่งพรายออกไป ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันจะต้องเป็นอะไรที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน!”
โรบินได้กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
“ฉันเชื่อมั่นในตัวของพวกเขา”
เจ้านายตัวน้อยได้กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
โรบินได้เดินจากไปพร้อมกับซุ่มเสียงที่ลอยมาตามลม
“แต่หนูไม่เชื่อ!”
คอมเม้นต์