การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – LS ตอนที่ 12 ความลับของหยก
LS ตอนที่ ๑๒ ความลับของหยก
“นายท่าน นายท่านขอรับ! ข่าวดีขอรับ!” พ่อบ้านเอ่ยเมื่อกลับมาถึง
ซูฮ่วนหลี่ดูมีความสุขและเอ่ยถาม “ได้เรื่องไหม?”
“ขอรับ!”
พ่อบ้านตบมือ “ตุลาการหลี่ชอบอามิสสินจ้างจริง ๆ ขอรับ เขาตอบตกลงในทันที”
แต่ซูฮ่วนหลี่แค่นแสยะพลางกระซิบ “อาหารจานนี้ต้องเป็นผลประโยชน์ใหญ่หลวงกับภัตตาคารแน่ เขาถูกหลี่ซานเป่าสั่งสอนมา ถ้าเขาไม่เห็นด้วยมันก็จะต้องมีอะไรผิดพลาด!”
ซูฮ่วนหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “หากตระกูลซูไม่พุ่งเป้าไปที่ธุรกิจขายผ้า ข้าก็จะไม่ให้โอกาสหลี่เว่ยได้ทำเงินในเรื่องนี้หรอก ช่างน่าเสียดายนัก”
พ่อบ้านพลันเข้าใจความหมายในคำพูดของซูฮ่วนหลี่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลี่เว่ยถึงตัดสินใจโดยไม่ลังเล
“นายท่าน แล้วสูตรอาหาร…”
“เจ้านำปากกา แท่งหมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกไปให้เอ้อร์หยาที” ซูฮ่วนหลี่เอ่ย จากนั้นก็ย่นคิ้ว “นี่เป็นเรื่องใหญ่…แค่หาข้ออ้างดี ๆ แล้วพานางไปเรียนซะ”
ภายในเรือนขนาดเล็ก ซูเอ้อร์หยานั่งเงียบ ๆ ท่ามกลางแสงตะวันขณะหลับตาลง ราวกับว่านอนหลับ
นางลืมตาขึ้นเมื่อหูได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวแว่ว ๆ จากนั้นก็วางมือไว้บนสมุดคัดลายมือต้าฮั่นบนโต๊ะหินอย่างนุ่มนวล
ในตอนนั้นพ่อบ้านก็ได้ผลักประตูเข้ามา เห็นคุณหนูสองที่ใบหน้ากลายเป็นสีแดงภายใต้แสงแดดแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและเอ่ยขึ้น “คุณหนูสองขอรับ นายท่านต้องการเห็นท่านเรียนหนังสือ”
ซูเอ้อร์หยาเหมือนจะหวาดกลัว พ่อบ้านจึงอธิบายต่อ “เป็นเรื่องของบ๊ะจ่างน่ะขอรับ”
ซูเอ้อร์หยาโล่งใจ นางยืนขึ้นตบเสื้อผ้าบุฝ้ายของนางแล้วก้าวเข้าไปในครัวด้วยผมยาวปลิวสยาย
พ่อบ้านส่ายหน้าและเขม่นตาลงมองหนังสืออันบอบบางบนโต๊ะหิน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มในทันที
“พ่อบ้านหลี่ ข้าพร้อมแล้วจ้ะ!”
ซูเอ้อร์หยามาพร้อมกับตะกร้า แต่ไม่ทันตั้งตัวกับคำถามที่คอยท่านางอยู่ก่อน พ่อบ้านถามนางขึ้นมา “คุณหนูสอง ท่านขโมยหนังสือเล่มนี้มาจากไหนหรือขอรับ? มันเป็นของที่ท่านพี่ของท่านต้องใช้ศีกษาหรือเปล่าขอรับ?”
ซูเอ้อร์หยาตัวสั่นเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดและหยาดน้ำตาเอ่อคลอ “พ่อบ้านหลี่จ๊ะ ข้าไม่เคยขโมยอะไรทั้งนั้น ข้าไม่ได้ขโมยไข่มุกราตรีไปนะจ๊ะ”
พ่อบ้านถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะย้ำเตือนประสบการณ์เลวร้ายของคุณหนูสอง เขาเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ถ้าอย่างนั้นบอกข้าได้หรือไม่ขอรับว่าท่านได้หนังสือเล่มนี้มาจากไหน?”
“ท่านพี่ให้มันกับข้าเจ้าค่ะ” ซูเอ้อร์หยากระพริบตาสุกกระจ่าง “เขาบอกว่าเขากำลังจะไปแล้ว และหนังสือนี้ก็จะทำให้ข้าระลึกถึงเขา”
ได้ยินดังนั้นพ่อบ้านก็ถอนหายใจลึก เป็นอย่างที่นายท่านอาจจะพูดไว้จริง ๆ คุณหนูสองไม่รู้หนังสือ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเอ่ยคำพูดมีอารยะแบบนั้นออกมา
“เป็นความผิดของข้าที่เข้าใจท่านผิดขอรับ” พ่อบ้านลูบศีรษะนางเบา ๆ และหวาดกลัวว่าจะทำนางกลัวอีกครั้ง “แต่อย่าให้นายท่านเห็นมันล่ะขอรับ เขาไม่พอใจแน่ถ้าเห็นมัน”
ซูเอ้อร์หยาพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “แต่ข้าไม่เข้าใจภาพในนั้นเลยสักภาพ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงให้มันกับข้าน่ะจ้ะ”
เรื่องนี้ทำให้พ่อบ้านใจเต้นแรง
“คุณชายหวังให้ผู้หญิงในตระกูลอ่านออกเขียนได้กันหมดเลยหรือ?”
ขณะที่เขาจมอยู่กับความคิด ซูเอ้อร์หยาก็หยิบบ๊ะจ่างออกจากตะกร้าและยื่นให้กับพ่อบ้านพลางยิ้มกริ่มขณะเอ่ยขึ้น “นี่จ้ะ ท่านยังไม่ได้ชิมบ๊ะจ่างที่ข้าทำเลย!”
พ่อบ้านคืนสติกลับมาและรีบดันมันออกห่างทันที “ข้าจะทานอาหารเลิศรสเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ เก็บไว้ให้ท่านเองเถอะขอรับคุณหนูสอง”
ซูเอ้อร์หยาเม้มปากเข้าด้วยกันและหยิบบ๊ะจ่างใส่มือของเขา นางเอ่ยเสียงเรียบ “ถือว่าเป็นของขวัญที่ท่านทำงานหนักมากแล้วกันจ้ะ”
พ่อบ้านไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขายิ้มกริ่มและถือบ๊ะจ่างในอ้อมแขน จมอยู่ในความคิดของตนเองอีกครั้ง
“ทำไมคุณหนูสองช่างเอาใจใส่ข้านัก? ข้าทำให้นางกลัว และสาวน้อยคนนี้ก็ไม่ถือสาข้าเลย”
“คุณหนูสามปฏิบัติกับข้าราวกับทาส ต่อให้ข้าทำทุกอย่างสมบูรณ์เเบบแล้วนางก็ไม่เคยพอใจ…ดูเหมือนว่าข้าต้องคิดเกี่ยวกับคุณหนูสองมากขึ้นในภายหน้าแล้วล่ะ”
พ่อบ้านมองหนังสือบนโต๊ะหินอีกครั้งแล้ววางแผนในใจ
หลังจากที่ซูเอ้อร์หยาออกไปพร้อมกับพ่อบ้าน เรือนด้านตะวันตกก็ได้รับข่าวจากจูเอ๋อร์ จูเหยียนนั่งบนเตียงอย่างกระวนกระวายด้วยเหงื่อเย็นผุดพรายบนหน้าผากและแววตาตื่นตระหนก
“นายท่านจับอะไรบางอย่างได้งั้นหรือ?”
จูเหยียนคิดหนัก และยิ่งนางคิดมากนางก็ยิ่งหวาดกลัว นอกจากเหตุการณ์นั้นแล้วนางก็นึกเหตุผลอื่นที่พ่อบ้านพาเอ้อร์หยาไปที่เรือนหลักไม่ออกเลย
“ไม่ ข้าต้องใจเย็นไว้! จื่อเผยจะทำอย่างไรหากข้าไม่อยู่?”
จูเหยียนหยุดจัดสัมภาระ นางขบฟันแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดลิ้นชักลับใต้โต๊ะ นางคลำหาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หยิบหยกขาวออกมา
หยกขาวอุ่นขึ้นในฝ่ามือของนาง ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แม้แต่คนโง่ก็ยังเห็นว่าหยกนี้มีราคาค่างวดสูงยิ่ง ลวดลายบนหยกดูเหมือนส่วนล่างของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่จูเหยียนที่เรียนด้านการออกแบบมาหลายปีก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
จูเหยียนจ้องมองหยกและสงบสติอารมณ์ลงในเวลาต่อมา
ชิ้นหยกนี้นางได้รับมาจากเอ้อร์หยาตอนที่นางรับเลี้ยงดูอีกฝ่าย
นางไม่เคยเห็นชิ้นหยกล้ำค่าขนาดนี้มาก่อน ตระกูลของเอ้อร์หยาต้องมีฐานะร่ำรวยมากแน่นอน แต่นางตรวจดูแล้วและพบว่าเด็กสาวไม่มีปานกำเนิดบนร่างของนาง!
และจื่อเผยเองก็ไม่มีปานกำเนิดด้วยเหมือนกัน!
คอมเม้นต์