The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 438: อนาคตของนาย!
S.P.P: บทที่ 438: อนาคตของนาย!
ในเวลานี้โรเจอร์นั้นกาลังรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะกล่าวว่าเขานั้นรู้วิธีการในการออกไปจากที่แห่งนี้ แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถทําได้อย่างที่พูดไหม
“คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”
หลังจากที่ไรอันปักปรอทลงไปบนพื้นดินเขาก็ได้หันกลับมากล่าวกับพวกเขาทั้งสอง
” ต้องใช้เวลาอีกนานขนาดไหน?”
เมื่อไหร่ก็ตามที่คนตระกูลทิมพูดอะไรเกี่ยวกับเวลานั้นมันมักจะไม่ใช่ข่าวดีสักเท่าไหร่
“สามชั่วโมง
ไรอันได้กล่าวตอบออกมาอย่างลวก ๆ
สามชั่วโมงของไรอันนั้นอาจจะเป็นสามวันหรือสามเดือนสําหรับโรแกน
“นายไม่ต้องกังวลไปฉันบอกว่าสามชั่วโมงก็คือสามชั่วโมง ฉันจะบอกให้นายได้รู้เอาไว้ว่าฉันนั้นเป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก!”
เมื่อสังเกตเห็นถึงความกังวลของโรแกนไรอันก็ได้กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจพร้อมกับตบลงไปที่อก
แต่โรแกนนั้นก็ยังคงไม่ไว้ใจไรอันอยู่ดี
หลังจากนั้นประมาณห้าชั่วโมงไรอันก็ได้ดึงปรอทออกมา
“พอดีว่าฉันไม่ค่อยได้ใช้งานมันสักเท่าไหร่มันก็เลยเลทไปหน่อย,ฮิฮิ แต่ไม่เป็นไรฉันได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว!”
สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่โรแกนคิดเอาไว้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็เป็นผลลัพธ์ที่สามารถยอมรับได้
“โอบราโดจะปรากฏขึ้นมาตอนไหน?”
“พวกเราโชคดีมากจริงๆ โอบราโดนั้นจะปรากฏขึ้นมาในอีก 5 วันข้างหน้า”
ไรอันได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เครื่องมือนี้เชื่อถือได้ใช่ไหม?”
โรเจอร์ได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“แม้ว่าโอบราโดที่มีขนาดใหญ่นั้นจะปรากฏขึ้นมายากมากซึ่งมันจะปรากฏขึ้นมาในทุกๆร้อยปี แต่กับโอบราดโขนาดเล็กนั้นพวกเราสามารถที่จะพบเจอมันได้เดือนละครั้ง แต่ในบางทีมันก็ปรากฏขึ้นมาถี่มากดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มันจะปรากฏขึ้นมา”
ไรอันได้กล่าวตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าความเชี่ยวชาญทางด้านภูมิอากาศและภูมิประเทศของเขาจะไม่สามารถเทียบได้กับความสามารถทางวิถีดาบแต่มันก็นับว่าเหนือกว่าคนทั่วไปไกลโข
“เป็นงั้นเองหรอกหรอ”
ทั้งสองได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หากพวกเขาต้องรอถึงร้อยปีพวกเขาก็คงจะตายก่อนพอดี
“แม้ว่าโอบราโดขนาดเล็กนั้นจะปรากฏขึ้นมาบ่อยแต่มันก็มีเวลาจํากัดแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงและมันก็จะปรากฏขึ้นมาแค่ในทะเลภายนอกเท่านั้น”
ไรอันได้กล่าวอธิบายออกมา
“ก่อนที่พวกเราจะไปที่โอบราโดที่จะปรากฏขึ้นมาในอีก 5 วันต่อจากนี้ ฉันขอบอกพวกนายเอาไว้ก่อนเลยก็แล้วกันถ้าหากว่ามีอันตรายใดๆเกิดขึ้นมาฉันขอเตือนให้พวกนายจะมุ่งหน้ากลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ไรอันได้กล่าวเตือนออกมาอย่างจริงจัง
เขานั้นยังไม่อยากตายไปพร้อมกับพวกโรแกนและโรเจอร์ ประวัติศาสตร์นับไม่ถ้วน นั้นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้คนที่เข้าไปในส่วนลึกของโอบราโดนั้นต่างก็ต้องพบกับความตาย
ในเวลาต่อมาโรแกนและโรเจอร์ก็ได้เดินจากไปพร้อมกับไปแจ้งข่าวให้กับเหล่าลูกเรือของเขาได้รับรู้
เมื่อรู้ว่าอีกห้าวันพวกเขาจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก
“โรเจอร์ภารกิจของนายในตอนนี้คือตั้งใจฟังในสิ่งที่เกาะแห่งนี้ต้องการจะบอกเอาไว้ให้ดี!”
โรแกนได้จ้องมองไปที่โรเจอร์และกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆ ๆ ๆ รู้แล้วน่านายไม่ต้องกังวลไปหรอก”
โรเจอร์ได้หัวเราะและกล่าวออกมา
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของอีกฝ่ายโรแกนก็ไม่ค่อยจะอยากเชื่อเขาสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่สามารถทําอะไรได้
แม้ว่าเขาจะสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตต่างๆได้แต่มันก็ไม่ใช่ความสามารถในการฟังเสียงของทุกสรรพสิ่งอย่างโรเจอร์
เวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาสี่วันแล้ว
“คุณยังไม่ได้รับข้อความที่สมบูรณ์อีกงั้นหรอ?”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่หน้าเกลียด
“มันเหลืออีกแค่สองค่าเท่านั้น!”
โรเจอร์ได้กล่าวออกมาด้วยความเสียดาย
“ประโยคที่ฉันได้รับมาในตอนนี้ คือ ไปที่โอบราโดปลดปล่อยจิตวิญญาณของทิมและนําไป..!”
“มันเหลือเพียงแค่ส่วนสุดท้ายเท่านั้น!”
“ฉันรู้,แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้วพรุ่งนี้โอบราโดก็จะปรากฏขึ้นมาแล้ว”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า,ในตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าพวกเราต้องทําอะไรบ้าง”
โรเจอร์ได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินค่าพูดของโรเจอร์แม้แต่โรแกนเองก็ยังรู้สึกเห็นด้วย ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงได้มุ่งหน้าไปที่บ้านของไรอัน
ด้วยความหวังที่จะได้ออกไปจากที่แห่งนี้ทําให้เขาเลิกสนใจในตัวของดาซไปใน ทันทีในเวลานี้เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ที่บ้านเพื่อศึกษาทบทวนเรื่องราวของโอบราโด
“ไรอันนายรู้ไหมว่าจิตวิญญาณของทิมคืออะไร?”
เมื่อมาถึงบ้านของไรอันโรแกนก็ได้กล่าวถามออกมาในทันที
“จิตวิญญาณของทิม? มันเป็นพืชที่ขยายตัวเมื่อสัมผัสกับน้ําทะเล
ไรอันได้กล่าวตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
“มันอยู่ที่ไหน?”
โรเจอร์ได้กล่าวถามออกมาอย่างเร่งรีบ
“ที่ภูเขาด้านหลังมันอยู่ทั่วทั้งภูเขา”
ไรอันได้ชี้นิ้วไปที่ภูเขาที่อยู่ด้านหลังของเขา
ในเวลาต่อมาพวกเขาทั้งสามก็ได้เดินทางไปยังภูเขาดังกล่าว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาทั้งสามก็ได้พบกับทะเลดอกไม้แปลกๆ ซึ่งมันทําให้พวกเขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
“นี่หนะหรอจิตวิญญาณของทีม?”
โรแกนได้พึมพําออกมาเสียงต่ํา
“ใช่แล้ว, นี่คือจิตวิญญาณของทิม มันเป็นที่รู้จักกันในนามดอกไม้ที่ไม่เคยผลิบาน”
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาในเวลานี้นั้นคือดอกไม้สีเขียวที่มีกิ่งสีทอง
เมื่อสายลมพัดผ่านมาจิตวิญาณของทิมก็พลิ้วไหวไปมาไม่ต่างอะไรจากดอกโดยทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือมันเป็นดอกไม้ที่ไม่สามารถผลิบานได้
“พวกมันจะคงอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปจนกว่าพวกมันจะเหี่ยวเฉาไป”
ไรอันได้กล่าวอธิบายออกมา
“มันเป็นดอกไม้ที่วิเศษจริงๆ เมื่อสัมผัสกับน้ําทะเลก็จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วแต่กลับไม่ยอมผลิบาน”
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้นเองโรเจอร์ก็ได้กล่าวถามออกมาว่า
“แล้วดอกเจ็ดสี่ล่ะมันคืออะไร?”
“อืม?”
ไรอันได้จ้องมองแปลกๆมาที่โรเจอร์ก่อนที่จะกล่าวตอบออกมาว่า
“มันคือดอกไม้,แต่จริงๆแล้วดอกเจ็ดสีนั้นก็คือปลาชนิดหนึ่ง”
ในตอนนั้นเองไรอันก็ได้ไขข้อสงสัยให้กับพวกเขา
“ฉันจ่ามันได้ดีก็เพราะว่าในตอนที่ฉันยังเด็กนั้นดอกเจ็ดสีนั้นทําให้ฉันได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ฉันไม่มีทางลืม”
เมื่อได้ยินคําพูดของไรอันโรแกนก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากดอกไม้กลับกลายเป็นปลา? ส่วนเรื่องราวของไรอันนั้นโรแกนไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นเองโรแกนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
“นี่เป็นคีย์เวิร์ดที่นายได้ยินมาใช่ไหม?”
“ใช่ เกาะแห่งนี้บอกกับฉันว่าพวกเราจําเป็นต้องใช้ดอกเจ็ดสีในการนําทางพวกเราถึงจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้!”
“งั้นก็หมายความว่าพวกเราต้องแยกทางกันแล้วสินะ?”
ในเวลานั้นเองโรแกนก็ได้กล่าวถามออกมา
“ก็น่าจะเป็นยังงั้น”
โรเจอร์ได้ยอมรับออกมาอย่างใจเย็น
“นายอยากรู้อนาคตไหม?”
ในตอนนั้นเองโรแกนก็ได้กล่าวถามออกมา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขานั้นไม่เคยพูดถึงเรื่องอนาคตเลยแม้แต่น้อย
“สิ่งที่ฉันอยากรู้มากกว่าอนาคตของฉันที่จะเกิดขึ้นก็คืออนาคตของนาย”
“น้องชายของฉัน!”
โรเจอร์ได้กล่าวและจับไปที่ไหล่ของโรแกนอย่างอ่อนโยน
คอมเม้นต์