เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 452 ซูมู่ชิงเลือกสามีใหม่!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 452 ซูมู่ชิงเลือกสามีใหม่! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 452 ซูมู่ชิงเลือกสามีใหม่!

เย่เฉินย่อมรู้สึกว่าซูมู่หลินเป็นคนวางยาตนเอง!

เขาเป็นคนที่มีแรงจูงใจที่สุดในบรรดาคนต้องสงสัย และมีความสามารถที่จะทำเรื่องนี้ได้จริง!

เย่เฉินทำซูมู่หลินขาด้วนทำให้เขาเดินไม่ได้ ซูมู่หลินเกลียดชังเขา เลยวางยาในเหล้าเย่เฉินทำให้เย่เฉินตาบอด!

นี่จะต้องเป็นเรื่องที่ซูมู่หลินทำได้แน่!

ก่อนหน้านี้เย่เฉินไม่เคยไปล่วงเกินซูมู่หลิน เขาแค่อยากจะล้างแค้นแทนพี่สาวเลยนอนกับภรรยาของเย่เฉิน

ตอนนี้พอตัวเองโดนดูถูก คุณชายในเมืองหลวงอย่างซูมู่หลิน จะทนได้ยังไง!

ดังนั้นซูมู่หลินก็เป็นคนที่เย่เฉินสงสัยที่สุดในตอนนี้!

แต่ว่าเย่เฉินยังคงนอนบนเตียง แกล้งนอนหลับ ถึงแม้ว่าเขาจะโดนซูมู่หลินจับได้แล้วว่าเขาไม่ได้หลับ

เขาอยากรู้ว่าซูมู่หลินมาที่นี่เพราะเป้าหมายอะไร!

ซูมู่หลินนั่งบนรถเข็น HB ที่สั่งทำพิเศษ กดปุุ่มแล้วเดินไปด้านหน้า

รถเข็นอันนี้ทำตามความต้องการของซูมู่หลิน ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชั่นในการเดิน แต่มีฟังก์ชั่นอาวุธด้วย ขึ้นลงบันไดไม่ใช่ปัญหาอะไร

ซูมู่หลินกล่าว “พูดตรงๆ ตอนฉันรู้ว่านายโดนวางยากลายเป็นคนตาบอด ฉันดีใจมากๆ! คิดในใจว่าคนสารเลวอย่างนาย ในที่สุดก็จะเป็นเหมือนกันกลายเป็นคนพิการ! สมน้ำหน้า!” เย่เฉินแอบกำหมัดในผ้าห่มสีขาวแน่น!

ซูมู่หลินไอ้เดียรัจฉานคนนี้ ถ้าหากว่าเขาทำร้ายเย่เฉินจริงๆ คืนนี้เย่เฉินจะจัดการเขา!

ทว่าซูมู่หลินกลับพูดต่อ

“ในตอนนายทำขาฉันหักจนฉันเดินไม่ได้แล้ว ทำให้ฉันเดินไม่ได้ ฉันเคยอยากล้างแค้นนายจริงๆ เคยอยากให้นายขาหักด้วยไม่ก็ตาบอด หรือไม่ก็หูหนวกเป็นใบ้ ฉันเคยคิดมาหมดแล้ว! แต่ฉันไม่ได้ทำ! หนึ่งคุณปู่สั่งฉันเองไว้ห้ามฉันทำอะไรเหลวไหล สองคือเพราะพี่สาวฉัน! ฉันรู้ว่าพี่ฉันรักนายมาก หลังจากแต่งงานกับนานยแล้วหล่อนก็มีความสุขมาก หลายปีมานี้ฉันไม่เคยเห็นหล่อนมีความสุขแบบนี้มาก่อน ดังนั้นฉันเลยบอกกับตัวเองว่าขาข้างนี้ของฉันถือเสียว่าติดค้างนายเพราะตอนนั้นไปมั่วกับหวังเจียเหยา! ฉันก็เลยจะยอม! ฉันไม่มีทางทำให้นายตาบอด ไม่ใช่เพราะฉันไม่กล้าทำแต่เพราะฉันไม่อยากให้พี่สาวฉันเสียใจ! ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่ได้ทำ ถ้าหากว่าฉันทำ ฉันต้องยอมรับอยู่แล้ว!”

มือที่กำแน่นของเย่เฉินค่อยๆ คลายลง

เขายังคิดว่าซูมู่หลินเดินมาเหมือนอยากจะสารภาพกับตัวเอง เขาเป็นฆาตกร เขาก็อยากจะล้างแค้นความแค้นของลูกปืนนั้น

อย่างไรเสียที่นี่ก็คืออาณาเขตของตระกูลซู เย่เฉินตาบอด เย่เฉินรู้แล้วก็ทำอะไรกับซูมู่หลินไม่ได้

แต่คิดไม่ถึงว่าซูมู่หลินจะมาสารภาพความจริงกับตัวเอง

ด้วยนิสัยที่เย่อหยิงของซูมู่หลิน ถ้าหากว่าไม่ใช่ฝีมือเขา เขาสามารถไม่สนใจทำตัวเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ไม่มีความจำเป็นต้องสารภาพกับเย่เฉิน

ซูมู่หลินกล่าวต่อ “ฉันมาอธิบายกับนายโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพราะฉันละอายใจ แต่ก็ไม่ใช่เพราะฉันกลัวนายสงสัยว่าเป็นฝีมือฉันเลยล้างแค้น ฉันแค่ไม่อยากให้นายสงสัยฉัน แล้วไปส่งผลกับความสัมพันธ์ระหว่างนายกับพี่ฉัน ก็แค่นี้!”

ซูมู่หลินและซูมู่ชิงสนิทสนมกัน เขายอมล่วงเกินเย่เฉินเพื่อซูมู่ชิง และก็ยอมลดตัวมาอธิบายเรื่องราวพวกนี้กับเย่เฉินเพื่อซูมู่ชิง

ซูมู่หลินเห็นเย่เฉินไม่พูดจาก็หมุนรถเข็นเพื่อกลับบ้าน ก่อนจะไปกล่าว “คนที่วางยาให้นาย ฉันจะหาตัวมันเองแล้วล้างแค้นแทนนายเอง นายก็รีบๆ หายได้แล้ว ถ้านายตาไม่หายฉันคงต้องขอเตือนนายหน่อย ฉันไม่มีทางปล่อยให้พี่สาวฉันอยู่กับคนตาบอดชั่วชีวิต”

พูดจบซูมู่หลินเองก็เดินออกไปเอง

หลังจากซูมู่หลินเดินออกไปแล้ว เย่เฉินค่อยๆ ครุ่นคิดคำพูดเมื่อครู่ของซูมู่หลิน

เมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วเย่เฉินก็พึมพำ

“ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะมีเหตุให้ทำแบบนี้ แต่เขาเหมือนเป็นคนกล้าทำกล้ารับ ดูแล้วคนที่ลงมือคราวนี้ไม่น่าใช่เขา แต่นี่ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา จางเชี่ยนจือก็อาจเป็นคนทำก็ได้! แน่นอนว่าตอนนี้คนที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือเย่เซวียน!”

……

หนี่งสัปดาห์ต่อมา

เย่เฉินรับการตรวจร่างกายและการรักษาตลอดสัปดาห์ แต่ว่าสายตาของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น

ที่จริงเย่เฉินหายตั้งนานแล้วเพียงแต่ว่ายังบอกว่าตนเองมองไม่เห็นเท่านั้นเอง

เย่เฉินไม่อยากจะแช่อยู่ในโรงพยาบาล เลยขอออกจากโรงพยาบาล ซูเจิ้นหางก็เลยจัดการทำเรื่องให้เย่เฉินออกจากโรงพยาบาล

แต่เย่เฉินไม่ได้กลับบ้านซูมู่ชิง แต่ให้ซูมู่ชิงและเย่เฉินไปพักอยู่ที่บ้านหรูของเขา เพราะว่าที่นั่นปลอดภัยกว่า และกลัวว่าเย่เฉินจะโดนคนทำร้ายอีก

เมื่อเย่เฉินกินข้าวเสร็จก็กลับไปที่ห้อง แล้วใส่หูฟังเพื่อฟังเพลง

ดูแล้วเหมือนกำลังฟังเพลง ความจริงแล้วเขากำลังแอบฟังจางเชี่ยนจือมารดาของซูมู่ชิง

วันนี้บังเอิญจางเชี่ยนจือก็มากินข้าวที่นี่พอดี ดังนั้นเย่เฉินจึงแอบหย่อนเครื่องดักฟังไปในเข็มขัดของจางเชี่ยนจือ

ระยะเวลาสัปดาห์นี้เขาก็ได้ส่งคนไปแอบฟังหลิ่วอวี่เจ๋อ ฟางเชา ฟางเสี่ยนจู่พร้อมๆ กัน แต่ก็สืบไม่เจอข้อสงสัยอะไร

จางเชี่ยนจือเกลียดชังเย่เฉินที่ทำร้ายบุตรสาวหล่อน ที่ว่าผู้หญิงจิตใจชั่วร้ายบวกกับเพื่อลูกชายที่ตนเองรักนักหนา เย่เฉินก็คิดว่าหล่อนน่าจะทำอะไรก็ได้!

ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เลือกที่จะแอบฟังหล่อน!

เมื่อมาถึงตอนสี่ทุ่ม จางเชี่ยนจือก็เดินมาที่ห้องทำงานซูเจิ้นหาง

เย่เฉินรวบรวมสติแอบฟังบทสนทนาของพวกเขาสองคน

ในห้องทำงาน จางเชี่ยนจือที่ดูเหมือนคุณนายแล้วหันมองซูเจิ้นหางพลางกล่าว

“พ่อคะ ตาของเย่เฉินน่าจะไม่หายแล้ว กระทั่งหมอที่ดีที่สุดยังทำอะไรไม่ได้ เกรงว่าเขาน่าจะเป็นคนตาบอดทั้งชีวิต ฉันคิดว่าเราน่าจะต้องคิดเรื่องงานแต่งของเย่เฉินและซูมู่ชิงใหม่อีกครั้ง ฉันไม่มีทางยอมให้ลูกสาวฉันดูแลสามีที่ตาบอดหรอกนะคะ! ลูกสาวหนูเก่งขนาดนี้ เย่เฉินไม่คู่ควรกับหล่อน! ฉันต้องการให้ซูมู่ชิงหย่ากับเย่เฉิน แล้วค่อยให้ซูมู่ชิงแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น”

พอฟังมาถึงตรงนี้เย่เฉินก็อดโกรธไม่ได้

แม่ยายคนนี้เอาแต่ดูถูกเขาตั้งแต่ที่เขาแต่งงานกับซูมู่ชิง

ตอนนี้รู้ว่าเย่เฉินกลายเป็นคนตาบอดก็ยิ่งอยากจะกำจัดลูกเขยคนนี้!

แต่ซูเจิ้นหางกลับกล่าวว่า “เชี่ยนจือ ฉันเข้าใจความคิดเถอะนะแต่ว่าเธอรู้ไหมว่าเย่เฉินสำคัญกับตระกูลซูเรายังไง?”

จางเชี่ยนจือกล่าว “รู้สิคะ คุณพ่อ ที่พ่อเลือกเย่เฉินก็เพราะสนใจความลับของตระกูลเขาและอิทธิพลของตระกูลเย่ที่เมืองนอก แต่คุณพ่อคะตอนนี้เย่เฉินตาบอดแล้ว ตระกูลเย่ไม่ส่งคนในครอบครัวมาเยี่ยมเลย ส่งหมอมาก็ยังดี! หนูว่าตระกูลเย่น่าจะตัดเย่เฉินออกจากตระกูลแล้ว!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด