เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 334 หลิวเจิ้งคุนและซีกวาตกที่นั่งลำบาก!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 334 หลิวเจิ้งคุนและซีกวาตกที่นั่งลำบาก! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 334 หลิวเจิ้งคุนและซีกวาตกที่นั่งลำบาก!

คืนนี้เย่เฉินและฉินหงเหยียนมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันตลอดคืน

บทเพลง SUFFER ของ charlie puth ที่พวกเขาเปิดเพื่อสร้างบรรยากาศ บรรเลงวนไปไม่รู้กี่รอบแล้ว!

อีกทั้งในค่ำคืนนี้ก็มีคนที่ผ่านราตรีนี้ไปอย่างเร่าร้อนเช่นกัน ก็คือซูมู่หลินและหวังเจียเหยาที่พักอยู่ในห้องข้างๆ

ทั้งสองคนเองก็ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

และบังเอิญที่ทั้งสี่คนลงลิฟต์มาเจอกันตอน 9 โมงพอดี

เย่เฉินจูงมือฉินหงเหยียน ส่วนหวังเจียเหยาคล้องแขนซูมู่หลิน ทั้งสี่คนเจอกันโดยบังเอิญ

หวังเจียเหยาตกใจจนปล่อยมือออกจากซูมู่หลิน

พูดไปแล้ว คราวก่อนที่เจอเย่เฉินในโรงแรมห้าดาวคือตอนที่หล่อนไปเปิดโรงแรมกับฟางเชาแล้วโดนเย่เฉินจับได้

คราวนี้ก็เหมือนเดิม หวังเจียเหยาลนลาน

ทว่าซูมู่หลินกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วทักทายเย่เฉินก่อน

“เย่เฉินเห็นท่าทางเดินของพวกนายไร้เรี่ยวแรง คืนวานคงจะเหนื่อยมากล่ะสิ ฟ้าเหลืองกันเลยสิ ฮ่าๆ”

ซูมู่หลินมองไล่ไปตามขาของฉินหงเหยียนแล้วพบว่าตรงหัวเข่าของหญิงสาวเป็นสีแดงก่ำ อีกทั้งยังเขียวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าน่าจะเกิดจากเมื่อคืน

ส่วนหวังเจียเหยาสวมประโปรงสั้น เย่เฉินเหลือบตามองหัวเข่าหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ ก็พบว่าหัวเข่าหญิงสาวก็แดงๆ เขียวๆ เหมือนกัน!

ผู้ชายตัวโตสองคนอย่างซูมู่หลินและเย่เฉินย่อมเข้าใจทันทีที่มองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น!

เย่เฉินเห็นซูมู่หลินกับหวังเจียเหยาเปิดห้องด้วยกัน ก็ไม่สบอารมณ์

ถึงแม้ว่าแฟนในตอนนี้ของเขาคือฉินหงเหยียน และเขาเองก็ไม่รักหวังเจียเหยาอีกต่อไป แต่อย่างไรเสียหล่อนกับซูมู่หลินก็เคยทรยศเขา!

อีกทั้งเมื่อวานหวังเจียเหยายังมีหน้ามาบอกเย่เฉินว่าหล่อนรักแค่เย่เฉินคนเดียวในโลกใบนี้!

รักกับพ่อคุณสิ!

เมื่อเช้าเพิ่งบอกว่ารักผม แต่ตกดึกมาเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่นเนี่ยนะ?

นี่คือความรักที่คุณมีให้ผมเหรอเนี่ย?!

เย่เฉินนึกถึงคำพูดเมื่อวานที่หวังเจียเหยาพูดแล้วก็ขยะแขยง!

เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยาแแล้วถาม “ลูกล่ะ?”

หวังเจียเหยาไม่กล้าสบตาเย่เฉินตรงๆ “ฮะ?”

เย่เฉินทวน “ผมถามคุณว่าลูกชายผมอยู่ที่ไหน?!”

หวังเจียเหยากล่าวเสียงเบา “อ๋อ ลูกของเราอยู่อวิ๋นโจว แม่ฉันดูอยู่”

เย่เฉินหัวเสีย “หวังเจียเหยาคุณนี่ใช้ได้นี่ ลูกยังเล็กอยู่เลย คุณทิ้งลูกไว้ที่อวิ๋นโจว แล้วโร่มาหาผู้ชายที่นี่คนเดียวเหรอ!”

หวังเจียเหยารีบร้อนอธิบาย “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะซูมู่หลิน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมาที่เมืองเสินเฉิง!”

เย่เฉินตะคอก “มาหาผมเหรอ? มาหาผมแล้วไปโผล่ที่ห้องผู้ชายคนอื่นได้ยังไง?”

หวังเจียเหยากล่าวทันที “จะไม่ใช่เพราะนายได้ยังไง นายกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเดิม กลับไปคืนดีกับฉินหงเหยียน ไม่ยอมดีกับฉันแล้วยังไม่ยอมให้ฉันไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ?”

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่ได้ห้ามคุณไม่ให้ไปหาผู้ชายคนอื่น คุณอยากไปหาใครก็ตามใจ ผมไม่สนใจหรอกแต่ว่าคุณจะเป็นแม่ที่เอาแต่หาความสุขให้ตนเอง ไม่สนใจลูกเต้า ผมว่าให้ตระกูลผมมารับลูกชายเร็วกว่าเดิมดีกว่า!”

“ไม่นะ! เย่เฉิน ขอร้องล่ะ อย่าเอาลูกฉันไป!”หวังเจียเหยาเริ่มลนลาน

ตอนนี้ซูมู่หลินเปิดปากเอ่ยพลางระบายยิ้มน้อยๆ “หวังเจียเหยา ทำไมต้องขอร้องเขา ตอนนี้เขาเป็นคนไม่มีเงินแล้ว เงินโดนอายัดอยู่ ไม่มีเงินจะใช้สักบาทเดียว อีกทั้งเขาก็ติดต่อคนในตระกูลเขาไม่ได้ ไม่สนใจเขามานานแล้ว ตระกูลเย่ไม่กล้ากลับมาเหยียบประเทศนี้หรอก”

เมื่อได้ยินคำพูดของซูมู่หลิน ใบหน้าของเย่เฉินฉายแววไม่พอใจ “เป็นอย่างที่คิดจริงด้วยว่าคนตระกูลซูหาเรื่องฉัน!”

ซูมู่หลินแค่นเสียง “ถูกต้อง ตระกูลซูของเราจะหาเรื่องนาย ทำไมล่ะ?! เย่เฉิน นายนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่สาวฉันชอบนายถือเป็นบุญเมื่อชาติก่อนของนาย แต่นายกลับไม่เลือกพี่สาวฉัน ดันไปเลือกฉินหงเหยียน”

“บอกนายให้นะ การอายัดทรัพย์สินนายก็ยังสบายไป! ต่อไปฉันจะทำให้นายอนาถกว่าขอทานอีก!”

“แกรนหาที่เองนะ!” เย่เฉินอยากจะตะบันหมัดใส่หน้าอีกฝ่าย

“อย่าเลย” ฉินหงเหยียนดึงเย่เฉินเอาไว้ ที่นี่มีกล้อง ถ้ามีเรื่องวิวาทกันขึ้นมาจะต้องโดนลากเข้าคุกแน่

ซูมู่หลินกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัว “จะต่อยฉันเหรอ? วันนี้ฉันไม่ต่อยกับนายหรอกนะ ตอนนี้ฉันไม่มีแรงโดนเมียนายทำฉันเหนื่อยทั้งคืน ฮ่าๆ”

เห็นท่าทางภาคภูมิใจของซูมู่หลินที่โอ้อวดเรื่องของเขาและหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็นึกถึงเรื่องที่ทั้งสองคนทำผิดต่อเขาในระหว่างที่เขายังแต่งงานกับหวังเจียเหยาอยู่ จึงไม่สนใจเรื่องกล้องวงจรปิดอะไรอีก แล้วโผเข้าไปประเคนฝ่าเท้าให้อีกฝ่าย!

ซูมู่หลินโดนเย่เฉินยันจนไปติดประตูลิฟต์

“แกมันคนสารเลว คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงไม้ลงมือกับฉันเชียว! ฉันจะรอดูนายไปติดคุกกับพวกหลิวเจิ้งคุนเลย!”

ซูมู่หลินแผดเสียง

“ว่าอะไรนะ?” เย่เฉินจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในคำพูดของอีกฝ่าย

ซูมู่หลินหัวเราะคิกคัก “เย่เฉิน นายน่ะ หลงผู้หญิงจนลืมเพื่อน สนใจเรื่องจะไปหาความสุขกับผู้หญิงของตัวเอง เลยลืมเลยสินะว่าเพื่อนกำลังลำบาก หลิวเจิ้งคุน ซีกวาแล้วก็พวกนักเลงพวกนั้นน่ะโดนจับเข้าคุกกันหมดแล้ว แถมไม่มีใครโดนปล่อยตัวออกมาเลยด้วยซ้ำ! ไม่เพียงเท่านั้นนะ ฉันบอกนายให้ซีกวากับหลิวเจิ้งคุนลูกน้องที่แสนจะจงรักภักดีของนายน่ะจะโดนจับเข้าคุกไปตลอดชีวิต!”

เย่เฉินตะโกนกร้าว “ไร้สาระ เขาเป็นยังไงฉันรู้ดี มันไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น!”

และในเวลานี้เองหวังเอ้อร์เชอที่เพิ่งลงลิฟต์มาก็รีบร้อนเดินมาหาเย่เฉินแล้วกล่าวต่อว่า “คุณชายครับ แย่แล้ว หูจื่อทรยศพี่กวากับท่านคุน! เขาเอาเรื่องที่สองคนนั้นทำผิดกฎหมายมาตลอดหลายปีมานี้บอกตำรวจหมดแล้ว”

เย่เฉินจำคนชื่อหูจื่อคนนี้ไม่ได้ แต่จำได้ลางๆ ว่าเขาเหมือนจะเป็นลูกน้องของหลิวเจิ้งตุน

เย่เฉินมองซูมู่หลินที่มีท่าทีลิงโลด “พวกคุณซื้อหูจื่อไปแล้วสินะ?”

เย่เฉินหงุดหงิด ซีกวาคงจะไม่เป็นไรมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำผิดอะไรนักหนา

แต่ถ้าจะนับเรื่องที่หลิวเจิ้งคุนเคยทำบวกๆ กันเข้าไปแล้ว น่าจะโดนจับขังหลายปี

ทว่าซูมู่หลินกลับกล่าว “หลิวเจิ้งคุนกับซีกวาจะต้องโดนขังคุกตลอดชีวิตแน่นอน”

หวังเอ้อร์เชอก็กล่าวว่า “หูจื่อคนนั้นยังอ้างความผิดร้อยแปดโทษใส่ความท่านหลิวกับพี่กวา ทั้งเรื่องทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุรถชน ไฟไหม้ในตลอดหลายปีทั้งหลายแหล่ คุณชายเย่ ไม่แน่ว่าท่านหลิวกับพี่กวาอาจจะโดนจับขังไปตลอดชีวิตก็ได้นะครับ! คุณชายรีบหาวิธีช่วยพวกเขาเถอะครับ”

เย่เฉินร้อนรน ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนชดใช้ในความผิดที่ตนเองทำเขายังพอทนได้

แต่ตอนนี้ซูมู่หลินกลับหาคนมาใส่ร้ายพวกเขา!

หลิวเจิ้งคุนและซีกวาล้วนแต่เป็นลูกน้องของเย่เฉิน ซื่อสัตย์กับเขา ทำนี่นั่นแทนเขามามาก เย่เฉินไม่สามารถอยู่เฉยๆ และไม่ทำอะไรได้

เย่เฉินหันมองซูมู่หลิน “นี่ถึงกับจ้างคนมาใส่ร้ายลูกน้องฉันเชียวเหรอ?”

ซูมู่หลินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ทำไมจะไม่กล้า! ตอนที่นายจับฉันครั้งแรก ไอ้สองคนนั้นอยากจะฆ่าฉันด้วยซ้ำ! เย่เฉิน นายอยากให้ฉันช่วยพวกเขาไหมล่ะ? เรื่องนี้ง่ายนิดเดียวฉันแค่ต้องไปบอกคนของฉันให้ไปถอนคำร้อง แล้วยอมรับว่าเขาโกหก หลักฐานพยานบุคคลเป็นหลักฐานเท็จก็เรียบร้อยแล้ว”

เย่เฉินจึงถาม “แล้วมีเงื่อนไขอะไร?”

ซูมู่หลินกล่าว “ฉันไม่ได้เป็นคนตั้งเงื่อนไข นายต้องไปเมืองหลวงไปถามปู่ฉัน! นายกล้าไปเมืองหลวงไหมล่ะ!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด