เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 357 หวังหยวนหยวนเปลี่ยนชื่อแล้ว!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 357 หวังหยวนหยวนเปลี่ยนชื่อแล้ว! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 357 หวังหยวนหยวนเปลี่ยนชื่อแล้ว!

ถึงแม้ว่าจะเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เย่เฉินแน่ใจมากว่า หลี่เฉิงเจี๋ยคนนี้มีนิสัยใจร้อน ชอบระเบิดอารมณ์ ชอบใช้กำลังและพูดจาไม่นึกถึงใคร!

ไม่เพียงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการเป็นสามี แต่ยังไม่ใช่พ่อเลี้ยงที่ดีอีกด้วย!

บวกกับที่หลี่เฉิงเจี๋ยและเย่เฉินมีความแค้นต่อกัน เขาย่อมต้องเกลียดตนเองเข้ากระดูกดำ ส่วนซือซือเป็นลูกในไส้ของเย่เฉินอีกต่างหาก หลี่เฉิงเจี๋ยอาจระบายความแค้นที่มีต่อเย่เฉินที่ซือซือแทน!

นี่คือสิ่งที่เย่เฉินเป็นกังวลที่สุด ซือซือทั้งน่ารักและดีเลิศ เย่เฉินไม่มีทางปล่อยให้ใครต่อใครทำร้ายเด็กหญิง!

ซูมู่ชิงกล่าว “คุณสบายใจได้ ไม่ว่ายังไงหลี่เฉิงเจี๋ยก็เป็นถึงคุณชายตระกูลหลี่ ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อที่ดีเด่อะไร แต่ก็ไม่มีทางทำร้ายซือซือแน่ๆ อีกอย่างฉันเป็นคนดูแลซือซือเอง ไม่ได้ต่างจากที่ผ่านมา”

ในเมื่อซูมู่ชิงพูดขนาดนี้แล้ว เย่เฉินก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก

ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องนอนอย่างรวดเร็ว

เพิ่งจะเดินออกมา หลี่เฉิงเจี๋ยก็รีบปราดเท้าเดินมาแล้วกล่าวกับซูมู่ชิง “มู่ชิง ผมเพิ่งโทรหาพ่อแม่ผม พ่อแม่คุณด้วย เราสองคนกำลังจะแต่งงานกันแล้ว คืนนี้ผมอยากให้เราสองบ้านกินข้าวด้วยกัน”

หลี่เฉิงเจี๋ยกลัวว่าซูมู่ชิงจะยกเลิกงานแต่งงานกับเขาเพราะเย่เฉิน จึงรีบชิงนัดพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกมาเจอกัน เพื่อกำหนดเรื่องนี้ให้เป็นจริงเป็นจัง

ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ ไม่ปฏิเสธอะไร

“ดีจังเลย!” หลี่เฉิงเจี๋ยมีท่าทีดีใจอย่างมาก “งั้นเราก็เตรียมตัวกันเถอะ งั้นเราไปเลือกร้านถ่ายพรีเวดดิ้งก่อนดีกว่า”

“ค่ะ” ซูมู่ชิงรับคำ แล้วเดินไปหาเย่เฉิน “ไม่งั้นคุณค่อยมาพรุ่งนี้นะคะ”

“ครับ”

เย่เฉินบอกลาซือซือ แล้วมองสองคนแม่ลูกกับหลี่เฉิงเจี๋ยออกจากบ้านไป

ก่อนจะออกไห ท่าทางยโสโอหังของหลี่เฉิงเจี๋ย ทำให้เย่เฉินอยากจะซัดเขา

“หลี่เฉิงเจี๋ย วันนี้คุณเหยียดหยามผมต่อหน้าธารกำนัล แถมยังเหยียดหยามผมต่อหน้าลูกสาว เรื่องนี้ผมไม่มีทางปล่อยให้จบง่ายแน่ๆ!”

เย่เฉินกำหมัดแน่นเขาเป็นคนมีแค้นต้องชำระ อีกทั้งทันทีที่เขาเจอตัวฉินหงเหยียนก็จะออกไปจากที่นี่ทันที

คนที่เลือกยั่วโมโหเย่เฉินในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!

เพราะก่อนเย่เฉินจะไปเขาจะเอาคนพวกนี้ให้ตายได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรด้วยซ้ำไป!

“คุณชายไปนั่งพักในห้องเถอะค่ะ ดื่มชาสักหน่อย”

สาวใช้ที่ชื่อซวงเอ๋อร์ยืนตรงหน้าประตู กล่าวกับเย่เฉิน

เย่เฉินระบายยิ้มออกมา “ไม่ล่ะ ขอบใจนะ ผมยังมีธุระอยู่ ต้องไปแล้ว”

เมื่อเดินออกจากเรือนสี่ประสาน เย่เฉินแอบโทรหาหวังเอ้อร์เชอ

หวังเอ้อร์เชอ “คุณชาย!”

เย่เฉินกล่าว “เสี่ยวหวัง นายต้องออกไปจากเมืองหลวงก่อนนะ ฉันเดาว่าคนตระกูลซูน่าจะกำลังควานตัวหานาย คนตระกูลซูต้องไม่ปล่อยนายไปง่าๆ แน่”

หวังเอ้อร์เชอ “งั้นผมไปก่อนนะ แล้วความปลอดภัยของคุณชายจะทำยังไง?”

เย่เฉิน “ถ้าหากว่าคนตระกูลซูอยากจะฆ่าฉันละก็ ตอนฉันกลับมาครั้งที่สอง เขาก็คงจะลงมือไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาจับฉินหงเหยียนเอาไว้ เป้าหมายก็คงเพราะอยากจะบีบให้ฉันเป็นลูกเขยเขา คงจะไม่ทำอะไรฉันหรอก”

หวังเอ้อร์เชอ “ได้ครับ งั้นผมไปที่เมืองเสินเฉิงก่อน ไปหาพี่กวา! ได้ยินว่าคดีพี่กวามีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้น อาจจะออกมาได้เร็วๆ นี้”

เย่เฉินมองดูซูเจิ้นหางโทรไปเคลียร์คดีของหลิวจิ้งคุนกับซีกวาด้วยตาตนเอง ดูแล้วว่าหลังจากโทรแล้วเขาน่าจะไม่ได้กลับคำแต่อย่างใด

หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็กดวางสาย

ตอนนี้เย่เฉินไร้เงินทองเป็นเพียงยาจก แต่ก็ไม่ได้บอกให้หวังเอ้อร์เชอเอาเงินให้เขา เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเสี่ยงอันตราย เพราะเขารู้สึกว่าตนเองในตอนนี้น่าจะคนตระกูลซูอาจจะคอยจับตาดูอยู่!

ไม่มีเงิน ไม่มีบ้านอยู่ เป็นปัญหาที่เย่เฉินต้องแก้ไข

ดังนั้นเย่เฉินจึงลองหาพื้นที่ใกล้เคียง จากนั้นก็เดินตามแผนที่ไปห้างสรรพสินค้า JFS ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของซูมู่ชิง

ที่นี่คือห้างสรรพสินค้าที่นับว่าหรูหราอย่างมากของเมืองหลวง เย่เฉินตั้งใจจะมาสมัครเป็นยามที่นี่

สมัครงานเป็นยาม หนึ่งสามารถแก้ปัญหาเรื่องที่พักได้ สองยังได้เงินอีกด้วย

นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ยังสาเหตุที่สำคัญกว่า!

งานแบบนี้ เป็นสสถานที่ที่เหมาะสมที่เขาจะหาข่าวคราวของแฟนสาว!

คนในห้างมากมาย ถ้าหากว่าเย่เฉินโดนคนตระกูลซูสะกดรอยตาม เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะได้สลัดอีกฝ่ายให้พ้น

จากเรือนสี่ประสานของซูมู่ชิงมาที่นี่ เย่เฉินก็รู้สึกว่ามีคนกำลังตามเขา อีกทั้งไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวด้วย

เมื่อมาถึงห้องทำงานของยามในห้าสรรพสินค้าแล้ว เย่เฉินก็เคาะประตูก่อนจะเดินเข้าไป ด้านในมีคนนั่งอยู่ ชายคนดังกล่าวกำลังสูบบุหรี่พลางดูทีวีไปด้วย

ชายหน้าตาอัปลักษณ์ ดูแล้วยังไงก็ไม่ใช่คนดี แต่ว่าน่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตไม่น้อย

“สวัสดีครับ”

ชายคนดังกล่าวหันหน้ามา เห็นท่าทางเย่เฉินไม่ธรรมดาพาลคิดว่าเป็นแขกของห้างสรรพสินค้า “คุณผู้ชายมีธุระอะไรหรือไม่ครับ? หลงทางหรือเปล่าครับ?”

เย่เฉินกล่าว “ผมมาสมัครงานเป็นยามครับ พวกคุณรับสมัครคนงานไหมครับ?”

ทันทีที่ได้ยินว่ามาสมัครงาน ชายคนนั้นก็รีบร้อนเปลี่ยนสีหน้าทันที “สมัครงานเหรอ ตกใจหมดเลย”

จากนั้นชายในห้องก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม แล้วจ้องดูหนังในมือถือต่อ โดยไม่ได้แยแสเย่เฉินแม้แต่หน่อย

เย่เฉินกล่าวต่อ “ผมอยากได้เงินแค่พันหยวน แล้วก็มีที่อยู่ให้ก็พอ”

ทันทีที่ได้ยินข้อเสนอของเย่เฉิน เขาก็ดีใจอย่างยิ่ง “เดือนละพันเหรอ แน่ใจเหรอ?”

มีแต่เมืองลำดับสามสี่เท่านั้นที่จะยังชีพได้ด้วยเงินเดือนเพียงเท่านี้ นับประสาอะไรกับเมืองหลวง

เย่เฉินพยักหน้ารับ

ชายหนุ่มก็มีท่าทีตื่นเต้นดีใจ “ก็ได้ ฉันรับนายเข้าทำงาน ฉันคือผู้จัดการหวงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย ต่อไปมีอะไรก็มาติดต่อฉันได้เลย”

ในตู้มีชุดยาม นายเปลี่ยนชุดได้เลย แล้วไปทำงานที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชั้นสาม ไปเปลี่ยนกะกับอาเจี๋ยที่เข้าเวรที่นั้นแล้วบอกให้เขากลับมา”

เย่เฉินกล่าว “ตอนนี้ตัวผมไม่มีเงิน ผมอยากจะขอเงินหนึ่งพันตอนนี้เลย”

ผู้จดการหวงครุ่นคิดเล็กน้อย เขามองประเมินเย่เฉินก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เหมือนมิจฉาชีพแต่อย่างใด “งั้นขอบัตรประชาชนหน่อย”

เย่เฉินส่งบัตรประชาชนให้อีกฝ่าย เขาตรวจดูเล็กน้อยก็หยิบเงินพนึ่งพันออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วส่งให้เย่เฉิน

“เอาบัตรประชาชนไว้ที่ฉันก่อน นายนี่โชคดีแล้วนะ ปกติฉันไม่พกเงินสดเยอะขนาดนี้ ประหยัดเงินด้วยล่ะ ใช้หมดไปเดี๋ยวเดือนนี้จะไม่มีใช้ล่ะ!”

“ครับ”

เย่เฉินเอื้อมมือไปรับเงินมา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดทำงานเดินตรงไปที่ลานจอดรถชั้นสาม

เพราะว่าที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าที่หรูหรา ชุดของพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ต่างจากห้างอื่นๆ เห็นได้ชัดว่ามีระดับอย่างมาก ชุดยามจึงเหมือนชุดพนักงานบริการในเครื่องบิน

ตลอดทางที่เย่เฉินเดินไปนั้นตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาหญิงสาวน้อยใหญ่

“ว้าว พนักงานสายการบินคนนั้นหล่อจริงๆ เลย! อยากขอวีแชทจัง!”

“พนักงานสายการบินอะไร! ดูให้ดีๆ นั่นมันชุดยาม!”

“หา? หน้าตาหล่อขนาดนี้มาเป็นยามเนี่ยนะ? เงินกี่บาทเอง เพื่อนสาวหรือเราเลี้ยงเขาดี?”

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ…”

ยุคสมัยในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คำพูดในการวิจารณ์เย่เฉินของสาวๆ เหล่านี้เสียงดังกันอย่างมาก เย่เฉินได้ยินอย่างชัดเจน

เย่เฉินไม่ตอบอะไร เขาเดินตรงมาที่ลานจอดรถชั้นสาม จนไปเจอยามที่กำลังทำ OT อยู่เขาก็ถาม “นายคืออาเจี๋ยใช่ไหม?”

ชายคนนั้นหันมองเย่เฉิน “ใช่แล้ว นายมาใหม่เหรอ?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ “อื้ม ผู้จัดการหวงบอกให้ฉันมาเปลี่ยนกะกับนาย นายกลับไปพักที่ห้องทำงานได้เลย”

อาเจี๋ยดีอกดีใจ “จริงเหรอเนี่ย? แม่งเอ้ย ดีจังเลย ยืนอยู่ที่นี่ น้ำก็ไม่ได้ดื่ม หิวน้ำจะตายแล้ว งั้นฉันไปแล้วนะ”

อาเจี๋ยกล่าว “ง่ายมากเลย นายแค่ลองตรวจดูว่าคนที่ขับรถขึ้นมาที่นี่มีบัตรทองของ JFS เราหรือเปล่า หรือไม่ก็หลักฐานใบเสร็จ จำเอาไว้ต้องเป็นคนใช้บัตรทอง JFS หรือไม่ก็ใช้เงินแปดหมื่นในวันนั้นถึงจะสามารถขับรถขึ้นมาจอดได้ ถ้าไม่มีก็ไล่พวกเขาไป!”

พูดจบอาเจี๋ยก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

และในเวลานี้เองจู่ๆ ก็มีรถเฟอรารี่สีแดงคันหนึ่งขับโฉบมา ในรถมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยอายุประมาณ 20 ปีนั่งอยู่

ทว่าตอนเย่เฉินหันมองเก้าอี้ข้างคนขับ ก็ตกตะลึง “หยวนหยวนเหรอ?”

คนที่นั่งในตำแหน่งข้างคนขับก็คือหวังหยวนหยวน!

ส่วนสาวสวยที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ก็หันมองหวังหยวนหยวนอย่างสงสัย “เจินอวี่ เธอรู้จักยามคนนี้เหรอ?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด