เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 351 พรสวรรค์ที่สุดยอดอย่างเหลือเกินของลูกสาว!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 351 พรสวรรค์ที่สุดยอดอย่างเหลือเกินของลูกสาว! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 351 พรสวรรค์ที่สุดยอดอย่างเหลือเกินของลูกสาว!

ซูมู่ชิงเป็นโสดมาหลายปี จึงตั้งเงื่อนไขคู่ครองเอาไว้สูงมากทีเดียว หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะแต่งงานกับใครก็ได้

เย่เฉินไม่อยากจะให้หญิงสาวต้องทำอะไรที่ลำบากใจเพราะเขา!

ทว่าเมื่อหลี่เฉิงเจี๋ยได้ยินเช่นนี้ก็ระเบิดโทสะออกมาทันที “ไอ้เด็กเปรต แกพูดเหลวไหลอะไร! แกกล้าขัดขวางการแต่งงานระหว่างฉันกับมู่ชิงเชียวเหรอ? อยากตายหรือไง!”

เย่เฉินเองไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด เขาหันไปมองดวงตางดงามของหญิงสาว “มู่ชิง ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบเขาแม้แต่น้อย คุณไม่ควรต้องแต่งงานดับคนที่คุณไม่ได้ชอบ ถ้าทำแบบนี้คุณจะไม่มีความสุขนะ”

เพื่อจะเพิ่มความสนิทสนมและลดช่องว่างของเขาและหญิงสาว เขาจงใจละเว้นแซ่ของอีกฝ่ายเพื่อเอาใจหล่อน เขาจีงเรียกหล่อนว่ามู่ชิง เหมือนที่เขาเรียกฉินหงเหยียนว่า ‘หงเหยียน’

สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยแดงก่ำ เขาระเบิดโทสะออกมา “แกพูดไร้สาระ! ฉันกับมู่ชิงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงคุณปู่แล้ว ไม่มีคู่รักไหนจะเหมาะสมเท่าเราสองคน! มู่ชิงไม่ชอบฉัน แล้วหล่อนชอบแกหรือไง?”

แล้วในเวลานี้เอง หญิงสาวก็กล่าวช้าๆ “เย่เฉินคุณเป็นพ่อของซือซือ คุณมาหาซือซือฉันไม่ติดใจอะไร แต่ฉันคงไม่รบกวนคุณให้ต้องมาช่วยจัดการเรื่องของฉัน ฉันจะชอบหลี่เฉิงเจี๋ยหรือไม่ จะแต่งงานกับเขาไหมก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

น้ำเสียงซูมู่ชิงเย็นชา ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนที่ผ่านมา!

และเป็นไปอย่างที่คิดหล่อนโกรธเย่เฉินจริงๆ ด้วย!

เมื่อได้ยินซูมู่ชิงแขวะเย่เฉิน หลี่เฉิงเจี๋ยและเฉียนช่วนจื่อก็หัวเราะคิกคักออกมา คำพูดของหลี่เฉิงเจี๋ยยาวเป็นสิบประโยคก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเทียบกับคำพูดเดียวจากปากของซูมู่ชิง!

เฉียนช่วนจื่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ คุณนายน้อยพูดถูกแล้ว!”

หลี่เฉิงเจี๋ยเองก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างลำพองใจ “เย่เฉินแกได้ยินหรือยัง? มู่ชิงบอกแล้วเรื่องของหล่อนไม่เกี่ยวกับแก!”

เย่เฉินเองเคยคบหากับหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน โดยเฉพาะหลังจากคบหากับหวังเจียเหยาที่ทั้งแสดงเก่ง ชอบดราม่าทำให้เขาเข้าใจบรรดาสาวๆ เป็นอย่างดี

ผู้หญิงมักจะปากอย่างใจอย่าง โดยเฉพาะตอนโกรธมักจะพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง

เย่เฉินสาวเท้าเดินไปด้านหน้าแล้วกล่าว “มู่ชิงคุณโกรธผมใช่ไหม? ขอโทษด้วยนะครับ เมื่อคืนผมไม่ควรพูดกับคุณแบบนั้น ผมเองก็ใจร้อนไปหน่อยเพราะเป็นห่วงหงเหยียน ผมต้องขอโทษคุณจากใจจริง?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เฉิงเจี๋ยก็ชะงักนิ่งไปทันที

“มิน่าล่ะ จู่ๆ ซูมู่ชิงถึงได้เปลี่ยนใจอยากแต่งงานกับฉันที่แท้ก็ทะเลาะกับเย่เฉินเหรอเนี่ย?”

หลี่เฉิงเจี๋ยเห็นเย่เฉินขอโทษซูมู่ชิง และขอร้องให้หญิงสาวให้อภัยก็เกิดกลัวว่าหลังจากที่หญิงสาวให้อภัยเขาแล้วจะยกเลิกการแต่งงานกับเขา

ดังนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยถึงได้รีบร้อนปราดเข้ามาขวางด้านหน้าเย่เฉิน แล้วดึงหญิงสาวไปด้านหลัง

“เข้าใกล้คู่หมั้นฉันขนาดนี้ทำไม! ถอยหลังไปเลย!” หลี่เฉิงเจี๋ยตะคอก

เย่เฉินเองก็หัวเสียเหมือนกัน “ไสหัวไปเลย ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนะมู่ชิง”

หลี่เฉิงเจี๋ยไม่มีทางเปิดโอกาสให้คนทั้งสองคุยกัน “ฉันคือคู่หมั้นของมู่ชิง ถ้าอยากจะคุยกับคู่หมั้นฉัน แกต้องให้ฉันอนุญาตก่อน!”

หมอนี่เป็นพวกปิตาธิปไตยตัวจริงเสียจริง ดูแล้วถ้าเขาแต่งงานกับซูมู่ชิงต่อไป ซูมู่ชิงคงจะคุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จักได้สักประโยคเดียว

ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันโหวกเหวกโวยวาย ถือขนาดที่ว่ามีแนวโน้มอาจเกิดการทะเลาะวิวาท แต่ซูมู่ชิงกลับเปิดปากเอ่ย “เย่เฉิน หรือไม่อย่างนั้นคุณไปสอนซือซือเล่นเปียโนในห้องก่อนดีกว่า”

ส่วนซือซือทั้งนั่งเงียบๆ เรียบร้อยก็รีบกล่าว “คุณพ่อขา หนูอยากให้คุณพ่อไปซ้อมเปียโนเป็นเพื่อนหนู”

หลี่เฉิงเจี๋ยเองก็กล่าว “ใช่แล้ว รีบไปซ้อมเปียโนเป็นเพื่อนซือซือไปเลยไป ฉันกับมู่ชิงมีเรื่องต้องปรึกษาหารือกันอีกมาก ไหนจะรูปพรีเวดดิ้ง เลือกโรงแรม แหวนแต่งงานอีก อย่าอยู่รบกวนเราเตรียมงานแต่งงานเลย!”

เย่เฉินเหม็นขี้หน้าหลี่เฉิงเจี๋ย เขาอยากจะคุยกับซูมู่ชิง แต่พอหมอนี่อยู่ด้วยเกรงว่าพวกเขาสองคนน่าจะคุยกันไม่ได้

มือน้อยๆ ของซือซือออกแรงลากคนเป็นบิดา เย่เฉินจึงเดินตามลูกสาวเข้าไปในห้องแล้วสอนหล่อน เล่นเปียโน

ทั้งสองคนทรุดตัวนั่งลงด้านหน้าเปียโน ซือซือเองก็ลองเล่นบทเพลงที่อาจารย์สอนเปียโนของหล่อนสอนตนเอง ซึ่งถือว่าไม่ได้ง่ายมากนัก แต่เด็กหญิงเองกลับเล่นได้อย่างราบรื่นและไพเราะ

เย่เฉินเองก็มองอย่างภาคภูมิใจ เขาหอมลูกสาวฟอดใหญ่ “ลูกรัก หนูเก่งมากเลย! หนูเก่งกว่าพ่อตอน 4 ขวบอีกนะคะ! ในเมื่อนิ้วหนูพริ้วขนาดนี้ เล่นเพลงที่เร็วขนาดนี้ได้ งั้นคุณพ่อสอนหนูสักเพลงดีไหม?”

ซือซือเองก็ตอบกลับอย่างดีอกดีใจ “ได้ค่ะ หนูอยากให้คุณพ่อสอนหนูเล่นเปียโนค่ะ!”

เย่เฉินครุ่นคิดว่าเขาควรจะสอนเพลงไหนให้กับลุกสาวดี?

ตอนนี้เย่เฉินกำลังเศร้าใจ ในหัวเขามีแต่เรื่องของฉินหงเหยียน ดังนั้นเขาเองถึงนึกออกแต่เพลงที่ค่อนข้างเศร้า เช่น ‘If I Ain’t Got You’ ของ Alicia Keys

ทำนองของบทเพลงนี้มีช่วงทำนองของเปียโนที่ไพเราะอย่างมาก ทำนองจะช้าลงเรื่อยๆ เหมือนความรู้สึกของเขาในตอนนี้

เย่เฉินคว้าแขนน้อยๆ ของซือซือแล้วกล่าว “พ่อจะสอนมือซ้ายก่อน ง่ายมากเลย ส่วนมือขวาให้เล่นคอร์ด C ก่อน จากนั้นค่อยเล่นคอร์ด B ตามด้วย แล้วจบที่คอร์ด AG”

ซือซือถามว่า “แค่สี่อคอร์ดนี้เองเหรอคะ?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ

ซือซือกล่าว “ง่ายมากเลย ไม่ต้องสอนแล้วค่ะ หนูเล่นเป็นแล้ว!”

เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ “งั้นพ่อจะสอนวิธีเล่นของมือขวา เล่นEGB แล้วคอร์ด Em จากนั้นก็เล่นโน้ต D แล้วใช้คอร์ด DA แล้วต่อด้วย F ตรงนี้มีชาร์ปนะ แล้วค่อยเล่นโน้ต C ตามด้วยคอร์ด CGE แล้วจบที่ Bm คอร์ด B แล้วต่อด้วยFD จากนั้นคอร์ดของมือขวาให้เล่นวนไป 6 รอบ”

ซือซือตั้งใจฟังอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดวงตาเบิกกว้างแล้วถาม “เล่นมือขวาวนไป 6 รอบ จากนั้นเล่นพร้อมโน้ต 4 ตัวของมือซ้ายก็ได้แล้วเหรอคะ?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ

ซือซือถาม “ต้องเล่นเร็วขนาดไหนคะ?”

เย่เฉินลูบศีรษะบุตรสาว “ลูกอยากเล่นเร็วเท่าไหร่ก็เอาเลย”

แล้วมือน้อยๆ ทั้งสองข้างของซือซือวางลงบนเปียโน แล้วเริ่มบรรเลงบทเพลง

คิดไม่ถึงว่าเด็กหญิงจะสามารถเล่นทำนองในช่วงแรกได้อย่างสมบูรณ์แบบถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนก็ตาม!

“สวรรค์!”

เมื่อเห็นการแสดงที่แสนสมบูรณ์แบบของบุตรสาว และพรสวรรค์ที่เรียกได้ว่าปานสวรรค์ เย่เฉินก็ตกตะลึง!

เขากอดซือซือไว้ในอ้อมกอดอย่างแปลกใจ แล้วฟัดลงบนใบหน้าน้อยๆ ของลูกสาวอย่างแรง ทำให้เด็กหญิงหลุดหัวเราะคิกคักออกมา

“ลูกสาวคนเก่งของพ่อ! หนูเป็นอัจฉริยะจริงๆ หนูได้พรสวรรค์ด้านดนตรีของพ่อไปจริงๆ พ่อรักหนูมากเลย!”

ซือซือเองก็หัวเราะคิกคัก “พ่อคะ พ่อไม่ได้โกนหนวด มันทิ่มหน้าหนูค่ะ ฮ่าๆ”

เย่เฉินรีบร้อนขอโทษลูกสาว “ขอโทษนะคะคนดี พ่อทำหนูเจ็บใช่ไหม”

เห็นท่าทางน่ารักและใบหน้าสะสวยของลูกสาว เย่เฉินก็ปลื้มปิติยินดี “ซือซือ พ่อขอสาบานเลยว่าจะสรรหาของที่ดีที่สุดในโลกนี้ทุกอย่างมาให้หนู จะไม่ให้หนูต้องลำบากเลยแม้แต่นิดเดียว”

ซือซือเองก็พยักหน้ารับ “ค่ะ หนูเชื่อว่าคุณพ่อจะต้องปกป้องหนูกับคุณแม่ได้แน่!”

และในตอนนี้เองซูมู่ชิงกับหลี่เฉิงเจี๋ยยังอยู่นอกบ้าน ซูมู่ชิงเผลอใจไปกับเสียงหัวเราะของซือซือที่ดังขึ้นภายในห้องออกมา ใจอยากเข้าไปดูด้านในว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนหลี่เฉิงเจี๋ยเองกลับเอาแต่ชวนหญิงสาวคุย “มู่ชิง คุณคิดตกแล้วยอมแต่งงานกับผม ผมดีใจมาก เรื่องงานแต่งงานของเรา ผมได้บอกให้ญาติสนิทมิตรสหายทั้งหมดของผม และคนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันหมดแล้ว คุณเองก็รู้ว่าตระกูลหลี่เรามีคนรู้จักเยอะแยะขนาดไหน งานแต่งงานครั้งนี้ห้ามเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลยนะ!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด