เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 335 ไปเมืองหลวง!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 335 ไปเมืองหลวง! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 335 ไปเมืองหลวง!

ไปเมืองหลวง!

ปู่ของเย่เฉินเคยเตือนเขา ว่าจะประมาทอิทธิพลของตระกูลซูในประเทศนี้ไม่ได้ ถ้าเย่เฉินไปเมืองหลวงชีวิตอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ!

แต่ว่าตอนนี้หลิวเจิ้งตุนและซีกวาโดนจับ อีกเดี๋ยวจะโดนจับขังตลอดชีวิตเย่เฉินไม่สามารถมองทั้งสองคนติดคุกได้

แล้วเย่เฉินตอนนี้เองก็โดนอายัดทรัพย์สิน ติดต่อคนในตระกูลไม่ได้ ดังนั้นทั้งเส้นสายและอิทธิพลไม่มีทางตระกูลซูได้เลย

นอกจากจะไปตระกูลซูเท่านั้น ก็ไม่มีหนทางอื่นจะช่วยเหลือซีกวาและหลิวเจิ้งตุน

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นแค่ลูกน้องของเขาแต่เย่เฉินเห็นทั้งสองคนเป็นมากกว่านั้น เขาไม่อาจเห็นแก่ความสุขของเขาและฉินหงเหยียน แล้วทิ้งให้พวกเขาติดคุกไปตลอดชีวิตไม่ได้

เย่เฉินหันมองซูมู่หลินแล้วกล่าว “ได้ ผมจะไปเมืองหลวง เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะไปพบคุณปู่ของคุณด้วยตัวเอง!”

ใบหน้าซูมู่หลินแต้มรอยยิ้มบางๆ “ดีมาก งั้นฉันจะรอการมาถึงของคุณชายเย่! พวกเราไป!”

ซูมู่หลินพูดพลางโอบเอวหวังเจียเหยาเข้าลิฟต์ไป

ตอนที่ลิฟต์ใกล้จะปิด เย่เฉินก็ตะโกนใส่หวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา คุณรีบถนอมเวลาที่จะได้อยู่กับลูกชายให้คุ้มค่าเถอะ ยังเหลือเวลาอีกนานในการหาผู้ชายนะ แต่ลูกน่ะไม่ได้อยู่กับคุณไปตลอดนะ”

เมื่อได้ยินเสียงเตือนของเย่เฉิน หวังเจียเหยาก็รีบร้อนกล่าว “เดี๋ยวฉันจะกลับอวิ๋น…”

หญิงสาวยังไม่ทันพูดจบลิฟต์ก็ปิดไป

หลังจากทั้งสองคนเดินไปแล้ว ฉินหงเหยียนถามอย่างเป็นกังวล “เย่เฉิน คุณจะไปเมืองหลวงจริงๆ เหรอ? ฉันเคยได้ยินสวี่ฉู่หมิงเคยพูดว่าตระกูลซูนั้นทรงอิทธิพลอย่างมาก แถมเมืองหลวงยังเป็นพื้นที่ของพวกเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง”

เย่เฉินกล่าว “หลิวเจิ้งคุนและซีกวาโดนจับเพราะผม ผมไม่สามารถนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ อีกทั้งทรัพย์สินของผมก็โดนอายัดแล้ว ผมต้องให้พวกเขาจัดการถอนอายัด หงเหยียน หรือไม่งั้นคุณรอผมอยู่ที่เมืองเสินเฉิง ผมจัดการอะไรเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหาคุณ”

“ไม่เอา!” ฉินหงเหยียนคว้าแขนชายหนุ่ม “ฉันอยากจะไปเมืองหลวงกับคุณ คุณไปที่นั่นคนเดียวฉันไม่สบายใจ!”

เย่เฉินรู้ว่านิสัยของฉินหงเหยียน ยิ่งอันตรายเท่าไหร่หล่อนก็ยิ่งไม่อยากแยกจากเขา

“ได้ งั้นเราไปด้วยกัน”

และในเวลานี้ สีหน้าของหวังเอ้อร์เชอก็ฉายแววกังวล “คุณชายเย่ คนของเราส่วนมากโดนจับไปหมดแล้ว เหลืออีกแค่สิบกว่าคน อีกทั้งยังต่อยตีไม่ค่อยเก่ง ผมได้ยินมาว่าท่านหลิวมีลูกน้องตั้งพันคนที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเอามาที่ประเทศนี้แค่ร้อยกว่าคน ยังเหลืออีกตั้งเก้าร้อยกว่าคน หรือไม่งั้นเราไปเอาตัวลูกน้องเขาเก้าร้อยคนมาที่นี่ก่อน แล้วค่อยไปเมืองหลวงดีไหมครับ?”

หวังเอ้อร์เชอหวาดกลัว รู้สึกว่าพวกเขาสิบกว่าคนไปถึงเมืองหลวง แทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลซู

เย่เฉินกล่าว “อาคุนยังมีนักเลงมืออาชีพเก้าร้อยกว่าคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จริงๆ พวกเขาเป็นคนที่อาคุนสอนเองมากับมือ ฟังแต่คำสั่งของอาคุน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาพวกเขาที่ไหน”

หวังเอ้อร์เชอรีบร้อนกล่าว “หรือไม่งั้นผมส่งคนไปส่งจดหมายหาท่านหลิว ให้เขาหาโอกาสโทรหาลูกน้องเขาดีไหมครับ?”

เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ตอนนี้อาคุนมีความผิดมากพอแล้ว อย่าให้เขาไปก่อเรื่องอะไรอีก แล้วอีกอย่างเราไม่ต้องใช้คนเยอะมากมาย แค่ฉันกับนายก็พอแล้ว”

หวังเอ้อร์เชอยิ้มเขินๆ “ขอบคุณครับคุณชายเย่ที่เชื่อมือผม อาจเพราะปกติผมวางท่าเก่ง คุณชายเลยไม่แน่ใจในความสามารถของผมเท่าไหร่ ที่จริงแล้ว ผมยังเอาชนะผู้ใหญ่ง่อยๆ ยังไม่ได้เลย…”

เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าวกลางๆ “ฉันรู้ว่านายมันอ่อน ฉันก็ไม่ได้ให้นายไปมีเรื่องในเมืองหลวง นายคอยจัดการอยู่เบื้องหลังก็ได้”

“เบื้องหลัง? เบื้องหลังอะไรครับ?” หวังเอ้อร์เชอประหลาดใจ

เย่เฉินไม่ตอบ “เดี๋ยวถึงที่นั่นแล้วเดี๋ยวบอก”

เห็นได้ชัดว่าตอนที่เขาออกจากเมืองหลวงเมื่อคราวก่อน เขาทิ้งอะไรเอาไว้!

เรื่องนี้ไม่มีใครรู้!

ก่อนจะไปเย่เฉินและฉินหงเหยียนไปเก็บสัมภาระที่วิลล่าของสวี่ฉู่หมิง จากนั้นก็ไปบอกลาฉินเสี่ยวตั่ว

หลังจากนั้นหวังเอ้อร์เชอก็ขับรถพาเย่เฉินและฉินหงเหยียนไปที่สนามบิน

เครื่องบินส่วนตัวของเย่เฉินจอดอยู่ที่นี่

แต่ใครจะไปรู้พวกเย่เฉินเพิ่งถึงเครื่องบินส่วนตัวของเขา ผู้ชายหลายคนในชุดเครื่องแบบก็เดินปราดเข้ามาขวางเขา

หนึ่งในนั้นกล่าวกับเย่เฉิน “สวัสดีครับคุณชายเย่ใช่ไหม? ขอโทษด้วยนะครับเครื่องบินส่วนตัวของคุณโดนอายัดไว้ชั่วคราว คุณใช้ไม่ได้ครับ”

“อะไรนะ?”

เย่เฉินและฉินหงเหยียน และหวังเอ้อร์เชอตกใจพร้อมกัน อายัดทรัพย์สินเงินทองยังไม่พอ ขนาดเครื่องบินส่วนตัวก็ยังไม่ให้ใช้อีกเหรอ?

ดูแล้วเรื่องครั้งนี้น่าจะหนักหนาสาหัสทีเดียว ถาหากว่าคุณปู่ของเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่สามารถจะอยู่ที่ประเทศนี้ได้อย่างองอาจเหมือนเมื่อก่อน!

เย่เฉินไม่ได้เถียงกับอีกฝ่าย เพราะเขารู้ว่าเถียงกันไปก็ไร้ประโยชน์ เย่เฉินกล่าว “กระเป๋าเดินทางของผมยังอยู่ด้านใน ฉันจะขอเข้าไปเอาของ”

แต่ว่าชายในเครื่องแบบยังคงยื่นมือมาขวาง “คุณเย่ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเอาของที่มีมูลค่าไปขายต่อ เราคงให้คุณเข้าไปไม่ได้”

“คุณว่าอะไรนะ?”

คราวนี้คนโมโหก็คือฉินหงเหยียน “พวกคุณอายัดเครื่องบินแล้ว เพราะแค่ไม่อยากให้เราออกจากปนะเทศแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปเอาของไม่ได้? ด้านในต่อให้มีของราคาแพง ก็เป็นของของเรา ทำไมเราจะเอาไปใช้ไม่ได้?”

เย่เฉินรู้ว่า ตระกูลซูต้องการให้เย่เฉินกลายเป็นยาจกเต็มตัว!

ไม่เพียงแต่บัญชีมีเงินหมื่นล้านโดนอายัด กระทั่งอยากจะเอาของไปขายก็ไม่ได้!

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเย่เฉินคงจะกลายเป็นคนจนจริงๆ แล้ว

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ผมไม่ได้มาเอาของแพงอะไร จะเอายากับของใช้ในชีวิตประจำวันเฉยๆ”

เย่เฉินกล่าว “ยาพ่น ผมเป็นหืดหอบ”

ชายในเครื่องแบบครุ่นคิดรู้สึกเหมือนว่าถ้าหากแค่ยายังไม่ยอมปล่อยเขา ก็เหมือนว่าจะเกินไปเลยยอมให้อีกฝ่ายเข้าไปในเครื่องบิน “ก็ได้ เข้าไปสิ”

ชายในเครื่องแบบขึ้นไปบนเครื่องบินกับทั้งสามคน

เย่เฉินมีกล่องใส่ยาขนาดใหญ่จริงๆ ด้านในยังมียาอยู่ไม่น้อย

ชายในเครื่องแบบอุทานอย่างตกใจ “ยาคุณเยอะเกินไปแล้วนะเนี่ย”

เย่เฉินจงใจกระแอม “เคยรบอยู่ที่โซมาเลียมาหนึ่งปี หลังจากกลับมาร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง”

เมื่อได้ยินขนาดนี้แล้ว ชายในเครื่องแบบก็เกิดนับถือเขา “อ้าวเหรอ? คิดไม่ถึงว่าคุณจะเคยรบมาก่อน! ผมเองก็เคยเป็นทหาร เสียดายที่ไม่มีโอกาสไปรบ คุณช่วยฝ่ายไหนเหรอครับ? เหมือนว่าประเทศของเราไม่ได้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้”

เย่เฉินตอบ “ผมโดนที่บ้านส่งไปหาประสบการณ์”

ชายในเครื่องแบบยิ้ม “ที่บ้านคุณนี่ใจเด็ดจริงๆ เอาคุณไปทิ้งไว้ที่นั่นแล้วไม่กลัวคุณจะตายเหรอ?”

เย่เฉินคุยเรื่อยเปื่อยกับอีกฝ่ายต่อ แล้วเก็บของส่วนตัวหลายอย่างใส่กระเป๋า “หวุดหวิดเกือบตายเหมือนกัน คุณอยู่ในประเทศนี้สบายๆ เถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าในสงครามมันน่ากลัวขนาดไหน เพื่อนที่พูดคุยเรื่อยเปื่อยกันเมื่อวินาทีก่อน อีกไม่นานก็อาจจะร่างกายก็อาจจะกระจัดกระจายไปคนละส่วน”

เย่เฉินคุยเรื่อยเปื่อยกับฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะรีบเก็บของแล้วลุกขึ้น

สุดท้ายแล้ว ชายในเครื่องแบบก็เป็นฝ่ายจับมือเย่เฉินก่อน “คุณเย่ครับ คุณรักษาสุขภาพให้ดีๆ นะครับ ผมนับถือคนที่เคยผ่านศึกสงครามมาก่อนอย่างคุณ อีกอย่างผมขอแนะนำให้คุณรีบติดต่อกับตระกูลของคุณเถอะครับ”

เย่เฉินกล่าวพลางจับมือฝ่ายตรงข้าม “ขอบคุณนะครับที่บอกเรื่องพวกนี้กับผม ลาก่อน”

เย่เฉินและฉินหงเหยียนขึ้นรถของหวังเอ้อร์เชอ หลังจากนั่งด้านหลังเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็ล้วงเอาตุ้มหูสองชิ้นจากในกระเป๋าเสื้อออกมาแล้วส่งให้ฉินหงเหยียน

“อ้าว! นี่มันตุ้มหูเพชร Artemis กับ Apollo นี่นา! คุณเอาออกมาด้วยตอนไหน? ทำไมฉันไม่เห็นเลย!”

ของชิ้นเล็กๆ สองชิ้นนี้มีมูลค่าถึงเจ็ดร้อยล้านเลยทีเดียว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด