เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 182 คลี่คลายข้อผิดใจกับตระกูลหลิ่ว
ตอน 6 โมงเย็น เย่เฉินกำลังขับรถจักรยานให้เช่ากลับวิลล่าเฝยชุ่ย
สวี่ฉู่หมิงเหยียดหยามเย่เฉินว่าเป็นแค่คนส่งพัสดุ แต่กลับไม่รู้อะไรเลยว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการส่งพัสดุในทุกวัน ความคิดของเขาในทุกๆ วันล้วนแต่อาจจะสามารถเขย่าวงการขนส่งได้เลย!
หลังจากการส่งพัสดุไปสองวัน และได้สนทนาร่วมกับกลุ่มคนหลากหลายประเภท เขาก็พบว่าที่ชุนเฟิงกลายเป็นพี่ใหญ่ในวงการเป็นเพียงเพราะแค่พวกเขาปลอดภัยว่า เร็วกว่าและการบริการดีกว่าก็เท่านั้นเอง
แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายและค่าบริการที่แพงกว่าเจ้าอื่นๆ
สำหรับเย่เฉินแล้วหลังจากที่รับช่วงต่อไป๋ลี่ ก็สามารถทำเหมือนกับอีกฝ่ายได้ และยังสามารถทำราคาที่ต่ำกว่าอีกเจ้า เพราะสิ่งที่ตระกูลเย่มีมากที่สุดนั้นก็คือเงินทอง
อีกอย่างเขาพบว่าเนื้องานของวงการขนส่งมีเพียงงานเดียว เย่เฉินอยากจะรวมกิจการจนส่งกับเดลิเวอรี่อาหารเอาไว้ด้วยกัน ตอนที่เย่เฉินส่งอาหารหรือไม่ก็พัสดุยังสามารถแปะป้ายโฆษณาได้ด้วย
พนักงานขนส่งถึงขั้นที่สามารถใช้เวลาในการขนส่งอาหารหรือพัสดุในการทิ้งขยะ ขนย้ายสิ่งของ ช่วยขนย้ายระหว่างทางเป็นต้น นี่จะสามารถช่วยเพิ่มรายรับจำนวนมหาศาลให้กับพนักงานขนส่ง
อีกอย่างเย่เฉินยังคิดจะจ้างสาวสวยและหนุ่มหล่อมาเป็นพนักงานขนส่ง ขอแค่หน้าตาของพนักงานไป๋ลี่ดูดีกว่าบริษัทอื่นๆ อย่างั้นแขกก็จะเลือกรับเอกสาร ส่งเอกสาร ตัวเลือกแรกก็จะเป็นไป๋ลี่
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไป เย่เฉินก็ผลักประตูวิลล่าออกแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร
ฉินหงเหยียนทำกุ้งผัดน้ำมัน เนื้อวัวผัดแห้ง แล้วก็แกงจืดรากบัว
เย่เฉินหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารที่ฉินหงเหยียนทำใส่ปาก ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าอาหารเลิศรสเกินจะบรรยาย
ไม่เพียงแต่อาหารอร่อย แต่หลักๆ ก็คือน้ำใจจากแฟนสาวที่ทำอาหารให้เขาด้วยตนเอง ทำให้เย่เฉินยิ่งตื้นตันไปมากกว่าเดิม
“ตอนนี้ผู้หญิงในประเทศของพวกเราที่ยอมทำอาหารด้วยตัวเองก็น้อยลงไปทุกที เหมือนหวังเจียเหยาที่อยู่บ้านไม่ทำอะไร ไม่ยอมทุ่มเททำอะไรทั้งนั้น ไม่ยอมทำงานบ้าน ไม่ยอมซักผ้าทำอาหารด้วยซ้ำ พวกหล่อนรู้สึกว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วต้องทำเรื่อพวกนี้ไม่สู้เป็นโสดไปตลอดชีวิตยังจะดีกว่า แต่ว่าฉินหงเหยียนกลับยอมทำเรื่องพวกนี้เพื่อผม ต่อให้ผมไม่ยอมปล่อยให้เธอทำก็เถอะ”
เย่เฉินถึงได้เข้าใจว่าการรักใครสักคนอย่าแท้จริง คือการยินยอมทุ่มเทเรื่องนี้ ยินยอมลำบากเพื่ออีกฝ่าย
หวังเจียเหยาแตกต่างกับฉินหงเหยียนราวฟ้ากับเหว!
เย่เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วส่งข้อความหาฉินหงเหยียน “ที่รักครับ อาหารที่คุณทำอร่อยสุดยอดไปเลย! รอคุณกลับบ้านเรานะครับ ถ้าจะให้ผมไปรับก็โทรบอกผมนะครับ!”
……
1 ทุ่ม ณ ร้านอาหารส่วนตัว ในวิลล่าจิ่วเจียนถังหมายเลข 51
ที่นี่ไม่รับการจองล่วงหน้า มีแค่คนสนิทเท่านั้นถึงจะมากินข้าวที่นี่ได้ เพราะว่าเป็นส่วนตัวอย่างมาก ดังนั้นแขกจึงเป็นพวกผู้บริหารของธุรกิจใหญ่ๆ มาคุยธุรกิจที่นี่
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงเคยมากินอาหารที่นี่เมื่อ 7 ปีก่อนกับพวกผู้บริหารที่ทำธุรกิจค้าขาย
ตอนนี้คนพวกนั้นถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกันมากๆ ก็เป็นพวกคนที่ร่ำรวยกันสุดยอด อีกทั้งยังเก็บตัวอย่างมาก ฉินหงเหยียนอยากจะติดต่อพวกเขาอยู่หลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้
ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงมาถึงก่อนแล้วนั่งดื่มชารอคนอื่น
หลิ่วหย่วนหางมาที่ห้อง VIP ตรงเวลาพอดี
“พี่ใหญ่!”
สวี่ฉู่หมิงลุกขึ้นแล้วทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ น้องฉู่หมิง!”
หลิ่วหย่วนหางยิ้มจนตาหยี แล้วสวมกอดกับสวี่ฉู่หมิง ดูแล้วทั้งสองคนสนิทสนมกันจริงๆ
“คุณหลิ่ว”
ฉินหงเหยียนที่แต่งตัวสวยเป็นพิเศษ แล้วทักทายหลิ่วหย่วนหางอย่างนับถือ
“ฉินหงเหยียนเป็นคนเมืองเสินเฉิง เรียกหล่อนว่าเสี่ยวฉินก็ได้” สวี่ฉู่หมิงแนะนำ
“อ้อ เสี่ยวฉิน สวัสดีๆ หน้าตาสวยจริงๆ”
หลิ่วหย่วนหางที่แต่ไหนแต่ไรไว้ตัว และไม่เคยส่งยิ้มให้คนแปลกหน้า คิดไม่ถึงว่าจะส่งยิ้มพลางจับมือกับฉินหงเหยียนแล้วชมว่าหล่อนสวยด้วย
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้พลางคุยกับสวี่ฉู่หมิง “น้องชาย เหมือนฉันเคยได้ยินนายพูดถึงชื่อเสี่ยวฉินอยู่หลายครั้ง อย่าบอกนะว่าหล่อนคือผู้หญิงที่นายพร่ำเพ้อหาอยู่ได้น่ะ”
สวี่ฉู่หมิงเห็นหลิ่วหย่วนหางนั่งลงอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ตนเองก็ทรุดตัวนั่งลงกล่าวพลางระบายยิ้ม “ผมเคยพูดถึงหล่อนให้พี่ฟังตอนไหนครับ? พี่อย่าใส่ความผมสิ”
“เคยสิๆ” หลิ่วหย่วนหางพูดตรงไปตรงมา “นายเมาเหล้าแล้วเอาแต่พูดชื่อเสี่ยวฉินอยู่หลายครั้งเลย”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะร่วน “งั้นเหรอ? ผมจำไม่ได้เลยล่ะ”
ทุกคนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
และในเวลานี้เองหลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อก็เดินเข้ามาในร้านอาหาร
“คุณอาสวี่”
คุณชายที่ร่ำรวยสองคนก้มคำนับอย่างนับถือทันทีเมื่อเห็นสวี่ฉู่หมิง
สวี่ฉู่หมิงดื่มชาต่อแล้วระบายยิ้ม “อ้อ เสี่ยวเฟิงกับอวี่เจ๋อมาแล้วเเหรอ นั่งสิ”
ส่วนฉินหงเหยียนกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อเห็นสองคนพี่น้อง
เพราะคนสารเลวหลิ่วอวี่เจ๋อทำให้หล่อนอับจนหนทาง หางานไม่ได้สักที่ในเทียนไห่!
หนำซ้ำตอนที่ทั้งสองคนเจอกันเมื่อคราวก่อน หลิ่วอวี่เจ๋อยังแอบจุมพิตหล่อนอีก!
โชคดีที่ตอนนั้นฉินหงเหยียนมีเย่เฉินเป็นแฟนแล้วจึงไม่อยากทำเรื่องที่ผิดต่อเขา
หากว่าหล่อนยังเป็นโสด ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนรักเย่เฉินไม่มากพอ บางก็อาจจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาก็เป็นได้!
ในขณะที่บรรยากาศชวนให้กระอักกระอ่วนอย่างยิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หลิ่วหย่วนหางจะโพล่งออกมาว่า “เสี่ยวเฟิง อวี๋เจ๋อทักทายเสียสิ นี่คือเสียวฉินเธอกับอาสวี่เป็น…”
ฉินหงเหยียนกลัวว่าหลิ่วหย่วนหางจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมา จึงรีบผุดลุกขึ้นแล้วกล่าวกับชายหนุ่มสองคน
“พวกคุณเรียกฉันว่าหงเหยียนก็ได้”
หลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อมองเหตุการณ์ตรงหน้าออกทันที พวกเขาประสานเสียงกัน “สวัสดีครับพี่หงเหยียน”
“แค่ก สวัสดีจ้ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้รับการให้เกียรติจากคนตระกูลหลิ่ว
หญิงสาวคาดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะยอมเรียกตนเองว่าพี่หงเหยียน ดูแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิงและตระกูลหลิ่วน่าจะไม่เลวจริงๆ อีกทั้งเขาน่าจะมีอิทธิพลกับอีกฝ่ายในระดับหนึ่งเลย
หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเชฟก็เริ่มทำกับข้าว ส่วนหลิ่วเฟิงเองก็รินสุราให้สวี่ฉู๋หมิงและฉินหงเหยียนด้วยตนเองด้วยท่าทางสุภาพ โดยเขาเคารพนบนอบหญิงสาวอย่างมาก
ฉินหงเหยียนเองก็คุยสัพเพเหระกับพวกเขา
เมื่อเห็นเวลาผ่านไปพอประมาณแล้ว ฉินหงเหยียนเองก็รินเหล้าขาวจนเต็มแก้วสองแก้ว ลุกขึ้นแล้วกล่าวกับหลิ่วหย่วนหาง
“คุณหลิ่วก่อนนี้ฉันกับเย่เฉินแฟนของฉันไปล่วงเกินคุณชายหลิ่วเข้า หวังว่าคนยิ่งใหญ่อย่างพวกคุณจะใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย ปล่อยให้ฉันได้เดินสะดวกในเมืองเทียนไห่นะคะ ฉันขอดื่มให้คุณค่ะ”
แล้วฉินหงเหยียนก็ยกเหล้าขาวดื่มจนหมดในครั้งเดียว
พอหลิ่วหย่วนหางได้ยินคำว่า ‘แฟนหนุ่ม’ ก็มองมาที่สวี่ฉู่หมิงอย่างสงสัย
สวี่ฉู่หมิงพยักหน้ารับเหมือนเป็นคำตอบ
หลิ่วหย่วนหางเองก็ถือแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วกล่าว “เสี่ยวฉินสบายใจเถอะ น้องสวี่ฉู่หมิงพูดเองแบบนี้ ฉันก็รับปากทุกเรื่องนั่นล่ะ”
“หลิ่วเฟิง อวี่เจ๋อ ต่อไปภายหน้าห้ามไปหาเรื่องเสี่ยวฉินแล้วเข้าใจไหม?”
ถึงแม้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะไม่สบายใจ ถ้าให้ปล่อยเย่เฉินกับฉินหงเหยียนไปแบบนี้ พวกเขาก็จะสบายเกินไปแล้ว
ต้องรู้เอาไว้ว่าตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อมีลูกไม่ได้แล้ว!
เพียงแต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับปู่ของเขา ถ้าหากว่าปู่ของเขารู้ว่าเย่เฉินทำร้ายเขาจนมีสภาพแบบนี้ เชื่อว่าต่อให้สวี่ฉู่หมิงเป็นฝ่ายออกหน้าขอร้องแทนพวกเขาก็คงจะไร้ประโยชน์
หลิ่วอวี่เจ๋อมองสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียนแล้วลอบกล่าวกับตนเองในใจ “ฉินหงเหยียนกับสวี่ฉู่หมิงต้องมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากันแน่ หล่อนอาจจะเป็นกิ๊กกับสวี่ฉู่หมิงด้วยซ้ำไป!”
คอมเม้นต์