เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 37 แบไต๋เลยแล้วกัน ผมเป็นอภิมหาเศรษฐี
คุณนายหวังครอบครองทรัพย์สินพันกว่าล้านของตระกูลหวัง ถือว่ามีอิทธิพลมากพอตัวในตระกูลหวังหรืออาจจะถึงขั้นทั้งอวิ๋นโจว
เย่เฉินท้าทายคุณนายหวังหลายครั้ง ทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดอย่างยิ่งยวด หล่อนจะต้องทำให้เย่เฉินยอมศิโรราบให้หล่อนให้ได้
ทว่าพุดเดิ้ลในอ้อมกอดคุณนายหวัง หลังจากเห็นเย่เฉินก็ดิ้นออกจากอ้อมกอดของคุณนายหวังแล้วกระโดดลงพื้น
“ฮัวฮัว!”
คุณนายหวังตกตะลึง รีบร้อนเรียกชื่อเจ้าหมาพุดเดิ้ลแต่ฮัวฮัวไม่ฟังแม้แต่น้อย มันวิ่งไปหาเย่เฉินอย่างรวดเร็ว!
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วอุ้มฮัวฮัวขึ้นมา ส่วนเจ้าฮัวฮัวเห็นเขาก็ร่าเริงอย่างยิ่ง เลียมือเย่เฉินไม่หยุด
ตลอดเวลาสามปีเย่เฉินเป็นคนดูแลสุนัขตัวนี้มาโดยตลอด ให้อาหาร เก็บอึ หรือถ้ามันป่วยก็พามันไปหาหมอ
พูดได้ว่าเย่เฉินเป็นมนุษย์ที่ใกล้ชิดกับ‘ฮัวฮัว’ที่สุดในบ้านหลังนี้
ภาพตรงหน้าทำให้คุณนายหวังอับอายอย่างยิ่ง
สุนัขแสนรักไม่อยากอยู่กับตนเอง แต่กลับวิ่งเข้าไปหาเขยที่โดนขับออกจากบ้านอย่างเย่เฉิน
หวังซ่าวเจี๋ยเห็นเหตุการณ์เข้าก็กล่าวว่า “ฮ่าๆ หมานี่ชอบอยู่กับพวกเดียวกันจริงด้วย คุยภาษาเดียวกันนี่เอง จุดนี้พวกเราคงสู้ไม่ได้”
“ฮ่า ฮ่า” หวังหยวนหยวนและซีกวาต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
เย่เฉินลูบฮัวฮัวไปพร้อมกับกล่าว “ผมอยู่บ้านนี้มาสามปี วันนี้กลับมาอีกครั้ง ทุกคนก็ยังเหน็บแนมผม มีแต่ฮัวฮัวที่ยังเหมือนเดิม ดูแล้วผมว่าคนบางคนแย่ยิ่งกว่าหมาเสียอีก!”
“สารเลว กล้าตีวัวกระทบคราดเหรอ!” หวังจื้อหย่วนกล่าวอย่างหงุดหงิด
ซูหลานเองก็โวยวาย “เขยขยะ! ยิ่งนานวันยิ่งไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่!”
คุณนายหวังเองก็โกรธอย่างมากจึงย้อนถามเย่เฉิน
“แกยังมีหน้ามาพูดคำนี้อีก! หมาที่ฉันเลี้ยงมาสามปียังรู้ความไม่แว้งกัดฉัน แถมยังรู้จักกระดิกหางเอาใจฉัน แกล่ะ? ซ้อมหลานฉันแถมยังขโมยนาฬิกาของเรา! แกไม่รู้จักบุญคุณของข้าวแดงแกงร้อนที่แกกินมาตลอดเวลาสามปีนี้หรือไง!”
เย่เฉินยืดตัวตรง “ผมไม่เคยเอานาฬิกาของคุณไป!”
คุณนายหวังล้วงเอานาฬิการิชาร์ด มิลล์เรือนหนึ่งออกมาแล้วกล่าว “แล้วนาฬิกาเรือนนี้ไปอยู่ในมือของพี่กวาได้ยังไง? นาฬิการุ่นนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด ทุกเรือนจะมีสัญลักษณ์โดยเฉพาะ ไม่มีทางผิดแน่!”
‘ซีกวา’ เดินมาทางเย่เฉินพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าว “ไอ้หนู นายเป็นคนขายนาฬิกานี้ให้ฉันเอง นายยังบอกด้วยว่าจะเอาเงินที่ได้จากขายนาฬิกาไปเช่าโรงแรมซีจื่อหูสัปดาห์หนึ่ง ถ้าหากนายไม่ได้เงินห้าล้านหยวนจากฉัน งั้นนายลองบอกมาหน่อยว่านายเอาเงินมาจากไหน?”
ซีกวาและหวังซ่าวเจี๋ยสบตากันด้วยรอยยิ้ม บทในวันนี้พวกเขาเตรียมกันไว้นานแล้ว
พวกเขารู้ว่าเย่เฉินไม่ได้เอานาฬิกาไป แต่เงินที่เย่เฉินเอามาเช่าโรงแรม ไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัด ถ้าไม่ได้ขโมยมาก็คงไปจี้ปล้นมา
เย่เฉินนิ่งไปแล้วถอนหายใจยาว
บางทีนี่เป็นเวลาที่จะให้พวกเขาได้รู้ความจริงสักที!
เย่เฉินพูดช้าๆ “เดิมทีอยากจะใช้สถานะคนธรรมดาคบหากับพวกคุณ คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นคำเยาะเย้ย”
“ก็ได้ งั้นผมพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ผมเป็นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป! ผมเป็นมหาเศรษฐี! เหตุผลนี้คงจะพอแล้วใช่ไหม!”
เย่เฉินพูดจบร่างกายก็สั่นเทิ้มอย่างตื่นเต้น!
เขารู้ว่าความจริงข้อนี้จะต้องมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับทุกคน โดยเฉพาะกับหวังเจียเหยา!
เขาตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างมากว่าหลังจากที่หวังเจียเหยาล่วงรู้สถานะของตนเองแล้วจะเสียใจหรือไม่ที่ทรยศเขา!
ทว่า…
“ฮ่าๆ…”
“ฮ่าๆ…”
ทุกคนที่นั่น นอกจากคุณนายหวังต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!
กระทั่งนักเลงซึ่งเป็นลูกน้องซีกวาที่เดิมทีทำท่าราวจะกินเลือดกินเนื้อเขายังร่วมวงหัวเราะด้วย
เย่เฉินงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น
หวังซ่าวเจี๋ยหัวเราะจนกุมท้องเอาไว้ “แกคิดว่าตัวเองเป็นหวังตัวอวี๋หรือไง? แถมยังพูดบทในเรื่อง Hello Mr. Billionaire ฮ่าๆ ตลกจังเลย!”
หวังหยวนหยวนเองก็หัวเราะจนตัวสั่นเทิ้ม “เย่เฉิน ทำไมนายถึงได้ชอบแกล้งทำตัวเป็นคนรวยนักล่ะ? ถ้านายเป็นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป อย่าว่าแต่พี่สาวฉันแต่งกับนาย ฉันจะยอมเป็นเมียน้อยนายด้วยเลย แล้วพวกเราสองคนพี่น้องจะสลับกันปรนนิบัตินายเลย!”
เย่เฉินงุนงงจนเอือมระอา “Hello Mr. Billionaire คืออะไร?”
อันที่จริงคำพูดเมื่อครู่ของเย่เฉินดันไปตรงกับบทในเรื่อง Hello Mr. Billionaire พอดี
ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะฮอตมาก แต่เย่เฉินไม่ค่อยดูภาพยนตร์ที่ผลิตในจีนดังนั้นจึงไม่รู้
ซีกวายิ้มขณะตบบ่าเย่เฉินแล้วกล่าว “น้องชาย เลิกแกล้งทำเถอะ นายจะมาลำพองใจอะไร คิดว่าทุกคนไม่รู้ความจริงหรือไง? คุกเข่าต่อหน้าคุณนายหวังยอมรับผิดเถอะ แล้วนายวางใจได้ คุณนายหวังพูดแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้นายต้องเข้าคุก”
ที่ซีกวายอมมาเป็นพยานด้วยตัวเองนั่นเป็นเพราะคุณนายหวังไม่ได้ตั้งใจจะแจ้งความ
พอเป็นแบบนี้พยานเท็จอย่างซีกวาก็ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย
และในเวลานี้เองหวังเจียเหยาก็เปิดปากเอ่ย “เย่เฉิน อย่างไรเสียนายก็เป็นสามีฉันมาสามปี ตระกูลหวังเราเองจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตจะไม่ปล่อยให้นายต้องติดคุก ส่วนเรื่องเงินถึงแม้ว่านายจะใช้เงินไปหลายแสน แต่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป จากนั้นค่อยๆ คืนก็พอ ขอแค่นายคุกเข่ายอมรับผิดก็ไปได้แล้ว”
เย่เฉินงุนงง เมื่อวานหวังเจียเหยาเพิ่งโดนฉินหงเหยียนตบไปฉาดหนึ่งแล้วโดนด่ากลางที่จอดรถใต้ดินอยู่นาน วันนี้พอเจอเย่เฉินควรจะด่าแรงๆ ถึงจะถูก
ทำไมถึงได้อ่อนโยนขึ้นมาเสียเฉยๆ
เย่เฉินยังคงยืนยัน “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่มีทางคุกเข่าอยู่แล้ว แต่ต่อให้ผมทำผิด พวกคุณก็ไม่คู่ควรให้ผมคุกเข่าขอโทษอยู่ดี!”
“สารเลว!” คุณนายหวังตบโต๊ะอย่างหัวเสีย
ซูหลานเอ่ย “แจ้งความเลย แจ้งความ ส่งเขยขยะคนนี้ไปติดคุกสักสิบปี!”
พอได้ยินคนตระกูลหวังบอกว่าแจ้งความ ซีกวาก็เกิดกลัวขึ้นมาไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นพยานเท็จ
ซีกวารู้ว่าคุณนายหวังแค่ต้องการให้เย่เฉินคุกเข่าให้ ส่วนเย่เฉินจะเต็มใจหรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญ
ดังนั้นใบหน้าเขาจึงฉายแววโหดเหี้ยม “วันนี้นายต้องคุกเข่า ไม่อยากคุกเข่าก็ต้องทำ!”
“พี่น้องกดเขาลง!”
และในเวลานี้เองเหล่าอันธพาลที่ยืนอยู่ตรงประตูสองคนก็เดินปรี่เข้ามาคว้าเข้าที่แขนของเย่เฉินคนละข้าง
“คุกเข่าลง!”
เย่เฉินไม่แยแสคนทั้งสองที่กำลังจับแขนตนเองแม้แต่น้อย เขามองคนตระกูลหวังแล้วกล่าว “ผมบอกแล้วว่าพวกคุณไม่คู่ควร!”
ในทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เตะใส่เป้าของชายที่จับแขนซ้ายเขา แล้วแขนขวาก็สลัดให้พ้นจากการจับกุม จากนั้นก็ใช้แขนซ้าย ทุ่มคนที่อยู่ด้านขวาลงบนพื้น!
ซีกวาตกตะลึง “ที่แท้ก็มีฝีไม้ลายมือเหมือนกันนี่ พี่น้องพร้อมกันเลย!”
แปดคนที่เหลือพุ่งตรงไปหาเย่เฉินพร้อมกัน
“โฮ่ง โฮ่ง!” ฮัวฮัวถลาเข้ามาขวางด้านหน้า แล้วเห่าใส่พวกเขาไม่หยุด
หวังหยวนหยวนรีบไปอุ้มฮัวฮัวออกมา สุนัขที่เดิมชอบผู้หญิงอย่างมากอย่างฮัวฮัวเป็นครั้งแรกที่ไม่อยากจะดื่มด่ำอยู่ในอ้อมกอดอันแสนจะนุ่มนิ่มของหวังหยวนหยวน มันเห่าไม่หยุด
คุณนายหวังกล่าว “เย่เฉิน ฉันให้โอกาสแกคุกเข่าขอโทษเองอีกทีจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว!”
เย่เฉินหันไปมองหน้าพวกนักเลงหัวไม้ทั้งสองคนแล้วยิ้มเย็น “งั้นผมเองก็ขอพูดอีกรอบพวกคุณไม่คู่ควร!”
คอมเม้นต์