The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 433: อยากออกไปไหม?
S.PP: บทที่ 433: อยากออกไปไหม?
สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่โรแกนคิดเอาไว้ ประวัติศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การหลงเข้ามาในทิมทาวน์นั้นมันก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น
“นายไปรู้อะไรมาล่ะ?”
โรแกนได้กล่าวถามออกมา
“ฉันได้ยินเสียงบางอย่างที่คลุมเครือและดูเหมือนว่ามันกําลังบอกฉันถึงวิธีในการออกไปจากที่แห่งนี้”
โรเจอร์ได้กล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“เสียง?”
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้กลั้นหายใจและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรอยู่ดี
“แต่ฉันคงจะต้องใช้เวลาสักพัก
โรเจอร์ได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เหตุผลที่โรเจอร์ได้ยินเสียงนั้นน่าจะมาจากคุณสมบัติเฉพาะตัวของเขาอย่างเสียงของทุกสรรพสิ่ง
“พูดไปแล้วมันอาจจะฟังดูแปลกแต่ฉันรู้สึกว่ามิตินี้นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดเป็นของตัวเอง”
โรเจอร์ได้กล่าวออกมาด้วยความสับสน
แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้สลัดความคิดนี้ทิ้งไปเพราะตัวเขาเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เนื่องจากไม่มีอะไรทําทุกคนจึงหันมาเที่ยวชมทิมทาวน์ที่แปลกประหลาดแทน
แม้ว่าทิมทาวน์นั้นจะมีประชากรไม่มากนักแต่พวกเขากลับมีพื้นที่ว่างและสิ่งของแปลกๆอยู่เป็นจํานวนมาก ไม่รู้ว่าตระกูลทิมนั้นอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มานานขนาดแล้ว
ในตอนนั้นเองไรอันก็ได้พาพวกเขาเดินทางมายังพื้นที่รกร้างของทิมทาวน์
“ฉันคิดว่าพวกนายจะต้องชอบที่นี้อย่างแน่นอน”
ในตอนนั้นเองไรอันก็ได้แสดงรอยยิ้มแปลกออกมารอยยิ้มของไรอันนั้นทําให้พวกเขารู้สึกสงสัย
เมื่อมาถึงที่หมายใบหน้าของพวกเขาทุกคนนั้นก็ถึงกับกระตุก
“ที่นี่หน่ะหรอที่นายบอกว่าพวกเราจะชอบมัน?!”
ดาซได้ตะโกนถามออกมาเสียงดัง
เมื่อเห็นสายตาของทุกคนไรอันก็ได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ทําไม? พวกนายไม่ชอบที่นี่กันงั้นหรอ?”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาในเวลานี้นั้นคือสุสาน!
ไม่รู้ว่าชายคนนี้เอาสมองส่วนไหนคิดถึงคิดว่าพวกเขาจะชอบที่แห่งนี้?!
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่นี่ถูกสร้างมากี่ปีแล้ว แต่ที่นี่หน่ะคือสุสานที่สร้างขึ้นมาเพื่อคนนอกแบบพวกนาย!”
ไรอันได้กล่าวและเกาหัวไปมา
“สุสานของคนนอก?!”
ในเวลานี้พวกเขารู้ถึงสิ่งที่ชายคนนี้ต้องการจะสื่อแล้ว
“ที่นี่จะเป็นที่อยู่อาศัยของพวกนายในอนาคตนะ,พวกนายจะไม่ชอบมันจริงๆงั้นหรอ?”
“มองดูทิวทัศน์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยภูเขาและดอกทานตะวันพวกนี้สิมันเป็นสถานที่ที่งดงามมากเลยไม่ใช่หรือไง!”
ไรอันได้กล่าวออกมาด้วยความเบิกบาน
ไม่ว่าจะเป็นโรแกนหรือใครต่างก็หน้าดําคร่ําเครียดกับคําพูดและท่าทางของไรอัน
โรแกนเชื่อว่าปากของชายคนนี้นั้นน่ากลัวกว่าวิถีดาบของตัวเขาเอง แถมไม่แน่มันอาจจะเหนือกว่าอาวุธโบราณซะอีก
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
แต่เมื่อได้ยินค่าพูดของไรอันโรเจอร์กลับหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
พวกเขาทั้งสองนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่สามารถทําความเข้าใจได้
“พวกฉันขอตัว”
เมื่อกล่าวจบโรแกนก็ได้หมุนตัวและเดินจากไปพร้อมกับเหล่าลูกเรือของเขาในทันที
ในที่รกร้างแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยดอกทานตะวันที่พลิ้วไหวไปตามสายลมและเสียงหัวเราะของโรเจอร์กับคําพูดชวนโมโหของไรอัน
สิบห้านาทีต่อมาในที่สุดไรอันก็ได้พาพวกเขามาชมสิ่งที่น่าสนใจจริงๆสักที
“สิ่งที่เรียกว่ารถยนต์,รถยนต์นั้นขับเคลื่อนได้ด้วยเชื้อเพลิงที่เรียกว่าน้ํามันที่อยู่ในก้นทะเล ฉันจําไม่ได้แล้วว่าเป็นคนจากโลกภายนอกคนไหนที่นํามันเข้ามาแต่ด้วยความสะดวกของมันทําให้คนในเมืองใช้มันจนมาถึงทุกวันนี้”
ฝีมือในการขับขี่ของไรอันนั้นนับว่าเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากราวกับว่าเขานั้นเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน
เมื่อมองหน้ากันชาร์โปลอสและเอเนลก็พบกับแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสนใจในสิ่งที่เรียกว่ารถของกันและกัน
“มันทํางานด้วยพลังงานไฟฟ้างั้นหรอ? ฉันสัมผัสได้ถึงสนามแม่เหล็กอ่อนๆ”
เอเนลได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ไอ้หนูนายนี่ช่างสังเกตจริงๆ,นายพูดถูกแล้วรถยนต์นั้นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาจากเชื้อเพลิงอย่างน้ํามัน”
ไรอันได้หันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ค่าว่าไอ้หนูของไรอันทําให้สีหน้าของเอเนลเปลี่ยนเป็นอึมครึม
“เปรี้ย!”
ในเวลานั้นเองโรเจอร์และคนอื่นๆก็สังเกตเห็นกระแสไฟฟ้าที่เปล่งประกายออกมาจากร่างของเอเนล และในตอนนั้นเองกระแสไฟฟ้าเหล่านั้นก็ได้หลั่งไหลไปที่ใต้ท้องรถ
ในตอนนั้นเองจู่ๆความเร็วของรถก็เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เพียงครู่เดียวเข็มวัดความเร็วก็พุ่งสูงไปถึง 200! แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีมันก็พุ่งไปถึง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!? ทําไมฉันถึงควบคุมมันไม่ได้กัน!?”
ไรอันได้ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก
รถคันนี้นั้นไม่ใช่รถของเขาถ้าเกิดว่ามันเป็นอะไรขึ้นมาเขาซวยแน่
โรเจอร์และพรรคพวกของเขานั้นกําลังหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ไม่คิดเลยว่าไอ้สิ่งที่เรีย กว่ารถจะสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่สนุกไปกับพวกเขา
เอเนลได้ส่งเสียงออกมาด้วยความพึงพอใจ
นี่คือการแก้แค้นของเขาโทษฐานที่อีกฝ่ายกล้าเรียกเขาว่าไอ้หนู
“พี่เอเนลหนูกลัว!”
เมื่อเผชิญหน้ากับความเร็วที่บ้าคลั่งโรบินก็ได้กล่าวออกมาด้วยความกลัว
เมื่อได้ยินดังนั้นเอเนลก็ได้ทําการดึงกระแสไฟฟ้ากลับมาในทันที หลังจากที่กระแสไฟฟ้าถูกดึงกลับมาความเร็วของรถก็ลดลงอย่างชัดเจน
ห้านาทีต่อมารถก็ได้หยุดลงพร้อมกับไรอันที่วิ่งลงมาจากรถด้วยใบหน้าโล่งอก
ในตอนนั้นเองดาซก็ได้เดินเข้ามาตบไหล่ไรอันด้วยความเห็นใจ
“นายรู้จักสิ่งที่เรียกว่าผลปีศาจไหม?”
“ผลไม้อะไรงั้นหรอ? มันอร่อยไหม?”
ไรอันได้กล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ
“ถ้าเกิดว่านายชอบรสชาติของแมลงสาบมันก็น่าจะอร่อยนะ”
ดาซได้กล่าวออกมาจากใจจริง
การอธิบายนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากล่ามากเกินไปดังนั้นดาซจึงจะแสดงให้อีกฝ่ายได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
ในตอนนั้นเองมือทั้งสองข้างของดาซก็ได้เปลี่ยนไปเป็นใบมีด
“ฉันนั้นกินผลปีศาจซูปะ ซูปะเข้าไปจึงทําให้ฉันกลายเป็นมนุษย์ใบมีดที่สามารถเปลี่ยนทุกส่วนของร่างกายให้กลายเป็นใบมีดได้!”
ในตอนนั้นเองแววตาของไรอันก็ได้เปล่งประกายขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าฉันจะเคยได้ยินพวกผู้เฒ่าผู้แก่พูดถึงผลไม้นี้อยู่เหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะวิเศษขนาดนี้!”
ไรอันได้เดินเข้ามาสัมผัสใบมีดของดาซและพบว่ามันเหมือนกับใบมีดของจริงทุกประการ
“นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“ที่โลกภายนอกมีผลไม้นั้นอยู่จริงๆงั้นหรอ?”
“มันเป็นเรื่องจริง”
เมื่อกล่าวตอบออกมาดาซก็คิดที่จะบอกถึงสาเหตุที่เขาไม่สามารถควบคุมรถได้ แต่เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปในทันที
“ไรอันนายอยากออกไปที่โลกภายนอกไหม?”
ทันใดนั้นเองจู่ๆโรแกนก็ได้กล่าวถามขึ้นมา
“ออกไปที่โลกภายนอก!?”
ไรอันได้กล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ใช่,ออกไปที่โลกภายนอก!”
โรแกนได้กล่าวย่าออกมาอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นเองแววตาของไรอันก็ได้เปล่งประกายขึ้นมา
คอมเม้นต์