เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 396 แม่ยายจงใจทำให้ลำบากใจ!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) ตอนที่ 396 แม่ยายจงใจทำให้ลำบากใจ! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 396 แม่ยายจงใจทำให้ลำบากใจ!

ซูเจิ้นหางเองก็รู้ว่าเย่เฉิน ฉินหงเหยียนและสวี่ฉู่หมิงมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะยุ่งเหยิง

“ฉู่หมิงเอ้ย เรื่องมันยาวน่ะ นายไปนั่งก่อนนะ เดี๋ยวไว้ค่อยหาโอกาสเหมาะๆ คุยกัน”

“ได้ครับ”

สวี่ฉู่หมิงไม่กล้าขัดคำสั่งของซูเจิ้นหาง เขานั่งลงอย่างว่าง่าย

เสียงฮือฮาดังขึ้นไม่หยุด แขกเองก็ทยอยมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ทำให้ซีหวาเหนื่อยหน่าย

“แขกมาร่วมงานแต่งงานเยอะแยะขนาดนี้แต่ไม่ได้มาเพราะคุณชายเย่ พวกเขาทุกคนมาที่นี่เพราะตระกูลซู”

“นี่ นายว่านายหญิงเสี่ยวตั่วจะมาล่มงานแต่งเมื่อไหร่”

ซีกวาคิดถึงฉินเสี่ยวตั่วจนจะบ้า จากนั้นก็จัดการยัดกล้วยที่ปอกเปลือกแล้วเข้าปาก

แต่เพิ่งจะกินไปแค่คำเดียว แล้วเห็นสาวสวยที่มาใหม่ก็สำลักอาหารทันที

“แค่กๆ”

ซีกวาสำลักเพราะความตื่นเต้น นิ้วมือชี้ไปที่กลุ่มคนที่ยืนจอแจตรงประตู

หวังเอ้อร์เชอไม่เข้าใจสาเหตุ เขาลูบหลังซีกวาเพื่อให้กล้วยไหลลงคออีกฝ่ายแล้วถาม

“เป็นอะไรครับพี่กวา? อย่าบอกนะว่าฉินเสี่ยวตั่วมางานด้วยน่ะ? ผมเป็นแฟนคลับนายหญิงซูมู่ชิงนะครับ ถ้าพี่สนับสนุนให้ฉินเสี่ยวตั่วมาถล่มงานแต่ง วันนี้เราสองคนคงต้องมีเรื่องกันสักหน่อยแล้ว!”

ซีกวาตายกล้วยที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาแล้วกล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ฉินเสี่ยวตั่วอะไร คนที่มาคือนังแพศยาหวังเจียเหยาต่างหาก!”

หวังเอ้อร์เชอก็ตกใจ “อดีตภรรยาคุณชายเย่เหรอ?”

หวังเจียเหยาที่ตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ เรือนร่างแวววาวไปด้วยแสงเพชรนิลจินดา เสื้อผ้าแบรนด์เนมเข็นรถเข็นเด็กเดินเข้างาน

เพราะใบหน้างดงามของหวังเจียเหยา ทำให้หล่อนตกเป็นเป้าสายตาของแขกไม่น้อย

“สวรรค์ ผู้หญิงคนนี้สวยจังเลย สวยเหมือนซูมู่ชิงเจ้าสาวเลย!”

“หน้าตาเหมือนคุณหนูซูมากๆ เลย เหมือนพี่น้องแท้ๆ กันเลย!”

“เสียดายจริงๆ เข็นเด็กสองคนอยู่เห็นไหมนะ คิดว่าคงจะเป็นแม่คน ไม่โสดแล้ว เสียดายจัง”

หวังเจียเหยาดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาทีได้ตกเป็นสายตาของผู้คน แต่เพิ่งเดินเข้างานไม่ถึงสองก้าวก็โดนซีกวาขวางเอาไว้

“ซีกวาเหรอ?”

ซีกวากล่าวด้วยใบหน้าเข้มงวด “หวังเจียเหยา ที่คุณมาทำอะไรที่นี่! ผมขอเตือนคุณไว้เลยนะ วันนี้เป็นวันดีของคุณชาย คุณอย่าคิดจะก่อเรื่องที่นี่เชียว!”

หวังเจียเหยาไม่ได้หวาดกลัวซีกวาแม้แต่น้อย หากเป็นเมื่อปีก่อน ตอนเย่เฉินยังไม่ได้หย่ากับหวังเจียเหยา หล่อนคงจะต้องกลัวนักเลงแบบนี้มากๆ แน่

แต่ว่าเวลาปีกว่านี้ หวังเจียเหยาเผชิญเรื่องราวต่างๆ มาไม่น้อย ไม่ใช่สาวน้อยที่ชื่อหวังเจียเหยาคนที่เอาแต่ฝันจะเอาแต่มรดกของตระกูลหวังคนเดิมอีกแล้ว

หวังเจียเหยาวางท่าเย่อหยิ่ง “ไอ้ขี้ข้าอย่างแก กล้าพูดแบบนี้กับฉันเชียวเหรอ? ดูให้ชัดๆ ว่าในรถคือใคร นั่นคือสายเลือดของเจ้านายแก! ในอนาคตเขาจะเป็นคนสืบทอดของตระกูลเย่ทั้งหมด! แกกล้าไม่เคารพฉันก็เหมือนแกกำลังเหยียดหยามคนตระกูลเย่เหมือนกัน!”

“แก…” ซีกวาพูดไม่ออก

หวังเจียเหยาพูดเรื่องจริง หล่อนมีลูกชายให้เย่เฉินจริงๆ

นี่คือลูกชายคนโตของเย่เฉิน ในอนาคตไม่แน่ว่าจะได้สืบทอดสมบัติของตระกูลเย่ขึ้นมาจริงๆ เขาจะล่วงเกินไม่ได้

ซีกวาจึงจำใจต้องเปลี่ยนท่าที “คุณหนูหวัง ผมรู้ว่าคุณอยากจะแต่งงานกับคุณชาย และกลับมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันใหม่แต่คุณชายเย่มีภรรยาแล้ว หวังว่าคุณจะยอมรับความจริง อย่าก่อเรื่องในงานแต่งของคุณชายเลย”

หวังเจียเหยาแค่นเสียง “งานแต่งงานของเย่เฉิน? นายแหกตาของนายดูให้เต็มๆ ตา งานแต่งงานมีแต่ชื่อของซูมู่ชิง แถมยังอยู่ด้านหน้าชื่อเจ้านายแกด้วย นี่มันคืองานแต่งงานของตระกูลซูชัดๆ เลย!แกไม่ต้องมาคิดเผื่อเจ้านายตัวเองหรอกนะ!”

พูดจบหวังเจียเหยาก็ไม่สนใจเขาอีก แล้วผลักรถเข็นเด็กเข้าไปด้านใน

“พี่กวาทำยังไงกันดี? จะให้แจ้งคุณชายไหม?” หวังเเอ้อร์เชอถาม

ซีกวากล่าว “คุณชายกำลังยุ่งๆ อย่าไปรบกวนเขาเลย ตระกูลซูมีอิทธิพลขนาดนี้ ฉันเชื่อว่าหวังเจียเหยาไม่กล้าก่อเรื่องในงานแน่ๆ ”

แล้วแขกก็เข้าไปนั่งกันในงานอย่างรวดเร็ว ที่นั่งทั้งหมดภายในล็อบบี้ก็มีคนนั่งกันจนเต็มทุกที่

นอกเหนือไปจากนี้ยังมีห้อง VIP ด้านบนก็มีคนนั่งเต็มเหมือนกัน

ตอนนี้ 10 โมงแล้ว จนถึงฤกษ์จัดงาน

ครั้งนี้พวกเขาเชิญถานซงพิธีกรงานแต่งงานขื่อดัง เดินมาที่โต๊ะของซูเจิ้นหางแล้วถาม

“ท่านซู ได้เวลาแล้ว จะให้เริ่มเลยไหม?”

ซูเจิ้นหางหันมองโต๊ะที่อยยู่ถัดไป แต่โต๊ะตัวนั้นเป็นโต๊ะเพียงตัวเดียวในงานที่ว่างเปล่า

ส่วนโต๊ะตัวนี้ได้ถูดจัดเตรียมเอาไว้ให้ครอบครัวเย่เฉิน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้านั่งลง

“ครอบครัวของเย่เฉินยังมาไม่ถึงเลย”

เห็นได้ชัดว่าซูเจิ้นหางหวังว่าคนในครอบครัวของเย่เฉินมาก่อนแล้วค่อยเริ่มงาน

“ฮึ” ซูมู่เสวี่ยแค่นเสียงเย็นชา “คนตระกูลเย่จะมาร่วมงานแต่งงาน เมื่อวานก็ควรมาถึงได้แล้ว ตอนนี้ได้ฤกษ์แล้วทำไมยังไม่เห็นใคร คิดว่าคงจะไม่มาหรอก ไม่ต้องรอแล้วล่ะต่ะ!”

จางเชี่ยนจือไม่พอใจคนในครอบครัวตระกูลเย่อยู่แล้วเป็นทุนเดิมจึงเสริม “จริงด้วยค่ะคุณพ่อ ไม่ต้องรอแล้วล่ะค่ะ!”

ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ “งั้นก็ได้ ไม่ต้องรอแล้ว เริ่มเลยแล้วกัน”

จากนั้นถานซงก็หยิบไมค์แล้วเดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นก็รีบสร้างบรรยากาศให้งานทันที

“ว้าว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเชิญถานซงพิธีกรคนดังมางาน ตระกูลซูนี่ยิ่งใหญ่จริงๆ”

“ได้ยินมาว่าถานซงยังไม่เคยรับงานแต่งงานเลยนะ คนที่เชิญเขามาได้เกรงว่าคงจะมีแค่คนตระกูลซูเท่านั้น”

“คุณถานซง ผมเป็นแฟนคลับคุณนะครับ!”

ถานซงยิ้มน้อยๆ แล้วค้อมตัวลง “ขอบคุณๆ ขอบคุณทุกท่านครับ วันนี้ผมเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมเป็นสักขีพยานของช่วงเวลามงคลระหว่างคุณซูมู่ชิงและคุณเย่เฉิน ในยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่กลัวการแต่งงานกันมากขึ้นไปทุกที ทุกท่านที่กล้าเข้าร่วมงานแต่งงาน ผมคิดว่าเป็นคนที่มีความกล้าอย่างมากแลพยังเป็นคนเชื่อมั่นในการเริ่มต้นใหม่อย่างมาทีเดียว ลำดับต่อไปขอเชิญคู่แต่งงานของวันนี้เข้าร่วมงานด้วยครับ!”

ทันใดนั้นเองในก็มีเสียงเพลงไพเราะบรรเลงขึ้น เป็นเพลงบรรเลงที่คุณโจวราชาของวงการเพลงจีนเลือกใช้ในงานแต่งงานของตัวเอง

เพราะคนในวัยอย่างซูมู่ชิงนั้นเติบโตมากับเพลงของเขา

ดังนั้นถึงได้หวังอย่างเหลือเกินว่าตอนตนเองแต่งงานจะมีโอกาสได้ใช้บทเพลงนี้

แล้วซูมู่ชิงในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่งดงามปานนางฟ้าคล้องแขนเย่เฉินเดินเข้ามาในงานช้าๆ พร้อมกับเพลงบรรเลงที่แสนโรแมนติกนี้

“สวรรค์ สวย…สวยเกินไปแล้ว!”

“สวยจนน้ำตาจะไหล คุณหนูซูเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย!”

ซูมู่ชิงเพิ่งจะปรากฏกายขึ้นก็ทำให้แขกในงานฮือฮา ในวงหน้าที่งดงามราวฟ้ามาดินของหล่อน นี่เป็นคู่รักที่สวรรค์สร้างก็ไม่ปาน!

ส่วนหวังเจียเหยาที่อยู่มองอยู่นั้นก็ตกตะลึง

หล่อนเห็นเย่เฉินและซูมู่ชิงเดินมา ก็เผลอย้อนนึกถึงภาพในงานแต่งงานของตนเองและเย่เฉิน

เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!

“คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะแต่งงานกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนฉันขนาดนี้…เขาจะต้องยังรักฉันอยู่แน่ๆ!”

หวังเจียเหยาทั้งอิจฉา และริษยาจนเหมือนจะบ้า!

แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้ามาตรงกลางเวที ถานซงเองก็ไม่พูดมาก เขาไม่ใช่พิธีกรงานแต่งงาน ตระกูลซูไม่จำเป็นต้องทำตามพิธีการใดๆ มีแค่ครอบครัวทั่วๆ ไปเท่านั้นถึงจะต้องทำอะไรพวกนี้

คนธรรมดาแต่งงานชอบให้พิธีกรสร้างบรรยากาศ ขบขันคู่บ่าวสาว เพื่อให้แขกสนุกสนาน

ส่วนการแต่งงานของคนในระดับตระกูลซู ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้

ถานซงกล่าวว่า “ผมเอง ก็ไม่ใช่พิธีกรงานแต่งมืออาชีพอะไร เราเชิญแม่เจ้าสาวมากล่าวอะไรสักหน่อยแล้วกัน”

จางเชี่ยนจือเดินขึ้นบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกในงาน ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้

เย่เฉินหรี่ตามอง แล้วเห็นว่าด้านบนนั้นเขียนคำว่าเงื่อนไขแต่งเข้าตระกูลซู!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด