The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 383: ชาวทะเลสีฟ้า
S.PP: บทที่ 383: ชาวทะเลสีฟ้า
สถานที่ที่เรียกว่าเมืองขุมทองนั่นคืออารยธรรมโบราณของแชนโดร่าที่หายไปเมื่อ 800 ปีก่อน
ตํานานได้บันทึกเอาไว้ว่าภายในเมืองโบราณแห่งนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยทองคําทั่วทุกที่ และ เมื่อใดที่แสงตะวันตกกระทบลงมาที่เมืองเมืองทั้งเมืองก็จะสุกสกาวไปด้วยแสงสว่างสีทองอันเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของเมืองขุมทองแห่งนี้
และเป้าหมายของโรแกนก็คือเมืองโบราณแห่งนี้
“เกาะแห่งนี้มีทองคําซ่อนอยู่จริงๆงั้นหรอ?”
โรแกนได้ถามย้ําออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคําถามของโรแกนการริโดก็ได้หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ ยังจําเป็นต้องถามอีกงั้นหรอ?,นายคิดว่ามันผ่านมากี่ปีแล้วท่านเทพนั้นได้สั่งทําการขุดค้นจนหมดสิ้นไปนานแล้ว”
“ตํานานก็คือตํานาน,มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ผันผ่านไปแล้ว”
“ก็คงจะเป็นแบบนั้น,ฮ่าๆๆ”
โรแกนได้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
หลังจากนั้นโรแกนก็ไม่ได้กล่าวถามอะไรเกี่ยวกับแชนโดร่าอีกและหันไปถามเรื่องที่เกี่ยวกับเกาะแห่งท้องฟ้าแทน เช่น เรื่องประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ
การ์ริโดนั้นเป็นคนที่สุภาพมากไม่ว่าโรแกนจะสงสัยสิ่งใดเขาก็จะกล่าวตอบออกมาเสมอ
ทั้งสองคุยอยู่ประมาณสองชั่วโมงก่อนที่จะแยกย้ายเพื่อไปพักผ่อน
ท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยและเหล่าลูกเรือของโรแกนเองเริ่มหลับกันแล้ว ตัวของโรแกนเองก็ได้ปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
ส่วนทางด้านพวกการ์ริโดนั้นที่เชี่ยวชาญพื้นที่มากกว่าก็อาสารับหน้าที่เฝ้ายามให้
“ฟู่ว
เสียงสายลมที่พัดผ่านกองไฟได้ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
โดยที่ไม่รู้ตัวในขณะที่พวกเขากําลังหลับใหลนั้นท่ามกลางความมืดก็ได้ปรากฏเงาของบางสิ่งบางอย่างที่วูบไหวไปมารอบตัวของพวกเขา
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคนหมอนั้นน่าจะเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของจอมเทพ,การ์ริโด!”
“ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาและทีมจะอยู่ในอัปเปอร์ยาร์ด!”
ท่ามกลางความมืดมิดในสถานที่ที่ไม่รู้จักได้ปรากฏเสียงที่แผ่วเบาของชายคนหนึ่ง
“คามะคิรินายแน่ใจแล้วใช่ไหม?”
หญิงสาวคนหนึ่งได้กล่าวถามออกมาเพื่อเช็คความมั่นใจ
“ฉันมั่นใจ ในตอนนี้พวกเขากําลังพักแรมกันอยู่”
“หัวหน้านี้เป็นโอกาสของเราถ้าเราฆ่าการริโดได้โอกาสที่เราจะสามารถเอาแชนโดร่ากลับคืนมาก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว!”
ชายที่สวมหมวกหมามีขนที่อายุประมาณ 40-50 ปีและน่าจะเป็นหัวหน้ายังคงเงียบและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ได้กล่าวขึ้นมา
“ถ้าสิ่งที่นายพูดเป็นความจริงมันก็ถือว่าเป็นโอกาสของเราจริงๆ!”
“การ์ริโดนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก,หากพวกเราสามารถจัดการกับเขาได้ความแข็งแกร่งของจอมเทพเองก็จะต้องลดลงไปมากอย่างแน่นอน”
“ไวเปอร์!”
หญิงสาวคนเดิมได้ตะโกนออกมา
ในตอนที่คามะคิริเห็นเธอเองก็เห็นพวกเขาเช่นกัน
“พวกเขาไม่ได้มีกันแค่กลุ่มของการริโดแต่มันยังมีคนอื่นที่ไม่รู้จักอยู่อีก ดังนั้นพวกเราควรที่จะ ห้ความสนใจกับพวกเขาด้วย!”
“รากิ!”
ในที่สุดชายแก่ที่เป็นหัวหน้าก็ได้เข้าร่วมวงสนทนา
“ช่วยบอกลักษณะของคนพวกนั้นที่มากับการ์ริโดให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
“พวกเขาไม่ใช่คนของเกาะแห่งท้องฟ้า!”
“ดวงตาของคามะคิรินั้นแคบเกินไปเขาไม่ได้สนใจกลุ่มคนพวกนั้นเลยแต่ในความคิดของฉันกลุ่มคนพวกนั้นดูน่าสงสัย”
คามาคิรินั้นได้เถียงกลับในทันที
“รากพวกนั้นมันก็แค่พวกไก่อ่อนมันมีอะไรให้น่าสังเกตการณ์กัน”
ในตอนนั้นเองไวเบอร์ก็ได้กล่าวออกมาว่า
“ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครนายก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉยต่อพวกเขา”
ชายแก่ที่เป็นหัวหน้าได้กวาดตามองไปที่พวกเขาแต่ละคน เขารู้ดีว่าชายหนุ่มพวกนี้ส่วนใหญ่นั้นต่างก็เป็นนักรบ แต่ถึงอย่างงั้นความคิดที่ละเอียดรอบคอบของรากิเองก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเพิกเฉยได้
“ถ้าคนๆนั้นคือการ์ริโดจริงมันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง”
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักในที่สุดชายแก่ก็ได้กล่าวออกมา
ค่าพูดของเขาทําให้ดวงตาของเหล่านักรบเปล่งประกาย
คนหนุ่มสาวพวกนี้นั้นต่างก็เป็นพวกเลือดร้อน พวกเขาเทียบจะทนไม่ไหวแล้วที่จะได้สู้กับการ์ริโด
“แต่พวกเราเองก็ต้องสังเกตการณ์กลุ่มคนที่รากิพูดเอาไว้ให้ดีๆด้วย”
ในเวลานี้รากินั้นกําลังบอกกล่าถึงลักษณะของโรแกนและคนอื่นๆให้กับพรรคพวกของเธอฟัง
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดคนกลุ่มนั้นจะต้องเป็นชาวทะเลสีฟ้าเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเราอย่างแน่นอน!”
ค่าพูดของชายแก่ได้ทําให้แววตาของเหล่านักรบเปลี่ยนไปเล็กน้อย
บรรพบุรุษของพวกเขานั้นแต่เดิมไม่ใช่ชาวแห่งท้องฟ้าแต่พวกเขามาจากด้านล่างของเกาะแห่งท้องฟ้า
ทันใดนั้นเองไวเบอร์ก็ได้ยกยิ้มและกล่าวขึ้นมาว่า
“ถ้าพวกเขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับเรื่องของพวกเราฉันก็จะไม่ทําอะไรพวกเขา”
“แต่ถ้าพวกเขามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของพวกเราละก็ฉันก็จะถือว่าเขาเป็นศัตรูของพวกเรา!”
ประโยคนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอ่านาจ
ไวเบอร์นั้นพึ่งจะอายุประมาณ 17 หรือ 18 เท่านั้นในปีนี้ แต่ส่วนสูงและความแข็งแกร่งของเขานั้นกลับมากกว่าพวกผู้ใหญ่ซะอีกซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก แถมเขายังเป็นผู้นําของเหล่านักรบหนุ่มอีกด้วย
“ไวเบอร์พูดถูก!”
คามะคิริได้กล่าวออกมาเสียงดัง
“เมื่อใดที่พระอาทิตย์ขึ้นนั้นคือเวลาบุกโจมตีของพวกเรา!”
“ฉันไม่ยอมปล่อยโอกาสในครั้งนี้ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน!”
ไวเบอร์ได้กล่าวออกมาก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินจากไป
ในตอนนั้นเองเหล่านักรบหนุ่มคนอื่นๆก็ได้เดินตามเขาไปในทันที
“ไวเบอร์”
ในตอนนั้นเองเสียงของหัวหน้าก็ได้ดังขึ้นมา
“ถ้าสู้ไม่ไหวก็ให้ถอยกลับมาในทันที!”
“หัวหน้า!”
ราก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความกังวล
เธอคิดว่าพวกเขาไม่ควรที่จะบุกโจมตีเข้าไปโดยที่ยังไม่ได้ทําการพิสูจน์ข้อมูลต่างๆ ให้ระเอียดถี่ถ้วนแบบนี้ เธอคิดว่ามันอาจจะเกิดปัญหาที่ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นมาซะเปล่าๆ
“ราก็ไม่จําเป็นต้องพูดแล้ว”
“ปล่อยให้พวกเขาไปเผชิญกับความเจ็บปวดด้วยตัวของพวกเขาเองจะดีกว่า”
หัวหน้าได้กล่าวออกมาอย่างช้าๆ
“ใครก็ตามที่สามารถขึ้นมาที่เกาะแห่งท้องฟ้าได้โดยผ่านทะเลสีฟ้านั้นไม่มีทางเป็นคนปกติธรรมดาอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าของรากิก็ได้เปลี่ยนไปในทันทีแม้แต่หัวหน้าก็ยังพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มของโรแกนนั้นจะไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดซะแล้ว
“เธอเองก็พาคนตามหลังพวกไวเปอร์ไปด้วย!”
หัวหน้าได้กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
“รับทราบ”
หลังจากพูดคุยกันเสร็จรากิก็ได้เดินจาไปในทันที
ชายแก่ได้มองไปที่กลุ่มคนทั้งสองด้วยดวงตาที่เหนื่อยล้า
การคุมหนุ่มสาวพวกนี้เป็นอะไรที่เหนื่อยมากจริงๆ ความกระตือรือร้นนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้ามันเปลี่ยนไปเป็นการหุนหันพลันแล่นในท้ายที่สุดแล้วมันก็จะหันกลับมาฆ่าตัวเอง!
โชคดีที่ในทีมนี้ยังมีรากอยู่
ดวงอาทิตย์ได้ลอยเด่นขึ้นมาบนท้องนภาพร้อมกับแสงแดดที่ตกกระทบลงมาที่ใบหน้าของโรแกนและคนอื่นๆ
“อืม,ขออีกห้านาที่”
ชาร์โปลอสได้พึมพําออกมาด้วยเสียงงัวเงีย
ในเวลานี้ทีมของการรีโดนั้นดูจะเหนื่อยไม่น้อยเพราะว่าพวกเขานั้นไม่ได้นอนกันมาทั้งคืนและดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็จะมาถึงขีดจํากัดแล้ว
“เช้าแล้ว”
คอมเม้นต์