เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 280 ทำไมเป็นคุณได้!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 280 ทำไมเป็นคุณได้! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 280 ทำไมเป็นคุณได้!
เย่เฉินรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ซูมู่ชิง

เขาไม่อยากจะข้องแวะกับผู้หญิงที่แขวะคนเก่งแบบนี้

เย่เฉินขอโทษซูมู่เสวี่ย “ขอโทษด้วยครับ ผมคิดว่าคุณคือพี่สาวเขา”

พอได้ยินคนขับรถของซูมู่หลินพูดแบบนี้ ซูมู่เสวี่ยก็เกิดริษยาขึ้นมา

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ในแวดวงคนร่ำรวยของเมืองหลวงทุกคนต่างก็พูดถึงซูมู่ชิง ไม่เคยมีใครพูดถึงหล่อนซูมู่เสวี่ยด้วยซ้ำ

จนตอนนี้คิดไม่ถึงว่าคนขับรถตัวเล็กๆ จะมองหล่อนเพียงเพราะเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นซูมู่ชิง

นี่จะทำให้หล่อนทนได้ยังไง!

ซูมู่เสวี่ยหัวฟัดฟัวเหวี่ยง แต่ก็จะระบายอารมณ์มากก็ไม่ได้ กล่าวแล้วเอ่ยพลางยิ้ม

“เหอะๆ ฉันไม่ได้สวยเหมือนซูมู่ชิง แต่ซูมู่ชิงสวยขนาดไหนจะมีประโยชน์อะไร? หล่อนเคยทำอะไรให้ตระกูลอะไรเราบ้าง? สี่ปีก่อน ตระกูลจัดแจงหาคู่แต่งงานให้หล่อน แต่หล่อนไม่ยอมรับ หนีไป แล้วผลเป็นยังไง? พอกลับมาก็ท้องโย้แล้ว ลูกใครก็ไม่รู้ จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องอะไร ตอนอายุน้อยใครจะไม่เคยทำผิดบ้างล่ะ? ทำแท้งให้จบๆ ไปก็ดีแล้ว แต่ว่าหล่อนกลับขัดขืนความต้องการของพ่อ ดึงดันจะคลอดลูกออกมาให้ได้!

คลอดลูกออกมาแล้วก็น่าจะพอได้แล้ว แต่ยังมีหน้ายืนกรานว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต แต่จะอยู่เลี้ยงลูกแบบนี้ตลอดไปอีก ไม่ว่าจะใครมาขอดูตัวก็ไม่ยอมเจอ ตอนนี้หล่อนมีลูกาวอายุ 3 ขวบ คนที่มีฐานะเหมือนๆ กันใครจะอยากได้หล่อน? ก็มีแค่มีพี่เฉิงเจี๋ยที่รักหล่อนหัวปักหัวปรำเท่านั้นแหละ

แต่ว่าวันนี้พอพี่เฉิงเจี๋ยมา หล่อนไม่ยอมแม้แต่จะมาเจอหน้ากัน ไม่ไว้หน้าพี่เฉิงเจี๋ยเลย เสียมารยาทเกินไปแล้ว!”

ซูมู่เสวี่ยร่ายความผิดของซูมู่ชิงออกมาเป็นข้อๆ

แต่พอได้ยินคำพูดพวกนี้ของซูมู่เสวี่ยแล้ว เย่เฉินก็ตื่นตระหนกซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

“ซูมู่ชิงตั้งท้องแล้วเหรอ? หรือว่าจะเป็นลูกเรา?”

เย่เฉินไม่รู้ว่า ‘เด็กเหลือขอ’ ที่ซูมู่ชิงพูดถึงจะใช่ผลลัพธ์ครั้งนั้นระหว่างเย่เฉินและซูมู่ชิงหรือไม่นะ

“สามขวบ… ฉันมีลูกสาวอายุสามขวบเหรอ?”

เย่เฉินใจเต้นระรัวเร็ว เดิมทีครั้งนี้เขาตั้งใจว่าจะพบหน้าซูมู่ชิง เพื่อขอโทษหล่อนสักหน่อย

คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะมีโอกาสได้มีลูกสาวอายุสามขวบเสียอย่างนั้น!

และในเวลานี้เอง สีหน้าของพ่อแม่ของซูมู่หลินก็ดูไม่ใคร่สู้ดีนัก

แม่ของซูมู่หลินกล่าว “เฉิงเจี๋ยเอ้ย สบายใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปขึ้นไปบนตึกเอง ต่อให้ต้องลาก ฉันก็จะลกหล่อนลงมาให้ได้!”

แต่ทันใดนั้นเองซูมู่หลินก็ขวาทางมารดาตนเอง “เฮ้อ แม่ครับ อย่าขึ้นไปทะเลาะกับพี่เขาเลยครับ ให้คนขับรถของผมขึ้นไปดีกว่า”

“คนขับรถของลูก?”

แววตาของทุกคนจับจ้องไปที่เย่เฉินทันที

เย่เฉินเองก็ประหลาดใจใอย่างมาก

ตอนหลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉินด้วยแววตาไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด

เพราะเมื่อครู่เย่เฉินกล่าวกับซูมู่เสวี่ยว่า ‘คิดว่าหล่อนเป็นซูมู่ชิงถึงได้คอยแอบมองหญิงสาว’

ในฐานะที่เป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ของซูมู่ชิง เขาไม่มีทางยอมให้ผู้ชายคนอื่นมองหญิงสาวที่เขาชอบด้วยแววตาชื่นชมอย่างนี้

ซูมู่เสวี่ยกล่าวพลางยิ้ม “จะใช้เขา? เรียกให้ซู่มู่ชิงลงมาเหรอ? เลิกล้อเล่นที ต่อให้นายมู่หลินเรียกพี่สาวนายลงมาเอง พี่สาวนายก็อาจจะไม่ลงมาก็ได้นะ”

ซูมู่หลินยิ้มแล้วกล่าว “ดังนั้นน่ะ ถ้าหากว่าพี่สาวผมไม่ยอมลงมา ก็ให้คนขับรถผมอุ้มหล่อนลงมาแล้วกัน แม่เองก็ทำอะไรพี่สาวผมไม่ได้”

คนตระกูลซูเข้าใจนิสัยของซูมู่ชิง รู้ดีแก่ใจไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ไม่สามารถกล่าวกับซูมู่ชิง สุดท้ายแล้วอาจจะต้องใช้ไม้แข็งถึงจะลากตัวหล่อนลงมาได้

ดังนั้นแม่ซูมู่หลินก็ไม่คัดค้านอะไรอีก “อืมได้ งั้นให้เด็กนี่ขึ้นไปแล้วกัน”

“ซูมู่ชิง… สุดท้ายก็จะได้เจอคุณแล้ว”

เย่เฉินดีใจมาก เขาเองก็อยากจะเห็นหน้าของซูมู่ชิงตั้งนานแล้ว

ระหว่างทางที่บินมาจาก Texas กลับมาถึงเมืองหลวง เย่เฉินก็อยากจะได้เห็นรูปถ่ายของซูมู่ชิง แต่น่าเสียดายที่ไอ้บ้านั่นไม่ยอมให้เขาดูสักนิด

ตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้สักหน่อย รวมไปถึงว่าเด็กน้อยวัยสามขวบที่อาจจะเป็นลูกสาวของตนเอง

แต่ว่าเย่เฉินเพิ่งจะก้าวเท้าเดินออกไป ทันใดนั้นเองหลี่เฉิงเจี๋ยผู้มีมาดความเป็นทหารอย่างเต็มเปี่ยมก็ผุดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก้าวเท้าเข้าขวางด้านหน้าเขา!

หลี่เฉิงเจี๋ยรูปร่างสูงใหญ่ ตัวเกือบจะใกล้ 190 ซม. อีกทั้งบนใบหน้ายังมีรอยแผล พอจะมองออกว่าเขาไม่ใช่จิตใจดีมีเมตตาอะไร!

“มีเรื่องอะไร?” เย่เฉินกล่าวถาม

ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้สูงเท่าอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นแค่คนขับรถ แต่ว่าเย่เฉินกลับไม่ได้ถูกอีกฝ่ายข่มลงไปสักนิด

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงเย็น “ถ้าหากคุณหนูซูมู่ชิงไม่อยากลงมา นายก็ไม่มีสิทธิ์บีบบังคับให้หล่อนลงมา แล้วก็ห้ามอุ้มหล่อนด้วย แล้วถ้านายกล้าเอามือไปแตะต้องหล่อน งั้นต่อไปในอนาคตมือของนายก็คงจะจับพวงมาลัยรถไม่ได้อีกแล้วล่ะ”

ซูมู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าวพลางระบายยิ้ม “นี่พี่เฉิงเจี๋ย นี่พี่กำลังทำให้คนขับรถของมู่หลินลำบากใจอยู่นะคะ? เขาจะต้องไม่สามารถโน้มน้าวซูมู่ชิงได้อยู่แล้ว แถมยังห้ามไม่ให้ลากหล่อนลงมา งั้นแขาจะเอาตัวพี่สาวลงมาได้ยังไง”

หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว ถ้าเรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็อย่าเป็นเลยคนขับรถเนี่ย”

เย่เฉินพอจะฟังออกว่าอีกฝ่ายต้องการจะใช้เรื่องนี้มาจัดการไล่คนขับรถของซูมู่หลินคนนี้ออกเสีย

เพราะเขาน่าจะมองออกว่าเย่เฉินแอบชอบซูมู่ชิง ดังนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยถึงไม่อาจปล่อยให้คนผู้นี้อยู่ที่บ้านตระกูลซูได้อีก

“ได้”

เย่เฉินจ้องหลี่เฉิงเจี๋ยอยู่นาน จากนั้นถึงได้เปิดปากเอ่ยออกมา

แววตาของเขาเองก็มีกระแสอำมหิตเหมือนกัน!

แต่ว่าคำพูดของอีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแม้แต่น้อย

แต่งเข้าบ้านตระกูลหวังมาแแปดปี เขาถูกดูหมิ่นเหยียดหยามแบบนี้มานาน จนสามารถสะกดอารมณ์ได้

จนตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เป้าหมายของเขามีแค่ซูมู่ชิงและลูกสาวเท่านั้น

เย่เฉินสาวเท้าขึ้นบันไดช้าๆ ซูมู่หลินกล่าวเตือนเขาพลางยิ้ม “ห้องแรกฝั่งขวาสุดชั้นสอง”

ซูมู่หลินมองแผ่นหลังของเย่เฉินพลางคิดในใจ “พี่ครับ ถึงจะรู้ว่าพี่จะไม่ดีใจแแต่ว่าผมก็จะพาเขามาอยู่ดี!”

เย่เฉินค่อยๆ เดินขึ้นไปที่ชั้นสอง สไตล์ของวิลล่าหลังนี้แตกต่างกับวิลล่าที่อวิ๋นโจวและเทียนไห่อย่างมาก

สไตล์ของวิลล่าที่นี่ไม่ได้หรูหรามากมายนัก แต่ดูโอ่อ่าอย่าเห็นได้ชัด และดูมีสไตล์อย่างเห็นได้ชัด

เมื่อมาถึงชั้นสอง เย่เฉินก็เคาะประตูไม้สีแดงสไตล์จีนของห้องซ้ายสุดของชั้นสอง

“คุณซูมู่ชิงอยู่ในห้องหรือเปล่าครับ?”

แล้วเสียงอ่อนหวานก็ดังลอดออกมาจากด้านใน “บอกคุณแม่ว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา”

ทันทีที่เย่เฉินได้ยินเสียงอ่อนหวาน ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนว่าเขาเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน

“หรือว่าจะเคยเจอกันมาก่อนจริงๆ นะ?”

แต่พอลองคิดๆ ดู “ไร้สาระน่า พวกเราต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่ ฉันเคยได้ยินเสียงของหล่อนมาก่อนจริงๆ อีกทั้งคืนนั้นยังฟังตั้งหลายรอบ…”

แล้วเย่เฉินก็ไม่คิดเหลวไหลอะไรอีก แต่ผลักประตูบานนั้นเข้าไปด้านใน

ทันทีที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นภาพที่แสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้า

แม่ลูกที่ใบหน้างดงามราวสวรรค์สร้างสองคน คนเป็นแม่เรือนผมยาวสลวยใบหน้างดงามเสียยิ่งกว่าหวังเจียเหยากำลังหยอกล้อกับบุตรสาววัยสามขวบของตนเอง

ภาพที่ทั้งสองคนกำลังหัวร่อต่อกระซิกนั้นงดงามจนเหมือนว่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ แต่เป็นภาพบนสรวงสวรรค์

“เป็นคุณได้ยังไง?”

“เป็นคุณได้ยังไง?”

เย่เฉินและซูมู่ชิงประสานเสียง พลางเบิกตากว้างมองอีกฝ่าย!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด